ผิวหนังทั่วไป
24 มิถุนายน 2568

“ข้อจำกัดของการปรับโครงหน้าและเครื่องหน้าโดยการฉีดฟิลเลอร์ คือโครงหน้าเดิมของผู้เข้ารับการรักษา เนื่องจากฟิลเลอร์ต้องอาศัยพื้นฐานโครงหน้าเดิม แล้วฉีดเพิ่มเติม ดังนั้นจึงไม่สามารถแก้ไขได้มากกว่าเดิมมากนัก อย่างเช่นเพิ่มจมูกให้โด่งกว่าเดิมมาก หรือทำคางให้ยาวกว่าเดิมมากไม่ได้”
นอกเหนือจากกรดไฮยาลูรอนิค ยังมีสารอื่นๆ ที่สามารถใช้ฉีดเป็นฟิลเลอร์ได้เช่นกัน อย่างเช่น Calcium Hydroxyapatite ที่เป็นวัสดุเดียวกับกระดูกและฟัน, Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ที่เป็นวัสดุเดียวกับไหมละลาย, และ Polymethylmethacrylate (PMMA) คอลลาเจนจากวัว ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายคนเราไม่สามารถย่อยสลายได้
แต่สารเติมเต็มอื่นๆ เหล่านี้ แม้จะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (Food and Drung Administration หรือ FDA) แต่ยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (อย.) เนื่องจากสารเหล่านี้ให้ผลการรักษาแบบถาวร และกึ่งถาวร เมื่อฉีดเข้าไปที่ผิวจะไม่สามารถสลายไปเองได้เหมือนฟิลเลอร์ ทำให้ผลการรักษาอยูาได้นานถึง 2 ปี หรือมากกว่านั้น เมื่อต้องการแก้ผลการรักษา จำเป็นต้องผ่าตัดเท่านั้น จึงเป็นสารที่อันตรายกว่ากรดไฮยาลูรอนิค
ปัจจุบันสารเหล่านี้มักเป็นส่วนประกอบของฟิลเลอร์ปลอมและฟิลเลอร์เถื่อน ทำให้ก่อนการรักษา ในขั้นตอนการเลือกว่าจะฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ควรพิจารณาให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากฟิลเลอร์ปลอม
“การฉีดฟิลเลอร์มีข้อเสียเช่นกัน โดยข้อเสียหลักของการฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่ 1.ผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ อาจเกิดจากความผิดพลาดของแพทย์ หรือการดูแลตัวเองหลังฉีด ทำให้ฟิลเลอร์ไหลไปที่เนื้อเยื่ออื่น จนอาจทำให้หน้าไม่สมมาตร หรือรอยเหี่ยวย่นชัดกว่าเดิม 2.การฉีดฟิลเลอร์มีความเสี่ยงอันตราย อย่างการติดเชื้อ ฟิลเลอร์อุดตันที่หลอดเลือดจนเกิดเนื้อตาย เกิดลิ่มเลือดอุดตันในอวัยวะสำคัญ หรือทำให้ตาบอดได้ 3.ผู้ที่มีแผนจะศัลยกรรมจมูก ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์จมูก เนื่องจากจะมีผลต่อการยึดเกาะของซิลิโคนและเนื้อเยื่อบริเวณจมูก 4.หลังการฉีดฟิลเลอร์ อาจพบผิวไม่เรียบเนียนได้ 5.หากฉีดปริมาณมากเกินไป จะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ เรียกว่าอาการนี้ว่า Overfilled syndrome”
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนได้บ้าง? ฟิลเลอร์สามารถเลือกฉีดได้เกือบทุกตำแหน่งของร่างกาย โดยที่ใบหน้า สามารถฉีดได้ ดังนี้
1. ฟิลเลอร์ปาก
ฟิลเลอร์ปาก นิยมฉีดเพื่อปรับทรงปาก ทำปากกระจับ ปากหนาสายฝอ ทำปากอวบ ยกมุมปาก นอกจากนี้ยังทำให้ปากชุ่มชื้น ลดร่องและรอยแตกบริเวณปากให้เรียบเสมอกัน ทำให้ดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
2. ฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา จะนิยมฉีดเพื่อแก้ดวงตาลึกโหล แก้ปัญหาถุงใต้ตา แก้รอยเหี่ยวย่นที่หัวตา ทั้งยังสามารถแก้ไขขอบตาล่างที่หมองคล้ำ ให้ดูสดใสขึ้นได้อีกด้วย
3. ฟิลเลอร์ขมับ
ฟิลเลอร์ขมับ เป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขขมับลึกโหล ขมับตอบ อีกทั้งการฉีดขมับยังทำให้หน้าผากกว้างขึ้น เป็นการเปลี่ยนทรงหน้าโดยรวมได้ด้วย
4. ฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์คาง เป็นการใช้ฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาคางสั้น คองถอย ให้มีเนื้อคางมากขึ้น ใบหน้าสมส่วนขึ้นเมื่อมองด้านข้าง และยังทำให้หน้าดูยาวขึ้นได้อีกด้วย
“ก่อนตัดสินใจว่าจะฉีดฟิลเลอร์คางที่ไหนดี ควรทราบก่อนว่าการฉีดฟิลเลอร์คางมีข้อจำกัดในการแก้ปัญหาคางสั้น คางถอย เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ไม่สามารถทำให้คางยาวมากกว่า 1 เซนติเมตรได้ ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อดูว่าปัญหาคางสั้นคางถอยที่เป็นอยู่สามารถแก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ได้หรือไม่ หรือควรแก้ด้วยการผ่าตัดศัลยกรรมคางแทน”5. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกก้อนไขมันบริเวณแก้มขึ้น ทำให้ก้อนไขมันที่ลงมาทับเป็นร่องแก้มน้อยลง ส่งผลให้ดูเด็กลง นอกจากนี้ยังสามารถแก้ปัญหาริ้วรอยรองแก้มจากผิวแห้ง รอยที่เหลือหลังจากฉีดยกกระชับแล้ว และริ้วรอยที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อมากเกินไปได้ด้วย โดยการแก้ปัญหาร่องแก้มจากการใช้กล้ามเนื้อเพื่อยิ้มและแสดงอารมณ์ มักทำร่วมกับการฉีดโบท็อกด้วย 6. ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์หน้าผาก จะใช้ฉีดเพื่อปรับทรงหน้าผาก ให้หน้าผากโหนกสวย แก้ปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม ทั้งยังสามารถช่วยลดริ้วรอยที่หน้าผากได้ด้วย 7. ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์จมูก นิยมใช้ฉีดเพื่อปรับทรงปลายจมูก ทำจมูกหยดน้ำ ทรงปลายพุ่ง ปลายเชิด เพิ่มสันจมูก และสามารถแก้ไขฮัมพ์ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด 8. ฟิลเลอร์โหนกแก้ม ฟิลเลอร์โหนกแก้ม จะนิยมฉีดกันในฝั่งอเมริกามากกว่าที่ไทย เนื่องจากคนไทยมักจะมีโหนกแก้มอยู่แล้ว การฉีดฟิลเลอร์โหนกแก้มจะทำให้มีโหนกแก้มมากขึ้นสร้างมิติให้ใบหน้าได้มากขึ้น 9. ฟิลเลอร์หว่างคิ้ว ฟิลเลอร์หว่างคิ้ว นิยมฉีดเพื่อแก้ไขรอยย่นเลข 11 ที่บริเวณหว่างคิ้ว ริ้วรอยบริเวณดังกล่าวมันเกิดจากการขมวดคิ้ว และการใช้กล้ามเนื้อใบหน้ามากเกินไป แต่ในปัจจุบันแพทย์จะไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งดังกล่าว เนื่องจากมีความเสี่ยงจะเกิดผลข้างเคียงอันตรายได้มากนั่นเอง
“ปกติแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ที่ใบหน้า จะฉีดบริเวณละประมาณ 1 cc ทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์ 2 - 3 cc ก็มีอยู่เช่นกัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์”
การเลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญ เป็นข้อสำคัญในการพิจารณาว่าควรฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี เนื่องจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์จะสามารถฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งและปริมาณที่เหมาะสมมากที่สุด ทำให้ผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ใกล้เคียงกับที่ตกลงกับแพทย์ไว้ และสามารถลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงอันตรายได้
จะรู้ได้อย่างไรว่าแพทย์เชี่ยวชาญ? ในกรณีนี้สามารถทราบได้จากหลายปัจจัย ทั้งรีวิวแพทย์จากคนไข้ที่เคยเข้ารับการรักษา ทั้งผ่านทางอินเทอร์เน็ตและการสอบถาม ระยะเวลาการทำงานของแพทย์ ความรู้ความสามารถ ตามเทรนความสวยความงามอยู่เสมอ
ที่สำคัญคือควรตรวจสอบว่ามีใบประกอบวิชาชีพแพทย์อย่างถูกต้องหรือไม่ และต้องแน่ใจว่าผู้ที่ดำเนินการรักษาให้คือแพทย์ที่เราตั้งใจมารักษาด้วยจริงๆ ไม่ใช่ผู้ช่วยแพทย์หรือผู้อื่น
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจปรึกษาแพทย์ผิวหนัง สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX เพื่อเลือกแพทย์ที่ต้องการปรึกษาได้เลย ไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องเดินทาง ก็สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้ทุกที่ ดาวน์โหลดตอนนี้ ปรึกษากับแพทย์ผิวหนังครั้งแรกได้ฟรี!
“วิธีการตรวจสอบว่าแพทย์ที่รักษาให้เราเป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากแพทยสภาแล้ว คือให้ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ ‘ตรวจสอบรายชื่อแพทย์จากฐานข้อมูลแพทยสภา’ โดยการพิมพ์ชื่อและนามสกุลลงไป ก็จะมีรูปภาพ พร้อมทั้งสถานะความรู้ความชำนาญเฉพาะทางที่แพทยสภารับรองขึ้นมาให้ตรวจสอบ”
การเลือกสถานพยาบาลที่มีความพร้อม นอกจากจะทำให้ปลอดภัย เสี่ยงติดเชื้อน้อยแล้ว ยังสามารถสร้างความสบายในขณะเข้ารับการรักษาด้วย
สิ่งที่สถานพยาบาลควรมีพร้อม คือด้านอุปกรณ์การแพทย์ การรักษาความสะอาด และบริการที่ดี หากสถานพยาบาลมีความพร้อมครบในทุกด้าน สถานพยาบาลนั้นก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีในการเลือกฉีดฟิลเลอร์และทำหัตถการอื่นๆ ต่อไป
นอกจากการดูสภาพความพร้อมของสถานพยาบาล สิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบเกี่ยวกับสถานพยาบาล คือต้องตรวจสอบว่าสถานพยาบาลนั้นๆ เปิดอย่างถูกต้องหรือไม่ ควรดูว่ามีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก ที่ปกติจะติดอยู่ที่หน้าสถานพยาบาลอยู่แล้วหรือเปล่า
ผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกว่าจะฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี สามารถนำชื่อสถานพยาบาลภาษาไทย ไปตรวจสอบบนเว็บไซต์ “ตรวจสอบสถานพยาบาลเอกชนที่ได้รับอนุญาต” ได้ ซึ่งจะมีข้อมูลเลขที่ใบอนุญาต วันหมดอายุ และที่ตั้งของสถานพยาบาลอยู่ สามารถตรวจสอบได้ทั้งโรงพยาบาลและคลินิกเสริมความงามได้ ซึ่งจะมีข้อมูลเลขที่ใบอนุญาต วันหมดอายุ และที่ตั้งของสถานพยาบาลอยู่ สามารถตรวจสอบได้ทั้งโรงพยาบาลและคลินิกเสริมความงาม
ในด้านการบริการ สิ่งที่ควรมีอย่างยิ่งคือการพูดคุยกับแพทย์ก่อนการรักษา และการนัดติดตามผลหลังการรักษา
สถานพยาบาลบางที่ไม่มีการพูดคุยกับแพทย์ก่อน ผู้เข้ารับการรักษาบางรายซื้อคอร์สผ่านทางอินเทอร์เน็ต เมื่อไปถึงสถานพยาบาลก็ให้ฉีดฟิลเลอร์เลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น
เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาผิวและความสวยความงามได้ทุกอย่าง อีกทั้งยังเป็นหัตถการที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างอันตรายเมื่อเทียบกับหัตถการที่ไม่มีการผ่าตัดแบบอื่นๆ ดังนั้นผู้ที่จะฉีดจำเป็นต้องพูดคุยเพื่อดูความเป็นไปได้ของผลการรักษา และความเสี่ยงต่างๆกับแพทย์เสียก่อน
ส่วนการติดตามผลหลังการรักษาก็จำเป็นเช่นกัน เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน อีกทั้งผลการฉีดยังคลาดเคลื่อนได้ทั้งจากแพทย์ และจากการดูแลตัวเองของผู้เข้ารับการรักษาเอง การนัดติดตามผลเพื่อดูผลการรักษาหลังจากใบหน้าหายบวมแล้ว (ประมาณ 2 สัปดาห์นับจากวันที่ฉีดฟิลเลอร์) จึงต้องมีเพื่อดูว่าผลการรักษาออกมาดีหรือไม่ หากไม่พึงพอใจสามารถฉีดสลาย หรือแก้ไขอย่างไรได้บ้าง
ข้อที่สำคัญอีกข้อหนึ่งของการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ คือควรเลือกสถานพยาบาลที่ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสบายใจ บางคนอาจจะไม่กล้าฉีดกับคลินิก ก็สามารถเลือกฉีดกับโรงพยาบาลได้ บางคนก็อาจจะเลือกแพทย์ที่เคยรักษาด้วย มากกว่าแพทย์ที่มีชื่อเสียงเพื่อความสบายใจของตนเอง
เพราะหากไม่มั่นใจในสถานพยาบาล แพทย์ หรือการบริการใดๆ ก็ตาม จะทำให้เกิดความวิตกกังวลตั้งแต่ก่อนฉีดไปจนถึงหลังฉีด ส่งผลกับทั้งสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิตใจโดยรวมได้
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูทั้งหมด