SkinX

GET-On the App Store

SkinX Team

28 กุมภาพันธ์ 2566

ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา แก้ปัญหารอยย่นได้จริงไหม เหมือนหรือแตกต่างจากฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างไร?

ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา

“ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา” เป็นหัตถการเสริมความงามที่จะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ และรอยย่นใต้ตาให้จางลง หรือสามารถใช้รักษาริ้วรอยรอบดวงตาอย่างริ้วรอยหางตาได้ ในปัจจุบันนอกจากจะฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตาแล้ว ยังมีอีกหลายหัตถการที่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา เช่น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา การทำ Hifu ใต้ตา เป็นต้น แต่การฉีดโบท็อกซ์กับฉีดฟิลเลอร์เป็นสองหัตถการที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเรื่องความแตกต่างกันว่า ทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างไร?

 

ในบทความนี้ SkinX จะพามาทำความรู้จักกับฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาว่า คืออะไร ช่วยแก้ปัญหาใดได้บ้าง ควรฉีดกี่ยูนิต ราคาเท่าไร รวมถึงอธิบายความแตกต่างระหว่างการฉีดโบท็อกซ์กับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

SkinX แอปพลิเคชันพบหมอผิวหนังออนไลน์ ที่รวบรวมเหล่าทีมแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำมากกว่า 210 คน มาให้คำปรึกษาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสิว ปัญหาผิวหน้า ปัญหาผมและหนังศีรษะ รวมไปถึงหัตถการความงามอย่าง ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์ สำหรับผู้ใช้บริการรายใหม่ สามารถปรึกษากับแพทย์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

 

สารบัญบทความ

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา คืออะไร?

ฉีดโบลดริ้วรอย

ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาคือ การฉีดสาร Botulinum toxin A ที่เป็นสารสกัดจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราว เมื่อฉีดเข้าบริเวณริ้วรอยรอยใต้ตาหรือริ้วรอยรอบดวงตา จะสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ หรือรอยย่นใต้ตา ให้จางลงได้ 

 

“ในปลายปี พ.ศ.2503 ในทางการแพทย์ได้มีการนำเอาโบท็อกซ์มาฉีดเพื่อรักษาผู้ป่วยเกี่ยวกับตาเป็นครั้งแรกคือ อาการตาเหล่ ต่อมาได้นำมาใช้รักษาโรคตากะพริบค้างสองข้าง ความผิดปกติของการเคลื่อนไหวลูกตา เป็นต้น”

อ่านบทความแบบเจาะลึกเกี่ยวกับโบท็อกซ์เพิ่มเติมได้ที่ : ทำความรู้จัก “โบท็อกซ์” หัตถการความสวย ที่ทำได้มากกว่าเสริมความงาม

โบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตาช่วยอะไรได้บ้าง?

การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ ริ้วรอยร่องตื้น รวมถึงรอยย่นใต้ตาให้จางลง โดยสาร Botulinum Toxin A จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ผิวจึงไม่เกิดการขยับ ทำให้สามารถช่วยลดริ้วรอยบริเวณใต้ตาได้ เมื่อฉีดแล้วผิวบริเวณใต้ตาจะรู้สึกตึงและเรียบเนียนขึ้น การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตาเหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยบาง ๆ ไม่ลึกมาก 

 

นอกจากการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ผู้คนยังนิยมฉีดโบลดริ้วรอยรอบดวงตาและใบหน้าอีกด้วย เช่น รอยย่นขมวดคิ้ว รอยย่นหน้าผาก รอยย่นที่สันจมูก เป็นต้น

 

สาเหตุของริ้วรอยใต้ตา เกิดจากอะไร?

ริ้วรอยใต้ตา

ปัญหาริ้วรอยใต้ตาส่วนใหญ่มาจากคอลลาเจน อีลาสติน และไฮยาลูโรนิกในผิวลดลง ทำให้ผิวของเราเริ่มเสื่อมสภาพและหย่อนคล้อย โดยสาเหตุที่ก่อให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตามีดังนี้

 

รอยย่นใต้ตาที่เกิดจากอายุ

ปัญหาริ้วรอยใต้ตาโดยส่วนมากมักเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวบางลง ขาดความยืดหยุ่น โดยเฉพาะบริเวณหางตาและเปลือกตาจะเริ่มมีรอยตีนกา รวมถึงรอยย่นปรากฏขึ้น นอกจากนี้กระดูกใต้ตาจะมีการยุบตัวลง เนื้อน้อยลง ทำให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อย และเกิดเป็นริ้วรอยใต้ตา

 

รอยย่นใต้ตาที่เกิดจากปัญหาสุขภาพ

ปัญหารอยย่นใต้ตาสามารถเกิดได้จากปัญหาสุขภาพอย่างโรคภูมิแพ้ได้ โดยปกติแล้วผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะมีอาการคล้ำรอบดวงตาภายหลังจากการอักเสบ ร่วมกับอาการคันที่ตาและมีผื่นรอบดวงตา ผิวหนังจะมีลักษณะเป็นขุย ผิวหนังหนาตัวขึ้นหรือเห็นร่องผิวหนังชัดขึ้น ส่งผลให้เกิดการขยี้ตาบ่อย ๆ โดยพฤติกรรมนี้สามารถทำให้เกิดริ้วรอยตามมาด้วยเช่นกัน 

 

รอยย่นใต้ตาที่เกิดจากพฤติกรรม

รอยย่นใต้ตาที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้ง่ายขึ้น เช่น 

 

  • การแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม หัวเราะ ยักคิ้ว ย่นคิ้ว การกระทำเหล่านี้จะกระตุ้นกล้ามเนื้อให้ทำงานหนักขึ้น เมื่อทำบ่อย ๆ ผิวหนังบริเวณนั้นจะกลายเป็นริ้วรอย ปรากฏเป็นเส้นเล็ก ๆ เช่น รอยตีนกา รอยย่นใต้ตา

 

“กลไกการเกิดริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์บนใบหน้าคือ การที่เนื้อเยื่อบริเวณนั้น ๆ ถูกกดเป็นเวลานาน จนกระทั่งเนื้อเยื่อบริเวณนั้นถูกทำลายลงและไม่สามารถสร้างใหม่ได้เพียงพอ ทำให้เกิดเป็นริ้วรอยร่องลึกได้ในที่สุด”

  • ความเครียด และพักผ่อนไม่เพียงพอ สามารถนำไปสู่รอยย่นและรอยคล้ำรอบดวงตาได้ หากปล่อยไว้ในระยะยาวจะส่งผลต่อผิวพรรณได้

  • มลภาวะ แสงแดด เป็นปัจจัยที่สามารถทำให้ริ้วรอยใต้ตาได้ เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดเป็นตัวการที่ทำลายอีลาสตินและคอลลาเจนในผิวหนังให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น เมื่อผิวขาดความยืดหยุ่นก็จะเกิดเป็นริ้วรอยใต้ตาได้

  • ผิวแห้ง สามารถเกิดริ้วรอยใต้ตาและรอยย่นใต้ตาได้มากกว่าผิวทั่วไป เนื่องจากคนที่มีผิวแห้งจะขาดความยืดหยุ่น ขาดความชุ่มชื้น

ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาอันตรายไหม

โดยปกติแล้วการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาจะใช้แก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ หรือริ้วรอยร่องตื้น หากฉีดโบท็อกซ์แท้ในปริมาณที่เหมาะสม และฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐานก็ไม่เป็นอันตราย แต่ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยคือถ้าฉีดมากเกินไปอาจทำให้ตาแข็งได้

 

นอกจากนี้การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาบริเวณถุงใต้ตาเป็นบริเวณที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาหย่อนลง ผลลัพธ์ที่ได้จึงเกิดถุงใต้ตาเด่นชัดมากกว่าเดิมและตาปรือตลอดเวลา กะพริบตายากขึ้น ตาดูบวมหรือผิดรูปหากฉีดผิดตำแหน่ง

 

ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญในการฉีดโบท็อกซ์ รวมถึงเลือกใช้โบท็อกซ์แท้ คลินิกที่ได้มาตรฐานเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยกับตนเองมากที่สุด

 

โบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา แตกต่างจากฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างไร

 

Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไร? หลาย ๆ คนมักสงสัยถึงความแตกต่างระหว่าง การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตากับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาว่า มีความแตกต่างกันอย่างไร ผลลัพธ์หลังฉีดเหมือนกันไหม? ถึงแม้ว่าทั้ง 2 จะเป็นหัตถการเสริมความงามที่ฉีดในจุดใกล้เคียงกัน แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองแตกต่างกัน ดังนี้

โบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาฟิลเลอร์ใต้ตา
  • เหมาะสำหรับริ้วรอยร่องตื้น
  • เหมาะสำหรับริ้วรอยร่องลึก
  • สารที่ใช้เป็นสาร Botulinum Toxin ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • สารที่ใช้เป็นสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid
  • สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ รอยย่นเล็ก ๆ บริเวณใต้ตา รอบดวงตา 
  • สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา เติมเต็มร่องลึกใต้ตา 
  • หลังฉีดผิวหนังจะตึงขึ้น ไม่เกิดรอยพับ ริ้วรอยดูจางลง
  • หลังฉีดผิวจะดูตื้น เต่งตึงขึ้น ริ้วรอยจางลง และผิวดูชุ่มชื้นมากขึ้น
  • เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนประมาณ 1-2 สัปดาห์
  • หลังฉีดสามารถเห็นผลได้ทันที

โบท็อกซ์จะช่วยลดริ้วรอยร่องตื้น

การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตาจะนิยมฉีดเพื่อลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เหมาะกับริ้วรอยร่องตื้น รอยย่นเล็ก ๆ เช่น ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยหางตา ให้ดูจางลง โดยสาร Botulinum Toxin จะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีการทำงานลดลงชั่วคราว

 

ฟิลเลอร์จะช่วยลดริ้วรอยร่องลึก

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเป็นการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (สารเติมเต็มที่ผ่านอย.ไทย) เข้าไปบริเวณใต้ตา เพื่อเติมเต็มบริเวณใต้ตาที่เป็นร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น ใต้ตาคล้ำและริ้วรอยดูจางลง โดยฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถใช้แก้ปัญหาถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา และผิวใต้ตาหย่อนคล้อยได้

 

ทั้ง 2 หัตถการสามารถใช้ลดริ้วรอยใต้ตาได้คล้าย ๆ กัน การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาจะเหมาะกับริ้วรอยเล็ก ๆ เพื่อคลายกล้ามเนื้อชั่วคราวให้ริ้วรอยจางลง ในขณะที่ฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยเติมเต็มบริเวณผิวใต้ตาให้ตื้นขึ้น ริ้วรอยดูจางลง ผิวดูชุ่มชื้นขึ้น และยังสามารถแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำได้อีกด้วย 

 

ทั้งนี้ก่อนการตัดสินใจทำหัตถการเกี่ยวกับใต้ตาควรให้หมอประเมินปัญหาก่อนทุกครั้ง เพื่อแนะนำหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล

 

โบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตาใช้กี่ยูนิต

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาจะใช้ประมาณ 25 Units โดยแต่ละบุคคลจะใช้ปริมาณมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล รวมถึงการประเมินของแพทย์ร่วมด้วย ข้อควรระวังหากใช้จำนวนยูนิตโบท็อกซ์ใต้ตามากเกินไปอาจเกิดอาการตาแข็งได้

 

ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตากี่วันเห็นผล

ฉีดโบลดริ้วรอยกี่วันเห็นผล? หลังฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 3-4 วัน และจะเริ่มเห็นผลประมาณ 1-2 อาทิตย์ โดยโบท็อกซ์ลดริ้วรอยจะคงผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน หลังจากนั้นตัวยาก็จะค่อย ๆ สลายไปเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ที่เลือกใช้ รวมถึงการปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกซ์ด้วย 

 

หากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ ควรเว้นการฉีดโบท็อกซ์ประมาณ 3 เดือน และไม่เว้นระยะห่างนานเกินไป (มากกว่า 6 เดือน) เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ปกติ ที่สำคัญไม่ควรฉีดถี่ซ้ำเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์ได้

สำหรับฉีดโบท็อกซ์บริเวณอื่น ๆ กี่วันเห็นผล? สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล ทำไมเห็นผลช้า และฉีดบอกโบท็อกซ์แล้วอยู่นานเท่าไหร่ ?

 

ฉีดโบลดริ้วรอยราคาเท่าไร?

ฉีดโบลดริ้วรอย ราคา

การฉีดโบลดริ้วรอยในแต่ละบริเวณ รวมถึงฉีดลดริ้วรอยใต้ตาราคาจะแตกต่างกัน โดยฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา 25 Units ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ที่เลือกและจำนวนยูนิตที่ใช้ รวมถึงราคาแต่ละคลินิก โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินคนไข้แต่ละเคสว่าควรใช้จำนวนยูนิตเท่าไร เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบลดริ้วรอยออกมาดี และไม่มีผลข้างเคียง 

 

ในกรณีที่ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตาไม่ถึง 1 ขวด 50 Units หรือ 1 ขวด 100 Units บางคลินิกจะแบ่งจากขวดที่เคยใช้แล้วมาเพื่อฉีดให้สำหรับคนที่ฉีดโบริ้วรอยเฉพาะจุด เพื่อป้องกันไม่ให้เจอโบท็อกซ์ปลอมหรือโบท็อกซ์ขาดคุณภาพ แพทย์จึงจะแนะนำให้ผู้ที่ฉีดซื้อแบบ 1 ขวด หรือที่เรียกกันว่า “เหมาขวด” ไปเลย เพราะจะได้มั่นใจว่าเปิดขวดใหม่ เป็นโบท็อกซ์แท้ และสามารถเช็กที่ตัวกล่องได้


 

วิธีปฏิบัติตัวหลังฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา


วิธีการปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตาที่ถูกต้อง จะช่วยให้ผลลัพธ์หลังฉีดออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ รวมถึงสามารถช่วยลดปัญหาแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดได้

 

  1. เมื่อฉีดโบท็อกซ์เสร็จในแต่ละบริเวณควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อ 1-2 ครั้ง
  2. ไม่ควรจับ ลูบ คลึง หรือเกาแรง ๆ บริเวณใต้ตาที่พึ่งฉีดโบท็อกซ์มา เพราะอาจทำให้ยากระจายตัวได้
  3. ไม่ควรนอนราบ นอนคว่ำ และก้มหัวต่ำกว่าอก ประมาณ 4 ชั่วโมงหลังฉีดโบท็อกซ์
  4. งดความร้อนและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง ประมาณ 3 วันหลังฉีดโบท็อกซ์
  5. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะเพิ่มระบบการไหลเวียนของเลือด ประมาณ 3 วันหลังฉีดโบท็อกซ์

 

“มีงานวิจัยที่พบว่าการกินแร่ธาตุ Zinc 50 mg ก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์จะช่วยให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ไวขึ้น แต่ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์”

สรุป


การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาเป็นหัตถการเสริมความงามที่ใช้แก้ไขปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ หรือรอยย่นเล็ก ๆ บาง ๆ บริเวณใต้ตาได้ นอกจากนี้การฉีดโบท็อกซ์ยังสามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ได้อีกด้วย ทั้งนี้ก่อนเข้ารับการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อให้แพทย์ได้แนะนำและประเมินจำนวนยูนิตโบท็อกซ์ที่ต้องใช้ เพราะถ้าหากฉีดเยอะเกินไปอาจทำให้เกิดอาการตาแข็งได้


สำหรับผู้ที่ต้องการอยากปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกลดริ้วรอยใต้ตาแต่ไม่สะดวกไปคลินิก สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX เพื่อปรึกษากับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังผ่านทางออนไลน์ได้เลย


สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการครั้งแรก ปรึกษากับแพทย์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย


SkinX แอปฯ ปรึกษาหมอผิวหนังออนไลน์ ที่ได้รวบรวมเหล่าทีมแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำมาให้คำปรึกษาด้านผิวหนัง อาทิ ปัญหาสิว ชนิดผิวพรรณแต่ละประเภท ผมและหนังศีรษะ รวมถึงหัตถการความงาม อย่าง ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

 

อารีรัตน์ สุพุทธิธาดา. (2555).การใช้โบทูลินัมทอกซินทางคลินิก (Clinical Use of Botulinum Toxin).   เวชศาสตรฟื้นฟูสาร., 22(2), 38-41. https://www.rehabmed.or.th/main/wp-content/uploads/2014/03/L-338.pdf

Boyd K. (2022, April 20). Botulinum Toxin (Botox) for Facial Wrinkles. American Academy of ophthalmology. https://www.aao.org/eye-health/treatments/what-is-botox-facial-wrinkles

 

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ใช้งานครั้งแรกปรึกษาฟรี
Tips & Tricks
สาระน่ารู้และข่าวประชาสัมพันธ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า