ฉีดโบลดริ้วรอย ฉีดจุดไหนดี? แก้ริ้วรอยให้เรียบกี่วันเห็นผล?
ฉีดโบลดริ้วรอยเป็นหัตถการเสริมความงามที่ผู้คนหลายช่วงอายุวัยต่างก็ให้ความสนใจ เพราะเป็นหัตถการลดเลือนริ้วรอยที่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว ผิวหน้ากระชับเรียบเนียนขึ้น รวมถึงมีความปลอดภัยมาก ในปัจจุบันการนำโบท็อกมาใช้รักษาปัญหาริ้วรอยจึงเป็นหัตถการที่เหมาะสำหรับคนที่อยากแก้ปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นหรือการขยับกล้ามเนื้อเพื่อแสดงสีหน้า
ในบทความนี้ SkinX จะมาเจาะลึกกับฉีดโบท็อกลดริ้วรอยว่า ฉีดโบลดริ้วรอยคืออะไร ฉีดจุดไหนได้บ้าง แต่ละจุดใช้กี่ยูนิต ฉีดโบลดริ้วรอยราคาเท่าไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
Key Takeaway
- ฉีดโบลดริ้วรอยเป็นการนำสารพิษจาก Clostridium botulinum ที่มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อฉีดเข้าที่บริเวณที่มีริ้วรอยจากการขยับของผิว ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและผิวขยับได้น้อยลง
- สามารถฉีดโบลดริ้วรอยได้หลายจุดบนในหน้าและผิวส่วนอื่น เช่น ระหว่างคิ้ว, ตีนกา, หน้าผาก, ใต้ตา, ร่องแก้ม ฯลฯ
- หลังฉีดโบลดริ้วรอยจะเริ่มตึงและขยับผิวบริเวณที่ฉีดได้ลำบากขึ้น โดยจะออกฤทธิ์เต็มที่ช่วง 1-2 อาทิตย์หลังฉีด เมื่อแสดงสีหน้า ผิวบริเวณที่ฉีดจะไม่ขยับจนเกิดริ้วรอยขึ้น
- ฉีดโบลดริ้วรอยจะไม่ให้ผลถาวร โดยจะให้ผลลัพธ์นาน 4-6 เดือน ขึ้นกับการดูแลตนเองหลังฉีดโบลดริ้วรอย
โบท็อกลดริ้วรอย คืออะไร?
โบท็อกลดริ้วรอย (Botox for facial wrinkles) คือ การฉีดสาร Botulinum toxin A ที่เป็นสารสกัดจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum มีคุณสมบัติออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดโบท็อกบริเวณริ้วรอยบนใบหน้าแล้ว จะสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ ได้
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2545 องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) ได้อนุมัติให้ยา Botox ของ Allergan, Inc ซึ่งเป็นสาร Onabotulinumtoxin A สามารถใช้เพื่อแก้ไขริ้วรอยขมวดคิ้วระดับปานกลางจนถึงมากในเพศชายและเพศหญิง ที่มีอายุ 65 ปีหรือต่ำกว่าได้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้อนุมัติใช้โบท็อกอย่างเป็นทางการเพื่อเสริมความงาม
อ่านบทความเจาะลึกเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกได้ที่ : ทำความรู้จัก “โบท็อก” หัตถการความสวย ที่ทำได้มากกว่าเสริมความงาม
“แท้จริงแล้วคำว่า “Botox” เป็นชื่อทางการค้าของบริษัท Allergan ผู้ที่คิดค้นการนำเอาสาร Botulinum toxin A มาใช้ในการรักษาความงามในด้านริ้วรอยเป็นครั้งแรก และเป็นยี่ห้อแรกที่ได้การรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) คำว่า Botox จึงถูกใช้ครั้งแรกและกลายเป็นคำเรียกติดปากของคนในปัจจุบัน”
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยได้จริงไหม มีกระบวนการทำงานอย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของสาร Botulinum toxin A หลังจากฉีดเข้าไปยังบริเวณริ้วรอยพบว่า สาร Botulinum Toxin จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงภายใน 48-72 ชั่วโมง ยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ 1-2 สัปดาห์ ริ้วรอยบริเวณที่ฉีดเริ่มคลายตัวและจางลง โดยกล้ามเนื้อจะอ่อนแรงนาน 4-6 เดือน เมื่อขยับใบหน้าหรือแสดงสีหน้าต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดการพับของผิว ดังนั้น การฉีดโบท็อกจึงสามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้
สำหรับการฉีดโบลดริ้วรอยจะเห็นผลชัดเจนในการแก้ปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ หรือริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น การขมวดคิ้ว, การเลิกคิ้ว, ริ้วรอยตีนกา, การยิ้ม, ริ้วรอยร่องแก้ม เป็นต้น แต่ถ้าหากเป็นปัญหาริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากกระดูกทรุดตัว อาจจะต้องแก้ไขโดยการฉีดฟิลเลอร์หนุนในชั้นผิว เพราะสารเติมเต็มในฟิลเลอร์สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกได้มากกว่าการฉีดโบลดริ้วรอย
ริ้วรอยบนใบหน้าเกิดจากอะไร มีกี่แบบ?
ริ้วรอยบนใบหน้าเป็นปัญหาผิวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น โดยจะเริ่มพบได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีเป็นต้นไป แต่ถ้าเราสังเกตดี ๆ ก็เริ่มเห็นริ้วรอยตื้น ๆ บนใบหน้าในจุดที่มีการขยับหรือแสดงสีหน้าบ่อย ๆ เมื่อมีอายุมากขึ้นริ้วรอยตื้น ๆ สามารถพัฒนาเป็นริ้วรอยร่องลึกได้ เนื่องจากโครงสร้างของผิวอ่อนแอลง กระบวนการทำงานในร่างกายเริ่มช้าลง ผิวหนังผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งกร้าน ส่งผลให้ผิวขาดความแข็งแรง ผิวจึงมีริ้วรอยง่ายขึ้น
สาเหตุของการเกิดริ้วรอยบนใบหน้ามีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ดังนี้
ปัจจัยภายใน
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น : ร่างกายจะผลิตสารที่ช่วยให้ผิวหนังดูเต่งตึงและชุ่มชื้นได้น้อยลง เช่น อีลาสติน คอลลาเจน กรดไฮยาลูรอน ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อยและเริ่มเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า
- การแสดงสีหน้า : การแสดงสีหน้าบางท่าที่ทำซ้ำ ๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานสามารถเป็นต้นเหตุของริ้วรอยได้ เช่น การยิ้ม การขมวดคิ้ว การเลิกคิ้ว เป็นต้น
ปัจจัยภายนอก
- แสงแดด : การเผชิญกับแสงแดดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร เพราะแสงแดดจะทำลายคอลลาเจนและเส้นใยยืดหยุ่นในชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวหนังเกิดความยืดหยุ่นจนนำไปสู่ริ้วรอยร่องลึกได้
โดยริ้วรอยสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
ริ้วรอยร่องตื้น
ริ้วรอยร่องตื้นเกิดจากผิวหนังชั้นบนสุดมีความแห้ง สาเหตุจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ เช่น อากาศเย็น อยู่ในห้องแอร์ตลอดทั้งวัน
ริ้วรอยร่องลึก
ริ้วรอยร่องลึกเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้หนังแท้กับหนังกำพร้าดึงเข้าหากัน เกิดเป็นรอยพับหรือรอยย่น สามารถมองเห็นเป็นร่อง รวมไปถึงคนที่มักแสดงสีหน้าบ่อย ๆ เช่น การขมวดคิ้ว, การยักคิ้ว, การเลิกหน้าผาก, การยิ้ม เป็นต้น
โบท็อกลดริ้วรอยฉีดจุดไหนได้บ้าง?
การฉีดโบลดริ้วรอยในปัจจุบันผู้คนมักฉีดเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าต่าง ๆ เพื่อให้ริ้วรอยดูจางลง ผิวหน้าเรียบเนียนและเต่งตึงขึ้น โดยบริเวณที่สามารถฉีดโบริ้วรอยมีดังนี้
โบท็อกลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว
ริ้วรอยระหว่างคิ้วหรือรอยย่นระหว่างคิ้ว เป็นริ้วรอยที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมากและเป็นจุดแรกที่ผู้คนมักสังเกตเห็น การฉีดโบท็อกระหว่างคิ้วจะช่วยยับยั้งการหดตัวและทำให้ผิวหนังส่วนบนเรียบเนียนขึ้น สำหรับตำแหน่งระหว่างคิ้วเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทจำนวนมาก จึงควรฉีด botox ริ้วรอยกับแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ฉีดเท่านั้น
โบท็อกลดริ้วรอยตีนกา หรือโบท็อกหางตา
ปัญหาริ้วรอยตีนกา หรือปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ รอบหางตาเกิดจากการหดเกร็งซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน สามารถเกิดขึ้นได้จากการแสดงสีหน้าบ่อย ๆ เช่น การยิ้มหรือการหัวเราะ รวมถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ผิวบางและยืดหยุ่นน้อยลง จึงเกิดเป็นริ้วรอยตีนกาหรือริ้วรอยหางตาขึ้น การฉีดโบลดริ้วรอยตีนกาสามารถแก้ปัญหาส่วนนี้ได้
โบท็อกลดริ้วรอยหน้าผาก
ฉีดโบท็อกหน้าผากสามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย หรือรอยพับบริเวณหน้าผากได้ ซึ่งเกิดจากการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ เช่น การเลิกคิ้ว, การยิ้ม, การหัวเราะ รวมถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น
โบท็อกลดริ้วรอยใต้ตา
ปัญหาริ้วรอยใต้ตาหรือริ้วรอยรอบดวงตา เป็นบริเวณที่เกิดริ้วรอยได้ง่ายที่สุด การฉีดโบท็อกริ้วรอยใต้ตาจะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวชั่วคราว ริ้วรอยจางลง แต่ข้อควรระวังคือ หากฉีดมากเกินไปอาจทำให้ดูตาแข็งได้ ดังนั้น ควรเลือกฉีดโบลดริ้วรอยกับแพทย์เฉพาะทาง
โบท็อกลดริ้วรอยร่องแก้ม
ริ้วรอยร่องแก้ม หรือรอยย่นที่แก้มมีสาเหตุหลักมาจากการหย่อนคล้อยของผิว การฉีดโบท็อกร่องแก้มสามารถทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ช่วยลดเลือนริ้วรอยให้จางลงได้ แต่โบท็อกร่องแก้มจะใช้ได้กับผู้ที่มีร่องแก้มตื้น ๆ เท่านั้น หากผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึกควรเปลี่ยนมาแก้ไขปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแทน
ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดโบท็อกริ้วรอย
ข้อดีของการฉีดโบลดริ้วรอย
- สามารถฉีดโบท็อกริ้วรอยทั่วหน้า ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง ดูสดใส และเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น
- การฉีดโบท็อกลดริ้วรอยจะช่วยป้องกันริ้วรอยในอนาคตได้ เพราะการออกฤทธิ์ของ Botox ภายในช่วง 4-6 เดือน สามารถป้องกันการก่อตัวของริ้วรอยใหม่ได้เนื่องจากกล้ามเนื้อทำงานน้อยลง
- ป้องกันริ้วรอยร่องตื้น หรือริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ ไม่ให้กลายเป็นริ้วรอยร่องลึกถาวรได้
ข้อเสียของการฉีดโบลดริ้วรอย
- การฉีดโบท็อกไม่สามารถคงผลลัพธ์ได้ถาวร โดยทั่วไปแล้วโบท็อกจะคงอยู่ได้ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อก, ตำแหน่งที่ฉีด, ความลึกของริ้วรอย และปริมาณกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล
- ไม่ควรฉีดโบท็อกลดริ้วรอยบริเวณรอบปาก หรือมุมปาก เพราะเสี่ยงต่ออาการปากเบี้ยวได้
- ไม่ควรฉีดโบท็อกบริเวณถุงใต้ตา เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อหย่อนลง สามารถเกิดปัญหาการกะพริบตา ตาดูบวม และหนังตาผิดรูปได้ หากฉีดผิดตำแหน่ง
ทั้งนี้ ก่อนการเข้ารับการฉีดโบท็อกริ้วรอยในแต่ละจุดควรให้แพทย์ประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลต่อไป
ฉีดโบลดริ้วรอยแต่ละจุดใช้กี่ยูนิต?
- โบท็อกระหว่างคิ้ว 12-25 Units
- โบท็อกหน้าผาก 20-30 Units
- โบท็อกตีนกา 12-25 Units
- โบท็อกริ้วรอยใต้ตา 2-4 Units
ฉีดโบลดริ้วรอยกี่ยูนิตนั้นนอกจากจะขึ้นกับบริเวณที่ฉีดแล้ว แต่ละเคสอาจใช้ปริมาณมาก-น้อยแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัญหา ความต้องการของคนไข้ และการประเมินของแพทย์ร่วมด้วย
ฉีดโบลดริ้วรอย กี่วันถึงจะเห็นผล
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยกี่วันเห็นผล? หลังฉีดโบลดริ้วรอยจะเริ่มออกฤทธิ์ 3-4 วัน และจะรู้สึกตึงเต็มที่บริเวณที่ฉีดประมาณ 1-2 อาทิตย์ โดยฉีดโบลดริ้วรอยจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน นอกจากนี้ ผลลัพธ์ของโบท็อกลดริ้วรอยขึ้นอยู่กับจุดที่ฉีดด้วย เนื่องจากแต่ละจุดมีการออกฤทธิ์ที่ต่างกันเล็กน้อย และยังขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้ รวมถึงการปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกอีกด้วย
ในเรื่องของการฉีดโบท็อกซ้ำเมื่อตัวยาสลายหมดแล้ว และต้องการคงผลลัพธ์ไว้ ควรเว้นการฉีดโบท็อกประมาณ 3 เดือน และไม่เว้นระยะห่างนานเกินไป (มากกว่า 6 เดือน) เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ปกติได้ ที่สำคัญคือ ไม่ควรฉีดซ้ำถี่เกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการดื้อโบท็อกได้
สำหรับบริเวณอื่น ๆ ฉีดโบท็อกกี่วันเห็นผล? สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : ฉีดโบท็อกกี่วันเห็นผล ทำไมเห็นผลช้า และฉีดโบท็อกแล้วอยู่นานเท่าไหร่ ?
ฉีดโบลดริ้วรอย ราคาเท่าไร?
การฉีดโบลดริ้วรอยราคาแต่ละจุดจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกและจำนวนยูนิตที่ใช้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินคนไข้แต่ละเคสว่าควรใช้จำนวนยูนิตเท่าไร เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบลดริ้วรอยออกมาดีที่สุด โดยราคาฉีดโบลดริ้วรอยแต่ละจุดมีดังนี้
- โบท็อกระหว่างคิ้ว 25 Units ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท
- โบท็อกตีนกา 25 Units ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท
- โบท็อกริ้วรอยใต้ตา 25 Units ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท
- โบท็อกหน้าผาก 30 Units ราคาเริ่มต้น 3,500 บาท
พาส่อง! ราคาโบท็อกแต่ละยี่ห้อและราคาฉีดโบท็อกในจุดอื่น ๆ เพิ่มเติม อ่านต่อได้ที่ โบท็อก ราคาเท่าไหร่? แต่ละยี่ห้อราคาต่างกันไหม?
ในกรณีที่ฉีดโบลดริ้วรอยไม่ถึง 50 Units หรือ 100 Units บางคลินิกจะแบ่งจากขวดเพื่อฉีดให้สำหรับคนที่ฉีดริ้วรอยเฉพาะจุด เพื่อป้องกันการฉีดโบท็อกปลอมแพทย์จึงจะแนะนำให้เปิดขวดใหม่จำนวน 50 ยูนิต หรือ 100 ยูนิต ไปเลยจึงจะได้มั่นใจว่าเป็นโบท็อกแท้ เพราะคนไข้สามารถตรวจสอบโบท็อกก่อนการฉีดได้
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับโบท็อกยี่ห้อไหนดีได้ที่ : โบท็อกยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อต่างกันไหม เลือกอย่างไรให้เหมาะกับตนเอง
การเตรียมตัวก่อนและหลังฉีดโบท็อกริ้วรอย
การเตรียมตัวก่อนและหลังฉีดโบท็อกริ้วรอยที่ถูกต้อง จะช่วยให้ผลลัพธ์การฉีดโบลดริ้วรอยออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ รวมถึงช่วยลดปัญหาแทรกซ้อนหลังฉีดได้
ข้อปฏิบัติตัวก่อนฉีดโบลดริ้วรอย
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกให้ละเอียด ทั้งสถานที่ฉีดฟิลเลอร์ แพทย์ที่มีประสบการณ์ วิธีดูโบท็อกแท้ เป็นต้น และอาจดูรีวิวฉีดโบลดริ้วรอยจากผู้เข้าใช้บริการจริงประกอบไปด้วยจะดีที่สุด
- งดกินยากลุ่ม NSAIDs เช่น Aspirin, Ibuprofen, Diclofenac, Ponstan รวมถึงงดวิตามินและอาหารเสริมบางประเภทที่มีฤทธิ์เกี่ยวกับการไหลเวียนโลหิต อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย
- งดการสครับหน้า เลเซอร์ผิว บริเวณที่ฉีดโบท็อก 2-3 วัน
- ก่อนการฉีดโบท็อกควรตรวจสอบโบท็อกแท้จากกล่อง
- หากมีโรคประจำตัวควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดโบท็อก
ข้อปฏิบัติตัวหลังฉีดโบลดริ้วรอย
- เมื่อฉีดโบท็อกเสร็จในแต่ละบริเวณควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อ 1-2 ครั้ง
- ไม่ควรจับ, ลูบ, คลึง หรือกดบริเวณที่ฉีดแรง ๆ เพราะอาจทำให้ยากระจายตัวได้
- ไม่ควรนอนราบ นอนคว่ำ และก้มหัวต่ำกว่าอก ประมาณ 4 ชั่วโมงหลังฉีดโบท็อก
- งดความร้อนและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงประมาณ 3 วันหลังฉีดโบท็อก
เรียนรู้ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกเพิ่มเติม เพื่อยืดผลลัพธ์ที่ดีไว้ได้นานขึ้น อ่านต่อได้ที่ 7 ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก ดูแลตัวเองอย่างไรให้โบท็อกสลายช้าที่สุด
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยอันตรายไหม?
ฉีดโบลดริ้วรอยสามารถสลายได้เอง ตัวยาแต่ละยี่ห้อที่ผ่านอย.ไทยมีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตราย หากฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง และใช้ปริมาณยาหรือจำนวนยูนิตที่เหมาะสม
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้หลังฉีดโบท็อกริ้วรอย
- หนังตาตก พบได้หลังฉีดโบท็อกรักษารอยย่นของหน้าผาก อาการนี้อาจเกิดหลังจากฉีดประมาณ 7-10 วัน และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์
- คิ้วตก ถ้าฉีดบริเวณใกล้หางคิ้วจะทำให้ไม่สามารถเลิกคิ้วได้ ส่งผลให้ใบหน้าไม่สามารถแสดงความรู้สึก
- ตาแห้ง จากการฉีดโบท็อกเข้าต่อมน้ำตา ทำให้การสร้างน้ำตาลดลง
- มุมปากบนห้อยลง จากการฉีดโบท็อกรอยตีนกา ถ้าฉีดลึกเกินไปยาอาจซึมเข้ากล้ามเนื้อ Zygomaticus ได้ และอาจทำให้ริมฝีปากบนหย่อนลงได้
สรุปฉีดโบลดริ้วรอย คืนความเรียบเนียนให้กับผิวอีกครั้ง
การฉีดโบลดริ้วรอยจะช่วยรักษาริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากการแสดงสีหน้า หรือริ้วรอยจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ ผิวกระชับและเต่งตึงขึ้น นอกจากโบท็อกจะฉีดลดริ้วรอยแล้ว ยังสามารถใช้ทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคบางชนิดอีกด้วย เช่น ฉีดลดเหงื่อในภาวะเหงื่อออกมาก โรคไมเกรน ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง เป็นต้น
สำหรับผู้ที่ต้องการอยากปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกลดริ้วรอยแต่ไม่สะดวกไปคลินิก สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX เพื่อปรึกษากับทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังผ่านทางออนไลน์ได้เลย
สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการครั้งแรก สามารถปรึกษากับแพทย์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
SkinX แอปฯ ปรึกษาหมอผิวหนังออนไลน์ ที่ได้รวบรวมเหล่าทีมแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำมาให้คำปรึกษาด้านผิวหนัง อาทิ ปัญหาสิว ชนิดผิวพรรณแต่ละประเภท ผมและหนังศีรษะ รวมถึงหัตถการความงามอย่างฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อก
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Boyd K. (2022, April 20). Botulinum Toxin (Botox) for Facial Wrinkles. American Academy of ophthalmology. https://www.aao.org/eye-health/treatments/what-is-botox-facial-wrinkles