ฉีดดอลลี่อายเป็นอย่างไร? ต่างจากถุงใต้ตาอย่างไรบ้าง?
การฉีดดอลลี่อาย คือการฉีดใต้ตาแบบดาราเกาหลี เป็นการศัลยกรรมดวงตาโดยการฉีดสารเติมเต็ม ที่กำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้หญิงชาวเอเชีย โดยเฉพาะฝั่งญี่ปุ่นและเกาหลี ในไทยเองก็นิยมทำดอลลี่อายด้วยเช่นกัน เพื่อให้ดวงตาดูกลมโต ดูหวาน และน่ารักมากขึ้น
แต่การฉีดดอลลี่อายทำอย่างไร ใช้หัตถการไหน ต้องผ่าตัดหรือไม่ มีการดูแลตนเองก่อนและหลังทำ และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง? ในบทความนี้ SkinX จะพามาทำความรู้จักดอลลี่อาย พร้อมทั้งสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำดอลลี่อาย
SkinX แอปพลิเคชันปรึกษาปัญหาผิวและความสวยความงาม ที่ให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผิวหนังมากกว่า 210 ท่านจากสถานพยาบาลทั่วประเทศ ให้บริการผ่านระบบออนไลน์ สามารถปรึกษาได้ทุกที่ ทุกเวลา สะดวก ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องรอคิว ดาวน์โหลดตอนนี้ ปรึกษาแพทย์ครั้งแรกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
สารบัญบทความ
- ดอลลี่อาย (Dolly Eyes) คืออะไร?
- ดอลลี่อายแตกต่างจากถุงใต้ตาอย่างไรบ้าง?
- ดอลลี่อาย สามารถทำด้วยวิธีไหนได้บ้าง?
- การฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย เหมาะกับใคร?
- ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย
- ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย
- ข้อควรปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย
- ฟิลเลอร์ดอลลี่อายอยู่ได้นานไหม?
- ข้อควรระวัง ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย
- สรุป
ดอลลี่อาย (Dolly Eyes) คืออะไร?
ดอลลี่อาย (Dolly Eyes, Love Bands, หรือ Aegyo sal) คือคำเรียกลักษณะผิวหนังที่จะโค้งนูนออกมาบริเวณใต้ตา ติดกับแนวขนตา ซึ่งใต้ตาลักษณะนี้ กำลังเป็นเทรนความสวยความงามที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะจะทำให้ดูเด็กลง หน้าหวานขึ้น
การมีผิวนูนโค้งที่ใต้ตาในลักษณะนี้มักจะมีมากในเด็ก เมื่อโตขึ้นมาก็จะค่อยๆหายไปตามอายุ ดังนั้นการฉีดดอลลี่อายจึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง อีกทั้งการมีผิวนูนโค้งใต้ดวงตายังทำให้ตาดูกลมโตมากขึ้น ทำให้ตาที่ดูเฉี่ยวกลับหวานขึ้น ส่งผลให้หน้าหวานขึ้น หน้าดูดุน้อยลงนั่นเอง
ดอลลี่อายแตกต่างจากถุงใต้ตาอย่างไรบ้าง?
ดอลลี่อายมีข้อแตกต่างจากถุงใต้ตา ดังนี้
1. สิ่งที่ทำให้เกิดดอลลี่อาย และถุงใต้ตา
ดอลลี่อายเกิดจากลักษณะของกล่ามเนื้อ โดยกล้ามเนื้อที่ทำให้ผิวหนังนูนขึ้นเป็นดอลลี่อายตามธรรมชาติ คือกล้ามเนื้อในส่วน Orbicularis Oculi ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อส่วนที่อยู่รอบดวงตา ในขณะที่สิ่งที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา คือไขมันที่ลงมาค้างอยู่ที่เนื้อเยื่อใต้ดวงตา
โดยปกติแล้วถุงใต้ตามักจะเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น เพราะเมื่ออายุมาก กระดูกใต้เบ้าตาจะเริ่มสลายหายไปบางส่วน ทำให้ไขมันที่เคยอยู่ภายในเบ้าตา หย่อนลงมาค้างอยู่ที่บริเวณใต้ตานั่นเอง
2. ลักษณะของดอลลี่อาย และถุงใต้ตา
ลักษณะใต้ตาที่มีดอลลี่อาย
ลักษณะใต้ตาที่มีถุงใต้ตา
ลักษณะของดอลลี่อายจะเป็นเพียงผิวที่นูนโค้งขึ้นมา เวลาปกติจะเห็นไม่ค่อยชัด แต่จะเห็นได้ชัดขึ้นเวลายิ้ม ส่วนถุงใต้ตาจะเห็นได้ชัดตลอดเวลา และถุงใต้ตามักจะมีผิวหนังหย่อนคล้อยรวมถึงตาลึกร่วมด้วย ทำให้ดูมีอายุมากขึ้น
3. ผลของการมีดอลลี่อาย และถุงใต้ตา
ผลของการมีดอลลี่ จะทำให้ใบหน้าดูเด็กลง หวานขึ้น ในขณะที่ถ้ามีถุงใต้ตา จะทำให้ดูมีอายุ และเห็นความหย่อนคล้อยของใบหน้ามากขึ้น
ดอลลี่อาย สามารถทำด้วยวิธีไหนได้บ้าง?
ดอลลี่อายมีวิธีการทำหลักๆ 2 วิธี โดยที่ทั้งสองวิธีนี้สามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเลย
1. การฉีดดอลลี่อายด้วยการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ (Fillers) คือการฉีดสารเติมเต็มกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid : HA) เข้าสู่ผิวหนัง เพื่อแก้ไขปัญหารอยเหี่ยวย่น ช่วยยกกระชับผิวหนัง ปรับแต่งเครื่องหน้าและรูปหน้าให้ใกล้เคียงกับลักษณะที่ต้องการ ซึ่งการฉีดเพิ่มใต้ตาทำดอลลี่อาย ก็สามารถทำได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ด้วยเช่นกัน
การฉีดดอลลี่อายด้วยฟิลเลอร์ จะฉีดครั้งละแค่ 1 cc ในบริเวณใต้ดวงตา ทำให้ผิวบริเวณใต้ดวงตานูนขึ้นมา จนมีลักษณะเหมือนกับดอลลี่อายตามธรรมชาติ
ข้อดีของการฉีดดอลลี่อายด้วยฟิลเลอร์ คือใช้เวลาพักฟื้นน้อย ผลการรักษาหลังฉีดทันทีและหลังจากช่วงพักฟื้นจะแทบไม่ต่างกันหากดูแลตนเองอย่างดีตามคำแนะนำของแพทย์ ทำให้แพทย์สามารถประมาณปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ฉีดดอลลี่อายแต่ละข้างได้ง่าย
ส่วนข้อเสียคือมีราคาแพงกว่า และผลการรักษาอยู่ได้ไม่นานเท่าการฉีดไขมัน ทำให้ต้องกลับมาเติมฟิลเลอร์ทุกๆ 6 เดือนเพื่อคงผลการรักษาไว้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : รู้จักการ ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? เห็นผลจริงไหม ฉีดแล้วช่วยอะไร?
2. การฉีดดอลลี่อายด้วยการฉีดไขมัน
การฉีดไขมัน (Fat Grafting) คือการฉีดเซลล์ไขมันมีชีวิตจากร่างกายผู้เข้ารับการรักษาเองเข้าสู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเต่งตึง อวบอิ่มมากขึ้น อีกทั้งสเต็มเซลล์ในไขมันยังไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
ส่วนที่มักจะฉีดไขมัน ส่วนใหญ่จะเป็นส่วนของใบหน้าและร่างกายที่ต้องฉีดครั้งละมากๆ อย่างบริเวณหน้าผาก แก้ม คาง สะโพก บั้นท้าย และหน้าอก เป็นต้น
การฉีดไขมันจะไม่ใช่การฉีดสารเติมเต็มทั่วไปเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ แต่เป็นการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อแบบหนึ่ง เมื่อฉีดเซลล์ไขมันเข้าไปแล้ว ผิวหนังจะสร้างเส้นเลือดขึ้นมาเพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไป ทำให้ไขมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อผิวหนัง
แต่หากฉีดแล้วไม่เกาะเนื้อเยื่อ เนื้อเยื่อสร้างเส้นเลือดขึ้นมาเลี้ยงเซลล์ไขมันไม่เพียงพอ จะทำให้เซลล์ไขมันสลายไป
การฉีดดอลลี่อายด้วยการฉีดไขมัน จะฉีดครั้งละมากกว่า 1 cc เพราะแพทย์จะต้องเผื่อไขมันส่วนที่สลายไปด้วย แต่บางครั้งไขมันก็สลายไม่สม่ำเสมอ ทำให้หลังการฉีดอาจเกิดไขมันเป็นคลื่น ทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวขรุขระได้
ข้อดีของการฉีดดอลลี่อายด้วยการฉีดไขมันคือราคาถูกกว่าฟิลเลอร์ เนื่องจากสารที่นำมาฉีดเป็นเซลล์ไขมันของตัวผู้เข้าการรักษาเอง แต่ข้อเสียคือหลังฉีดจะบวมมากกว่า ใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าฉีดฟิลเลอร์
อีกทั้งผลการรักษาหลังฉีดกับหลังพักฟื้นอาจไม่เหมือนกัน เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ปลูกไม่ติดอาจสลายตัวได้ จนทำให้ดอลลี่อายโค้งนูนน้อยลงเมื่อเทียบกับหลังฉีด ตาสองข้างไม่เท่ากันจากเซลล์ไขมันที่สลายไปไม่เท่ากัน หรือใต้ตาอาจเป็นคลื่นจากไขมันสลายไม่สม่ำเสมอ
ในปัจจุบันการฉีดดอลลี่อายจะนิยมฉีดด้วยฟิลเลอร์มากกว่า เนื่องจากให้ผลการรักษาที่ดีกว่า และยังแก้ไขผลการรักษาได้ง่ายกว่า เพราะการฉีดฟิลเลอร์สามารถสลายไปเองได้ในเวลาประมาณ 6 – 12 เดือน ทั้งยังสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์เพื่อทำให้ผลการรักษาหายไปเร็วขึ้นได้อีกด้วย
การฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ต้องการให้หน้าดูหวานขึ้น ตาดูดุน้อยลง
- ผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูเด็กลง สำหรับผู้ที่ต้องการให้หน้าดูเด็ก แพทย์จะแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มและฟิลเลอร์ใต้ตาด้วย
- ผู้ที่ต้องการให้ผิวใต้ตาชุ่มชื้น ดูสุขภาพดีมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาหน้าโทรม ให้ใบหน้าดูสดใส
ดอลลี่อายผู้ชายทำได้ไหม?
การทำดอลลี่อายไม่ได้มีเฉพาะในผู้หญิง ดอลลี่อายผู้ชายก็มีเช่นกัน ผู้ชายที่มีดอลลี่อายจะดูหน้าหวาน น่ารักมากขึ้น ซึ่งเทรนนี้กำลังเป็นที่นิยมมากในผู้ชายญี่ปุ่นและเกาหลีด้วย
“การฉีดดอลลี่อายเป็นการฉีดฟิลเลอร์แบบหนึ่ง ดังนั้นผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือผู้ที่มีอาการผิวหนังอักเสบบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ จะไม่สามารถฉีดได้ ส่วนผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ควรได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน”
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย
การเตรียมตัวก่อนฉีดดอลลี่อายค่อนข้างสำคัญ เพราะสามารถลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อายได้
โดยผลข้างเคียงที่พบได้มากคืออาการช้ำ เนื่องจากการฉีดดอลลี่อายบริเวณใต้ตาที่มีเส้นเลือดอยู่มาก จะมีความเสี่ยงเกิดรอยช้ำได้มากกว่าบริเวณอื่นๆ หากเตรียมตัวตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนการฉีดดอลลี่อายจะสามารถทำให้โอกาสเกิดรอยช้ำน้อยลงได้
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย มีดังนี้
- พูดคุยกับแพทย์ว่าดวงตาเหมาะกับการทำดอลลี่อายไหม ผลการรักษาจะออกมาประมาณไหน ดวงตาทั้งสองข้างเท่ากันหรือไม่ แพทย์ต้องฉีดฟิลเลอร์เพื่อทำดอลลี่อายข้างละประมาณเท่าไหร่เพื่อให้ดวงตาออกมาสวยหวาน และยังดูสมมาตรอยู่
- แจ้งประวัติโรคประจำตัว ประวัติการผ่าตัด การแพ้ยา แพ้อาหาร และการใช้ยาประจำกับแพทย์โดยละเอียด หากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรก็จำเป็นต้องแจ้งแพทย์ด้วย
- หยุดยา อาหารเสริม และสมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ยาแก้ปวดทั้งแอสไพริน และ NSAIDS ก่อนฉีดดอลลี่อาย 1 สัปดาห์ หากเป็นยาที่แพทย์ให้ใช้ประจำไม่ควรหยุดยาเอง ควรปรึกษาแพทย์ที่จ่ายยาให้ก่อนหยุดยา
- ควรงดยาทาที่ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่กำลังจะฉีดดอลลี่อายประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด
- ก่อนการฉีดดอลลี่อาย 24 ชั่วโมงควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด งดการสูบบุหรี่ และงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด อย่างการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร และผู้ที่กำลังมีโรคติดเชื้อหรือผิวหนังอักเสบในบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ ไม่ควรเข้ารับการฉีดดอลลี่อาย
- ในวันที่จะฉีดดอลลี่อาย ควรสระผมมาก่อน ไม่ควรแต่งหน้า และใส่คอนแทคเลนส์ในวันดังกล่าว
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย
- แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตา และแปะยาชาก่อนการฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้วจึงเริ่มฉีด
- แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ทำดอลลี่อายที่ใต้ดวงตา เมื่อฉีดแล้วแพทย์จะเกลี่ยฟิลเลอร์ให้โค้งเสมอกัน เหมือนกับดอลลี่อายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
- ทำความสะอาดแผลอีกครั้ง และติดปลาสเตอร์ขนาดเล็กไว้เพื่อห้ามเลือดโดยไม่ต้องเย็บแผล เนื่องจากแผลจากการฉีดฟิลเลอร์มีขนาดเล็กมาก
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้วแพทย์จะให้พักดูอาการสักครู่หนึ่ง เมื่อแผลฉีดดอลลี่อายไม่มีปัญหาอะไร แพทย์จะให้กลับบ้านได้ โดยผู้เข้ารับการรักษาสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น และควรทำตามข้อควรปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย
ข้อควรปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย
ข้อปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อายก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว ผลการรักษาคงที่เหมือนกับหลังฉีด และยังทำให้ผลการรักษาอยู่ได้นานอีกด้วย โดยข้อปฏิบัติตัวหลังฉีดดอลลี่อาย มีดังนี้
- ไม่ควรกด นวด คลึง ในบริเวณใต้ตาที่เพิ่งฉีดดอลลี่อายมา
- ดื่มน้ำมากๆ น้ำจะทำให้อาการบวมหายเร็วขึ้นได้ อีกทั้งน้ำยังเป็นส่วนหนึ่งของฟิลเลอร์ น้ำจะทำให้ฟิลเลอร์ฟูมากขึ้น และรวมเข้ากับผิวหนังได้ดีด้วย โดยการดื่มน้ำควรจะดื่มประมาณ 2 – 3 ลิตร ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่ร่างกายควรได้รับต่อวันอยู่แล้ว
- ไม่ควรประคบเย็นด้วยตนเอง เนื่องจากในบางกรณีการประคบเย็นอาจทำให้ฟิลเลอร์ไม่เกาะกับผิว และผู้เข้ารับการรักษาอาจเผลอกดแรงจนทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนไปที่เนื้อเยื่ออื่น ส่งผลให้ดอลลี่อายไม่สวย หรือโค้งไม่สม่ำเสมอได้
ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรประคบร้อน เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็ว ไม่ได้รูปเหมือนกับที่แพทย์เกลี่ยไว้ขณะรักษา หากบวมมากและต้องการประคบเย็น ควรปรึกษาแพทย์ถึงตำแหน่งและวิธีที่สามารถประคบได้อย่างปลอดภัย
- หลีกเลี่ยงความร้อน แสงแดด หรือการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องทำในที่ร้อน ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดดอลลี่อาย อย่างเช่นการทานอาหารหน้าเตาร้อน เข้าเซาน์น่า หรือการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เนื่องจากความร้อนจะส่งผลต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์
- หากเกิดความผิดปกติ ควรแจ้งแพทย์ให้เร็วที่สุด โดยความผิดปกติที่ควรแจ้งแพทย์ คืออาการบวมแดงมาก รู้สึกเจ็บหรือปวดที่แผลมากกว่าที่ควรเป็น มีอาการอักเสบ เป็นหนอง ภาพการมองเห็นผิดปกติ เกิดจุดดำในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ไป เกิดฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือฟิลเลอร์ไหล หากเกิดอาการดังกล่าว ยิ่งพบแพทย์เร็ว จะยิ่งแก้ไขได้ง่าย
- งดการทำเลเซอร์ อย่างน้อย 1 เดือนหลังฉีดดอลลี่อาย เพราะความร้อนจากเลเซอร์จะทำให้ฟิลเลอร์สลายได้เร็ว
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดฟิลเลอร์ เพราะจะทำให้บริเวณที่ฉีดบวมมากกว่าเดิม
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารบางประเภท ที่ส่งผลกับฟิลเลอร์ดอลลี่อาย อย่างเช่นอาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ
อาหารมีผลต่อการฉีดดอลลี่อายได้อย่างไร หลังฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อายแล้ว ห้ามทานอะไรบ้าง? : ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไรบ้าง? รวมอาหาร 8 ชนิด ที่ไม่ควรกินก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ดอลลี่อายอยู่ได้นานไหม?
ดอลลี่อายจากฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้ประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ พฤติกรรมการใช้ชีวิต และอยู่ที่ว่าร่างกายสามารถเผาผลาญกรดไฮยาลูรอนิคได้ดีแค่ไหน
แล้วดอลลี่อายถาวร สามารถทำได้ไหม? ในทางการแพทย์แล้วสามารถทำได้ แต่แพทย์จะไม่แนะนำให้ทำเนื่องจากมีความเสี่ยงสูง
หากต้องการให้ดอลลี่อายอยู่ถาวร สารที่ฉีดต้องเป็นสารที่อยู่ในร่างกายได้นานๆ อย่างการฉีดฟิลเลอร์ชนิดกึ่งถาวรหรือชนิดถาวร ซึ่งทำมาจากซิลิโคน พลาสติกพอลิเมอร์ และสารอื่นๆ
แม้วัสดุเหล่านี้จะเป็นวัสดุที่ใช้ในทางการแพทย์ได้อยู่แล้ว ทำให้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยไม่เป็นพิษ แต่การฉีดสารเหล่านี้เป็นฟิลเลอร์สามารถทำให้เสี่ยงเกิดการแพ้ ทำให้เกิดพังผืดใต้ผิวหนัง เกิดการอักเสบติดเชื้อได้แม้จะฉีดไปเป็นปีแล้วก็ตาม อีกทั้งยังแก้ไขผลการรักษาได้ยาก ไม่สามารถฉีดสลายได้ หากผลการรักษาผิดพลาดจะต้องผ่าตัดเพื่อขูดฟิลเลอร์ออกเท่านั้น
ในปัจจุบันองค์การอาหารและยาของไทย (อย.) จึงไม่รับรองให้ใช้สารเหล่านี้ฉีดเป็นฟิลเลอร์ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง
นอกจากนี้วัสดุที่ไม่ผ่านการรับรองเหล่านี้ก็มักถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของฟิลเลอร์ปลอมด้วย ผู้ที่สนใจจะฉีดดอลลี่อาย หรือฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งอื่นๆ ควรดูให้แน่ใจว่าฟิลเลอร์ที่กำลังจะฉีดเป็นฟิลเลอร์แท้ ผ่านการนำเข้าและรับรองโดย อย. ไทยอย่างถูกต้อง เพื่อระวังไม่ให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม
ฟิลเลอร์ปลอมดูอย่างไร? มีจุดไหนบ้างที่ควรเช็คก่อนฉีด? : ฟิลเลอร์ปลอมคืออะไร? มีวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้อย่างไรบ้าง?
หากฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อายด้วยการฉีดไขมัน ผลการรักษาก็จะอยู่ได้นานมากกว่า โดยอาจอยู่ได้นานถึง 3 – 5 ปี แต่ผลการรักษาก็อาจจะไม่ได้ออกมาดีเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ อีกทั้งยังแก้ไขผลการรักษาได้ยากกว่าด้วย ผู้ที่สนใจฉีดดอลลี่อายควรจะปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคลต่อไป
ข้อควรระวัง ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย
- หลังการฉีดดอลลี่อายอาจจะทำให้ดวงตาไม่เท่ากัน โดยอาจเกิดจากดวงตาไม่เท่ากันอยู่แล้วตั้งแต่แรก และดอลลี่อายทำให้ขอบตาชัดขึ้นจนมองเห็นได้ง่ายกว่าเดิมว่าดวงตาสองข้างไม่เท่ากัน หรืออาจจะเกิดจากปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ไม่เท่ากันทั้งสองข้าง จนทำให้ดอลลี่อายทั้งสองข้างโค้งนูนไม่เท่ากันได้
- การฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย มีความเสี่ยงเกิดอาการช้ำหลังฉีดได้มากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ในส่วนอื่นๆ เนื่องจากบริเวณใต้ตามีเส้นเลือดมากกว่าบริเวณอื่นๆ ทำให้เวลาที่ฉีด เข็มฉีดอาจไปสะกิดโดนเส้นเลือดฝอยจนช้ำได้ง่ายนั่นเอง
- ระวังการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ควรตรวจดูเลขล็อต ลักษณะกล่อง และดูใบรับรองแพทย์ภาษาไทย เพื่อให้แน่ใจว่าฟิลเลอร์ที่กำลังจะใช้ฉีดทำดอลลี่อายเป็นฟิลเลอร์แท้ ไม่ใช่ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์หิ้ว
- ควรฉีดกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญจริงๆ เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่อันตราย อย่างการเกิดภาวะกระเจิงแสงผิดปกติ (Tyndall effect) จากการฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อายในปริมาณที่มากเกินไป, การสูญเสียการมองเห็น, และการอักเสบติดเชื้อบริเวณดวงตา
สรุป
การฉีดดอลลี่อาย เป็นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณดวงตาที่กำลังเป็นเทรนอยู่ในปัจจุบัน แม้ผลการรักษาจะดูสวยงาม น่ารัก แต่การฉีดฟิลเลอร์ใกล้ดวงตาก็มีความเสี่ยงที่อันตรายอยู่เช่นกัน
ดังนั้นผู้ที่ต้องการฉีดดอลลี่อายควรจะทราบความเสี่ยงต่างๆ วิธีการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีด เพื่อแก้ไขปัญหาความสวยความได้อย่างตรงจุด ลดความกังวลและสร้างความมั่นใจให้กับตนเองอย่างปลอดภัย
สนใจปรึกษาแพทย์ผิวหนังเกี่ยวกับปัญหาความสวยความงาม และปัญหาโรคผิวหนังต่างๆ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ก็สามารถเลือกปรึกษาแพทย์ผิวหนังกว่า 210 ท่านจากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ได้ ทุกที่ ทุกเวลา ดาวน์โหลดตอนนี้สามารถปรึกษากับแพทย์ในครั้งแรกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
Aegyosal with Fillers. Dream Medical Group Plastic & Reconstructive Surgery. https://www.drkennethkim.com/procedure/aegyosal-with-fillers/
Aegyosal | The Cheery Fat. Seoul Cosmetic Surgery. https://seoulcosmeticsurgery.com/aegyo-sal/