สิวไม่มีหัว ปัญหาสิวสุดวุ่นวาย บีบก็ไม่ได้ ปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่มั่นใจ ทำไงดี?
สิวไม่มีหัว (Blind Pimples หรือ Cystic Acne) มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สิวตุ่มนูน (Papules)” เป็นสิวที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี ปัญหาสิวประเภทนี้ มีลักษณะเป็นสิวไม่มีหัวนูน ๆ และมีตุ่มสีแดง ซึ่งมักพบสิวขนาดเล็กไปจนถึงขนาดปานกลาง บางรายอาจมองเห็นสิวอุดตันไม่มีหัวได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก เนื่องจากมีการอักเสบระดับน้อยจึงเห็นเป็นตุ่มสีแดงจาง ๆ อย่างไรก็ตาม สิวไม่มีหัวไม่ควรบีบหรือกดสิวออกมา เพราะอาการอักเสบจะมากยิ่งขึ้นจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดได้
ในบทความนี้ จะพาคุณไปรู้จักกับปัญหาสิวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิวไม่มีหัว นูน ๆ เกิดจากอะไร และมีวิธีการรักษายังไง รวมไปถึงตอบคำถามที่ทุกคนสงสัยเกี่ยวกับสิวไม่มีหัว
SkinX แอปพลิเคชันปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ให้คุณสามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญได้ทุกที่ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สถานพยาบาล เพียงดาวน์โหลดแอป ก็สามารถปรึกษาครั้งแรกได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมแนะนำคลินิกที่ให้บริการรักษาสิวจากทั่วประเทศ และโปรโมชันราคาดีอีกมากมาย ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ได้เลยที่ App Store & Play Store
สรุป “สิวไม่มีหัว” เกิดจากอะไร?
- สิวไม่มีหัวเกิดจากความผิดปกติของ Pilosebaceous Unit ที่รวมตัวกันของเคราตินและแบคทีเรีย จนทำให้เกิดการอุดตันที่ท่อรูขุมขน รวมถึงปริมาณน้ำมันที่ถูกผลิตมากเกินไปบนผิวหน้า
- สิวไม่มีหัวสามารถเกิดขึ้นจากพันธุกรรม, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, ประวัติการใช้ยา และพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่อาจส่งผลต่อร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพักผ่อนหรือความเครียด
- สิวไม่มีหัวสามารถรักษาได้ด้วยการทายาต้านเชื้อแบคทีเรียและฉีดคอร์ติโซน แต่สำหรับใครที่กังวลว่า สิวจะเกิดความรุนแรงมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อวิธีการรักษาที่ดีที่สุด
- สิวไม่มีหัวสามารถหายได้ใน 4-6 สัปดาห์ ยิ่งมีการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะยิ่งทำให้สิวยุบ และหายไปได้เอง แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจจะเกิดการอักเสบรุนแรงมากขึ้นได้
สิวไม่มีหัว นูนๆ เกิดจากอะไร
สิวอักเสบไม่มีหัวเกิดจากความผิดปกติใน Pilosebaceous Unit ที่มีการรวมตัวกันของเคราติน (Keratin) ไขมันจากต่อมไขมัน และแบคทีเรีย จนทำให้เกิดการอุดตันที่ท่อรูขุมขน (Follicular Plug) อีกทั้งปริมาณการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน และเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน (Proprionibacterium Acnes) ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดสิวไม่มีหัวเช่นเดียวกัน
เมื่อเชื้อแบคทีเรียชนิดแกรมบวก (Gram Positive) สะสมในรูขุมขนปริมาณมากจนเกินไป จะส่งผลให้เกิดการอักเสบบริเวณผิว จนกลายมาเป็นสิวแดง ๆ ไม่มีหัว แบบที่ใครหลายคนเคยเป็นกันนั่นเอง
โควทข้อความ : “Pilosebaceous Unit คือ ชื่อที่เรียกรวมระหว่างรูขุมขน (Follicle) และต่อมไขมัน(Sebaceous Gland)”
นอกจากสาเหตุที่กล่าวไว้ในข้างต้นนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สามารถทำให้เกิดสิวไม่มีหัวได้ ดังนี้
- พันธุกรรม เมื่อพบว่า สมาชิกภายในครอบครัวเคยเป็นสิว มีโอกาสที่คนในสายเลือดเดียวกันจะเป็นสิวด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพศชายที่มักเกิดสิว และมีโอกาสที่สิวนั้นจะกลายเป็นแผลเป็นอีกด้วย
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน การเกิดสิวมักลุกลามขึ้นในช่วงรอบประจำเดือนของผู้หญิง ซึ่งจากการศึกษาพบว่า เพศหญิงวัยผู้ใหญ่ประมาณ 56% จะมีอาการสิวลุกลามในช่วงก่อนมีประจำเดือน
- ประวัติการใช้ยา การใช้ยาบางชนิดอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่ลุกลามขึ้นแบบสิวทุกเม็ดขึ้นในระยะเดียวกัน (Monomorphous)
- การใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่ ความเครียดสะสม, การสัมผัสมลพิษทางอากาศ, การสูบบุหรี่ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แล้วเกิดการอุดตัน สาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนส่งผลให้เกิดสิวไม่มีหัวได้
สิวไม่มีหัวแตกต่างจากสิวอื่นๆอย่างไร
สิวนูนหรือสิวไม่มีหัวเป็นสิวที่อยู่ในกลุ่มสิวอักเสบ (Inflammatory Acne) ซึ่งมีลักษณะเป็นสิวตุ่มนูนแดง (Papule) โดยภายในกลุ่มสิวอักเสบยังมีสิวรูปแบบอื่น ๆ ที่มีความแตกต่างจากสิวอักเสบไม่มีหัว ดังนี้
- สิวตุ่มหนอง (Pustules) เป็นเม็ดสิวที่มีความอ่อนนุ่มในระดับหนึ่ง สามารถมองเห็นหนองสีขาวอยู่ภายในสิวได้อย่างชัดเจน ขนาดเม็ดสิวตุ่มหนองอยู่ในระดับเล็กไปจนถึงปานกลาง
- สิวหัวช้าง (Nodule) เป็นสิวเม็ดใหญ่ไม่มีหัว มีความแข็งเหมือนสิวเป็นไตนูนเต่งเมื่อสัมผัสโดนสิว บางกรณีอาจพบว่า สิวมีการรวมตัวอยู่ใกล้กันบริเวณกว้าง ทำให้แผลที่เกิดจากสิวหัวช้างหายช้ามากขึ้นอีกด้วย
- สิวซีสต์ (Cyst) เป็นสิวขนาดใหญ่ที่มีหนอง และเลือดปะปนอยู่ภายใน เมื่อสัมผัสจะมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย โดยสิวชนิดนี้เป็นสิวที่มีความรุนแรงมากที่สุด รวมถึงมีโอกาสที่จะเกิดแผลเป็น หรือหลุมสิวหลังการรักษาได้
ส่วนกลุ่มสิวไม่อักเสบ (Non-Inflammatory acne) ที่เป็นสิวอุดตัน แต่ไม่มีอาการอักเสบอื่น ๆ จะมีความแตกต่างจากสิวไม่มีหัวค่อนข้างมาก ดังนี้
- สิวหัวดำ (Blackheads) เป็นสิวหัวเปิดที่มีลักษณะแบนเรียบ หรือมีสิวโผล่ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ซึ่งจะมีเคราตินและลิพิดฝังอยู่ สิวหัวดำมีสีเข้ม เนื่องจากเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) นั่นเอง
- สิวหัวขาว (Whiteheads)เป็นสิวหัวปิดที่มีหัวสีขาว และมีตุ่มนูนขึ้นเล็กน้อย รวมถึงไม่มีรูเปิดของสิวที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
บริเวณที่มักเกิดสิวไม่มีหัว
เมื่อรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวแดง ๆ ไม่มีหัวแล้ว ส่วนต่อไปเราจะมาดูกันต่อว่า สิวไม่มีหัวมักเกิดบริเวณไหนบนใบหน้าของเราได้บ้าง?
สิวไม่มีหัวที่แก้ม
สิวที่แก้มมักมาจากสิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อโรคที่เกิดการสะสมบริเวณใบหน้า ยกตัวอย่างเช่น สิ่งสกปรกจากโทรศัพท์, ปลอกหมอน, เส้นผม และหน้ากากอนามัย รวมถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่อาจมีการสัมผัสใบหน้าโดยไม่รู้ตัว ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เป็นสิวได้
สิวไม่มีหัวที่คาง
ปัญหาสิวอุดตันที่คางไม่มีหัวสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เพราะสิวที่คางมีความสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมน หากฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) กระตุ้นทำให้มีการหลั่งซีบัม (Sebum) ออกมาจากรูขุมขนมากเกินไป ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะเกิดสิวรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากในซีบัม (Sebum) มีส่วนประกอบจากไตรกลีเซอไรด์ที่อาจทำให้ใบหน้าเกิดการอักเสบมากขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ยังส่งผลให้เกิดสิวเม็ดเล็ก ๆ ไม่มีหัวได้อีก ดังนี้
- การเกิดภาวะฮอร์โมนแอนโดรเจนสูงเกินไป มักพบได้ในเพศหญิง
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในช่วงรอบประจำเดือน
- การใส่อุปกรณ์คุมกำเนิดในมดลูก หรือการใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิด
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ และการมีความเครียดสะสม
สิวไม่มีหัวที่จมูก
กรณีเป็นสิวที่จมูกไม่มีหัวมักเกิดจากเรื่องของการผลิตน้ำมันมากเกินไปของต่อมไขมัน โดยเฉพาะบริเวณช่วง T-zone ของใบหน้า อีกทั้งบางกรณีอาจมาจากความผิดปกติในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ส่งผลให้เกิดการอุดตันได้ ซึ่งสิวไม่มีหัวยังสามารถเกิดสิวที่จมูกได้หลายรูปแบบ ทั้งสิวตุ่มหนอง, สิวเสี้ยน, สิวหัวดำ หรือสิวอักเสบ เป็นต้น
สิวไม่มีหัวหน้าผาก
สิวที่หน้าผากไม่มีหัวเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความมันส่วนเกินที่สะสมอยู่บริเวณ T-zone, ระดับฮอร์โมนที่ไม่สมดุล, การอับชื้นของสิ่งสกปรก หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่มีความมันมากจนเกินไป ก็อาจทำให้เกิดสิวผด หรือเกิดสิวที่หน้าผากได้
สิวไม่มีหัว รักษาอย่างไร
หลายคนอาจสงสัยว่า สิวไม่มีหัว นูน ๆ รักษายังไงได้บ้าง? ความเป็นจริงแล้วสิวไม่มีหัว รักษาได้หลากหลายวิธี ดังนี้
การใช้ยารักษาสิวไม่มีหัว
การใช้ยารักษาสิวไม่มีหัวเป็นวิธีที่หลายคนมักจะนึกถึงเป็นอันดับแรกเมื่อเกิดสิวไม่มีหัวนูน ๆ เพราะการรักษาสิวไม่มีหัวด้วยยามีให้เลือกหลากหลายตามความรุนแรงของสิว โดยตัวยาที่นิยมใช้ในการรักษา มีดังนี้
- ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Retinoids)
ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Retinoids) มีความสามารถในการกระตุ้น Retinoic Acid Receptors (RARs) ซึ่งมีฤทธิ์ในการลดการอุดตันรูขุมขนจากแบคทีเรีย และต้านการอักเสบ ซึ่ง Retinoids มีทั้งประเภทยาแต้มสิวอักเสบไม่มีหัวชนิดใช้ภายนอกและภายใน ซึ่งตัวยาที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Tretinoin, Adapalene และ Tazarotene
- ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย Benzoyl Peroxide
Benzoyl Peroxide เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Benzac สิวไม่มีหัวใช้ทาเพื่อฆ่าเชี้อแบคทีเรีย และยังช่วยลดการอุดตันของสิวได้ โดยยา Benzoyl Peroxide มีในรูปแบบครีมทา และน้ำยาทำความสะอาดผิว ซึ่งมีความเข้มข้นตั้งแต่ 2.5-10% การใช้ยาประเภทนี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)
วิธีรักษาสิวอักเสบไม่มีหัวด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เป็นยาที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการอักเสบที่เกิดขึ้นจากสิว ผู้ที่เป็นสิวควรใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับ Benzoyl Peroxide เพื่อป้องกันการดื้อยา และการรักษาสิวด้วยยาปฏิชีวนะ ควบคู่กับ Benzoyl Peroxide ยังเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดในการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)
การรักษาสิวอักเสบไม่มีหัวด้วยกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เป็นตัวยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยมีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.5-2 % ซึ่งกรดนี้มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิว ส่งผลให้การอุดตันของรูขุมขนลดลง แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองขึ้นเล็กน้อยหลังใช้งานได้
- กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid)
กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) เป็นวิธีรักษาสิวอุดตันไม่มีหัว ซึ่งจะต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้นถึงจะซื้อได้ ยาชนิดนี้เป็นยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial) และสารต้านการสร้างเม็ดสี ทำให้กรดอะซีลาอิกช่วยลดการอุดตัน และลดรอยดำที่มาจากสิวอักเสบอีกด้วย ยาชนิดนี้มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบของครีมและเจล
- การใช้ Sulfur, Sodium Sulfacetamide และ Resorcinol
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ Sulfur, Sodium Sulfacetamide และ Resorcinol เป็นอีกหนึ่งในวิธีรักษาสิวไม่มีหัวที่สามารถใช้ได้จริง และหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป โดยแต่ละตัวมีคุณสมบัติ ดังนี้
- Sulfur ช่วยยับยั้งการเกิดกรดไขมันอิสระ สามารถทำให้ผิวหนังที่แข็งหลุดออกมาได้ (Keratolytic) มีกลิ่นที่ค่อนข้างเฉพาะตัว ส่วนใหญ่นิยมใช้ Sulfur ร่วมกับ Sodium Sulfacetamide เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
- Sodium Sulfacetamide ช่วยต้าน Para-Aminobenzoic Acid (PABA) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยในการเจริญเติบโตของ P. acne
- Resorcinol ยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial) มักใช้ในความเข้มข้น 2% ร่วมกับ Sulfur 5%
การฉีดยารักษาสิวไม่มีหัว
การฉีดคอร์ติโซนเป็นการใช้ยาฉีดเข้าไปโดยตรงบริเวณสิว ซึ่งวิธีรักษาสิวไม่มีหัวนี้ สามารถลดอาการอักเสบ และลดโอกาสในการเกิดรอยแผลเป็นได้ โดยปริมาณที่ควรฉีดจะอยู่ที่ 0.05-0.25 มล. ต่อ 1 รอย แต่วิธีรักษาสิวอุดตันไม่มีหัวแบบนี้ จำเป็นต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเท่านั้น เพราะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะสร้างเม็ดสีน้อยกว่าปกติ (Hypopigmentation)
การใช้รักษาสิวไม่มีหัวด้วยตนเอง
วิธีรักษาสิวอักเสบไม่มีหัวแบบธรรมชาติสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยทำตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- งดบีบสิวเนื่องจากสิวไม่มีหัว นูน ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบได้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ Benzoyl Peroxide หรือ Benzac เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- ประคบร้อน ในบริเวณที่มีอาการปวดหรือสิวบวมไม่มีหัว จะช่วยให้สิวสามารถออกมาได้ง่ายยิ่งขึ้น
- ประคบเย็น เพื่อลดอาการบวมแดง การอักเสบ และลดความรู้สึกเจ็บปวด
- ใช้แผ่นแปะสิวที่มีกรดซาลิไซลิก เพื่อช่วยลดการอุดตันรูขุมขน และลดอาการอักเสบจากสิว
- ทาน้ำผึ้งลงบริเวณที่เป็นสิวเล็กน้อย เพื่อลดแบคทีเรียบนใบหน้า
การใช้ปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาสิวไม่มีหัว
การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเป็นวิธีการรักษาสิวอักเสบไม่มีหัวที่ดีที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่กลัวเรื่องของการดื้อยา แนะนำว่า ควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังโดยตรง เพื่อการรักษาสิวด้วยวิธีที่เหมาะสมมากที่สุด
สำหรับใครที่กำลังมองว่า การเข้าพบแพทย์ผิวหนังเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก คุณสามารถตัดปัญหาเหล่านี้ทิ้งไปได้เลย เพราะปัจจุบันมีตัวช่วยดี ๆ อย่างแอปพลิเคชั่น SkinX ที่รวบรวมแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง จากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศกว่า 210 ท่าน มาช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิวที่กวนใจคุณ อยู่ที่ไหนก็สามารถปรึกษาได้ เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวไม่มีหัว
สิวไม่มีหัว กี่วันหาย
สิวไม่มีหัวหรือสิวอักเสบไม่มีหัว โดยปกติแล้วจะมีอาการดีขึ้นภายใน 4-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของแต่ละคน คุณจึงต้องดูแลรักษาสิวอย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้สิวทิ้งรอยแผลเป็นไว้หลังการรักษาเสร็จสิ้น
สิวอักเสบไม่มีหัว รักษาธรรมชาติ ได้ไหม
สิวอักเสบไม่มีหัวสามารถรักษาแบบธรรมชาติได้ โดยอาจจะใช้การประคบร้อน, ประคบเย็น, ทาน้ำผึ้ง หรือใช้ครีมที่มีส่วนประกอบของ Benzoyl Peroxide ในการดูแลรักษาความสะอาดบนใบหน้าอยู่เสมอ ก็สามารถช่วยให้สิวอักเสบไม่มีหัวดีขึ้นได้
แหล่งข้อมูลอ้างอิงจาก
Begum, J. (2021, June 23). What to Know About Blind Pimples. WebMD. https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/what-to-know-about-blind-pimples
Goh, C., Cheng, C., Agak, G., Zaenglein, A.L., Graber, E.M., Thiboutot, D.M., & Kim, J. (n.d.). Acneiform Disorders. Fitzpatrick’s Dermatology 9 TH Edition (1391-1404). McGraw-Hill Education.
Nichols, H. (2020, January 19). How to get rid of a blind pimple. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/320250#outlook
Rabach, M. (2020, June 22). What That Acne Spot on Your Face Means, According to Science. Healthline. https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/pimple-acne-face-map
Whelan, C. (2022, March 11). How to Get Rid of a Blind Pimple. Healthline. https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/blind-pimple