ฉีดฟิลเลอร์ บวมกี่วัน? ทำอย่างไรให้หายเร็ว?
ผลข้างเคียงที่พบได้มากที่สุดหลังฉีดฟีลเลอร์ก็คือ การฉีดฟิลเลอร์แล้วบวม แม้ห่างจากช่วงหลังฉีดเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ก็ยังมีอาการบวมจากฟิลเลอร์ ไม่ยุบลงสักที หลายคนจึงมีข้อสงสัยกันว่าฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน? ฟิลเลอร์บวมเกิดจากอะไร? ทำอย่างไรบ้างให้อาการบวมหาย? ในบทความนี้ SkinX จะมาแนะนำข้อควรรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน ตลอดจนวิธีการดูแลตัวเองเพื่อลดอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ และลดความเสี่ยงต่อเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง
SkinX แอปพลิเคชันปรึกษาปัญหาผิวหนังและความงาม ให้คุณได้เลือกปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศกว่า 210 ท่านแบบตัวต่อตัวผ่านระบบออนไลน์ที่สะดวกสบายแบบไม่ต้องเดินทาง เพราะ SkinX ผิวดี ไม่ต้องรอ!
สรุปแล้ว ฉีดฟิลเลอร์ บวมกี่วัน? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
- ฉีดฟิลเลอร์ บวมกี่วัน? ปกติแล้วหลังฉีดฟิลเลอร์จะมีอาการบวมประมาณ 7-14 วัน โดยช่วงที่บวมมากที่สุดคือ 2-3 วันแรกหลังฉีด หลังจากนั้นอาการจะค่อย ๆ หายไปเอง
- อาการฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมแดง นับเป็นอาการปกติที่พบเจอได้ทั่วไปหลังฉีดและสามารถหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์
- การฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมแดงรุนแรงอาจมีอาการแทรกซ้อนอย่างอาการติดเชื้อ การแพ้ฟิลเลอร์ ตลอดจนอาการบวมจากฟิลเลอร์กระจายไปสู่เนื้อเยื่อบริเวณอื่น ๆ จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อหาทางรักษา
- การฉีดฟิลเลอร์แล้วมี
อาการบวมหลายวันอาจเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งต้องรักษาโดยการผ่าตัดขูดฟิลเลอร์ออกเท่านั้น - ผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ เช่น มีอาการวิงเวียนศีรษะ, เหนื่อยง่ายกว่าปกติ, กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือรู้สึกแสบคันบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
ข้อควรรู้เบื้องต้น การฉีดฟิลเลอร์คืออะไร?
ก่อนจะทราบว่าฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วันนั้น ควรทราบก่อนว่าฟิลเลอร์คืออะไร ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คือหัตถการผิวอย่างหนึ่งที่ฉีดสารเติมเต็มเข้าสู่ผิว โดยมีจุดประสงค์เพื่อเติมเต็มผิว, ลดรอยเหี่ยวย่น, เพิ่มความชุ่มชื้น และปรับรูปหน้าให้สมมาตรขึ้นสำหรับเสริมความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการ
สารเติมเต็มที่ใช้ฉีดส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมหลักเป็นกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยและสามารถสลายตัวได้โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ นอกจากนี้ยังสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ในกรณีที่ไม่พอใจกับผลลัพธ์หลังฉีดได้อีกด้วย
เรียนรู้เพิ่มเติม ฉีดฟิลเลอร์หน้าส่วนไหนได้บ้าง?
- ฟิลเลอร์ปาก เติมเต็มร่องปากให้ดูอิ่มฟู ลดริ้วรอยบริเวณขอบปาก แก้ปัญหามุมตกให้ยกขึ้น
- ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ เติมร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ลง
- ฟิลเลอร์ขมับ ช่วยปรับรูปหน้าให้มีสัดส่วนเข้ารูป แก้ปัญหาขมับตอบ
- ฟิลเลอร์คาง ปรับรูปทรงคางให้ได้สัดส่วน ใบหน้าดูเรียวเป็นธรรมชาติ แก้ปัญหาคางตัด คางเบี้ยว
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะสำหรับผู้มีแก้มตอบ เติมเต็มร่องแก้มให้ดูเต็มขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง
- ฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ริ้วรอยบนหน้าผาก ทำให้หน้าผากนูน เสริมโหงวเฮ้ง
- ฟิลเลอร์จมูก เสริมสันจมูกให้โด่งขึ้น ปรับแต่งทรงจมูกให้เข้ากับรูปหน้า
ฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมแดง คืออาการผิดปกติหรือไม่?
ฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมพบเจอได้ทั้งอาการผิดปกติและอาการหลังฉีดทั่วไป หากอาการบวมเกิดจากการบาดเจ็บหลังการฉีดฟิลเลอร์ โดยไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ถือเป็นผลข้างเคียงทั่วไปที่สามารถพบเจอได้ แต่หากเกิดอาการบวมที่มีอาการอักเสบติดเชื้อ, ฉีดผิดตำแหน่ง, มีอาการแพ้ฟิลเลอร์ รวมถึงฟิลเลอร์ไหลเข้าสู่เนื้อเยื่ออื่นจะนับว่าเป็นอาการบวมที่ผิดปกติ ซึ่งจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาอาการดังกล่าว
ฉีดฟิลเลอร์ บวมกี่วัน หลังฉีดกี่วันจึงจะเข้าที่?
ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน? หากเป็นอาการบวมเข็มตามปกติ ฉีดฟิลเลอร์จะบวมประมาณ 7-14 วัน โดยเกิดอาการบวมมากที่สุดในช่วง 2-3 วันแรก จากนั้นจะค่อย ๆ บวมน้อยลงและหายไปเอง โดยไม่ต้องเข้ารับการรักษาเพิ่มเติม เพียงทำตามข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์อาการบวมก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น
อาการบวมจากการฉีดฟิลเลอร์มีกี่ประเภท?
หลังจากทราบฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมกี่วันแล้ว สิ่งที่ควรพิจารณาต่อไปคือ ประเภทอาการบวมของฟิลเลอร์ โดยทั่วไปอาการบวมจากฟิลเลอร์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักพิจารณาตามความจำเป็นที่จะต้องพบแพทย์ ดังนี้
ฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมจากผลข้างเคียงปกติที่ไม่ต้องพบแพทย์
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหมหากเกิดอาการบวมหลังฉีด? หากเป็นอาการบวมแดงที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากเกินไป จะเป็นอาการบวมเข็มปกติที่เกิดขึ้นได้หลังฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเกิดจากเข็มฟิลเลอร์ทำให้เนื้อเยื่อผิวหนังบางส่วนเสียหาย ผิวหนังบริเวณนั้นจึงบวมขึ้นตามกลไกของร่างกายเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อนั่นเอง จึงไม่ใช่ผลข้างเคียงที่อันตรายและไม่จำเป็นต้องพบแพทย์
หากเกิดผลข้างเคียงลักษณะนี้ควรดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอนหมอนสูง งดการคลึงหรือประคบร้อนเย็นเองโดยพลการ เพราะอาจส่งผลให้ฟิลเลอร์ไม่เกาะผิวหรือทำให้ฟิลเลอร์ไหลเข้าสู่เนื้อเยื่อส่วนอื่นได้ อาการบวมสามารถประคบเย็นได้แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อพิจารณาว่าควรประคบบริเวณใดที่จะไม่มีผลกับฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมจากผลข้างเคียงที่จำเป็นต้องพบแพทย์
อาการบวมฟิลเลอร์ที่จำเป็นต้องพบแพทย์ประกอบด้วย 3 สาเหตุหลัก ได้แก่
- อาการบวมจากการติดเชื้อและอักเสบรุนแรง
อาการบวมจากการติดเชื้อจะมีอาการบวมแดงที่ผิว แสบร้อนบริเวณที่ฉีด และรู้สึกปวดมากกว่าปกติ บางรายอาจมีหนองอยู่ในบริเวณที่บวมด้วย ซึ่งการบวมจากการติดเชื้อนับเป็นผลข้างเคียงที่อันตราย ผู้ที่มีอาการดังกล่าวควรแจ้งแพทย์เพื่อรักษาอาการข้างเคียงให้เร็วที่สุด
- อาการบวมจากการแพ้ฟิลเลอร์
อาการบวมจากการแพ้ฟิลเลอร์คล้ายกับอาการติดเชื้อ แต่บางรายอาจมีก้อนนูนขึ้นมาจากผิวหรือมีตุ่มผื่นลมพิษขึ้นใกล้กับบริเวณที่ฉีดด้วย ซึ่งอาการแพ้ฟิลเลอร์สามารถเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้หลังจากฉีดฟิลเลอร์ พบได้ตั้งแต่หลังฉีดเพียงไม่กี่นาทีจนถึงระยะหลังฉีดเป็นปีก็เกิดอาการแพ้ได้
ซึ่งรักษาได้ด้วยการใช้ยาลดการอักเสบ ลดบวม หรือลดผื่นลมพิษ หากแพ้หนักมากแพทย์อาจจะแนะนำให้ฉีดสลายฟิลเลอร์ ทั้งนี้ การแพ้ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิคสามารถพบได้น้อยกว่า 5% โดยส่วนใหญ่อาการแพ้ฟิลเลอร์มักพบจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งไม่สามารถฉีดสลายได้ จำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อขูดฟิลเลอร์และเนื้อเยื่อที่เสียหายออกเท่านั้น
- อาการบวมจากฟิลเลอร์เป็นก้อน
หากฉีดฟิลเลอร์แล้วมีอาการบวมเป็นก้อนนูนออกมาจากผิวไม่ว่าเวลายิ้มหรือขยับกล้ามเนื้อใบหน้า อาจเกิดจากความผิดพลาดของการฉีดฟิลเลอร์ หรือการดูแลตัวเองที่ไม่ถูกต้องหลังฉีด หากมีอาการดังกล่าวควรแจ้งแพทย์เจ้าของไข้ภายใน 2 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์ เพราะยังเป็นช่วงเวลาที่ยังสามารถแก้ไขได้อยู่ แต่หากมากกว่า 2 สัปดาห์จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์แทน
ผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจพบได้หลังจากการฉีดฟิลเลอร์
นอกจากคำถามฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วันแล้ว อีกหนึ่งข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ก็คือ ผลข้างเคียงฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง? การฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้เกิดผลข้างเคียงอาการบวม
- อาการแสบ คัน หรือรู้สึกปวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งอาการดังกล่าวสามารถหายเองภายใน 1 วัน
- ฟิลเลอร์ไหลเข้าสู่เนื้อเยื่อบริเวณอื่น ทำให้รูปหน้าและโครงหน้าแปลกไป หากเกิดปัญหาดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ภายใน 2 สัปดาห์
- เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ, หน้ามืด, หายใจลำบาก และเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
- เส้นประสาทผิดปกติ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือรู้สึกว่าใบหน้าชาเป็นอัมพาต ไม่สามารถขยับได้ตามปกติ
- เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา เช่น ตาแห้ง, ตาบวม, ปวดตา, มองเห็นไม่ชัด หรืออาจถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นได้
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดได้จริงหรือ? : คลายข้อสงสัย จริงไหม? ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด
ระวังอาการบวมจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม
การฉีดฟิลเลอร์ปลอมทำให้เกิดอาการบวมและก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย ซึ่งจริง ๆ แล้วฟิลเลอร์ปลอมคือ ฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่กรดไฮยาลูรอนิคและไขมัน แต่ประกอบด้วยสารสังเคราะห์อย่างซิลิโคนเหลว พาราฟิน หรือพลาสติกพอลิเมอร์ชนิดต่าง ๆ ที่เป็นเกรดทางการแพทย์ แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาฉีดเพราะมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้มากกว่านั่นเอง
สารฟิลเลอร์ปลอมเหล่านี้จะไม่สลายตัว ทำให้ในระยะยาวอาจจับกันเป็นก้อนแน่นจนฟิลเลอร์บวมหรืออาจย้อยลงมากับเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ ได้ สำหรับการรักษาจะต้องผ่าตัดเพื่อขูดออกเท่านั้น ไม่สามารถฉีดสลายได้เหมือนกับฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิค
หากฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นฟิลเลอร์ปลอม ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน? อาการบวมจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอมอาจเกิดจากฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อนหลังฉีดหรืออาจเกิดจากการแพ้ฟิลเลอร์ก็ได้ ซึ่งอาการแพ้ฟิลเลอร์ปลอมสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยอาการบวมจะไม่หายไป จนกว่าจะรักษาหรือผ่าตัดขูดฟิลเลอร์ปลอมออก
ผู้ที่แพ้ฟิลเลอร์ปลอมจะมีอาการบวมแดงและรู้สึกเจ็บปวดมากในบริเวณที่ฉีดและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อ บางรายอาจรุนแรงจนถึงขั้นมีหนอง ซึ่งถือเป็นอาการที่ควรพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันอาการแพ้รุนแรงจนรักษาได้ยาก ดังนั้น ก่อนฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีควรดูให้ดีว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิค เพื่อความปลอดภัยในการฉีดและการป้องกันการแพ้จากฟิลเลอร์ปลอม
“Fact: ไขมันสามารถฉีดเป็นฟิลเลอร์ได้ ซึ่งจะให้ผลการฉีดที่ถาวรหรืออยู่นานกว่าฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิค เพราะกระบวนการที่เกิดขึ้นหลังฉีดจะเหมือนกับการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยเส้นเลือดจะขยายไปเลี้ยงก้อนไขมันที่เพิ่งฉีดเข้าไป ทำให้ไขมันที่เพิ่มเข้าไปใหม่กลายเป็นส่วนหนึ่งของผิวหนัง แต่การแก้ไขผลการรักษาทำได้ยากกว่า เนื่องจากไขมันไม่สามารถสลายไปเองได้ หากอายุมากขึ้น รูปหน้าเปลี่ยน ก้อนไขมันอาจย้อยลงมาทำให้ใบหน้าดูมีอายุ รูปหน้าไม่สวยเหมือนหลังทำ ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดออกเท่านั้น”
หลังฉีดฟิลเลอร์ ดูแลตัวเองอย่างไรให้หายบวมเร็ว?
1.ดื่มน้ำเป็นประจำ
น้ำมีผลอย่างมากต่อระบบไหลเวียนเลือด หากดื่มน้ำน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ เลือดจะหนืดขึ้นทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดีและแผลจากการฉีดฟิลเลอร์หายช้านั่นเอง เพราะระบบไหลเวียนเลือดจะคอยลำเลียงสารอาหาร ออกซิเจน และสารชนิดอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการรักษาบาดแผลนั่นเอง ดังนั้น หลังฉีดฟิลเลอร์จึงควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ระบบเลือดสามารถไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้แผลและอาการบวมหายเร็วตามไปด้วย
2.นอนหนุนหมอนสูง
การนอนแบบระนาบตามปกติ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงที่บริเวณใบหน้ามากขึ้น ทำให้บริเวณที่บวมมีเลือดไปเลี้ยงมากกว่าปกติ จนเสี่ยงทำให้อาการบวมแย่ลงได้ ดังนั้น การหนุนหมอนสูงจึงสามารถช่วยให้อาการบวมดีขึ้นได้
3.ไม่ควรบีบนวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
หลายคนเข้าใจว่าการบีบนวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์จะช่วยให้อาการบวมยุบเร็วขึ้น แต่จริง ๆ การบีบนวดจะทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังที่เสียหายอยู่มีอาการบวมกว่าเดิมได้ อีกทั้งการนวดยังอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ยังไม่เซตตัวไหลเข้าสู่เนื้อเยื่ออื่น ๆ จนทำให้เกิดฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือผลการรักษาออกมาไม่ดีได้
4.ไม่ควรประคบน้ำแข็งด้วยตนเอง
แม้การประคบเย็นจะช่วยลดอาการบวมช้ำได้ แต่อุณหภูมิมีผลต่อการเซตตัวของฟิลเลอร์เช่นกัน จึงไม่เหมาะกับการประคบเย็นหลังฉีดฟิลเลอร์บางจุด อีกทั้งการประคบยังเสี่ยงต่อการทำให้ฟิลเลอร์ไม่เกาะผิวและทำให้ฟิลเลอร์ไหลเข้าสู่เนื้อเยื่ออื่น ๆ ได้จากการกดประคบบริเวณที่เพิ่งฉีดฟิลเลอร์แรงเกินไปนั่นเอง หากต้องการประคบเย็น ควรปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ก่อนเสมอเพื่อแนะนำวิธีประคบที่ปลอดภัย ไม่ส่งผลกับผลการรักษา
5.งดอาหารที่ทำให้อาการบวมแดงแย่ลง
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคือ ควรงดอาหารบางประเภทอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาหารบางชนิดส่งผลต่อผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ได้ แพทย์จึงแนะนำว่าควรเลี่ยงอาหาร ดังนี้
– อาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ทำให้เสี่ยงเกิดรอยช้ำง่าย แผลหายช้า
– อาหารอุณหภูมิสูง หรืออาหารที่ต้องทานหน้าเตา ทำให้อาการบวมแย่ลงได้
– เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้อาการบวมหายช้า และกระตุ้นการอักเสบ ทำให้แผลแย่ลง
– อาหารน้ำตาลสูง กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ผิวบวมแดงมากกว่าปกติ
– อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ มีเชื้อโรคที่ช่วยกระตุ้นการอักเสบ และเสี่ยงทำให้แผลติดเชื้อ
6.หากมีอาการบวมรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อหาทางรักษา
ฉีดฟิลเลอร์อาการบวมกี่วัน? โดยปกติแล้วอาการบวมจะหายไปเองภายใน 14 วัน หากหลังฉีดมีอาการแสบร้อน, คันที่แผล, เป็นหนอง หรือผิวแดงจัดร่วมด้วย ควรพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เนื่องจากอาจมีอาการอักเสบรุนแรง ติดเชื้อ หรือแพ้ฟิลเลอร์ร่วมด้วยได้ ซึ่งส่งผลให้กระบวนการรักษายากกว่าเดิม
สรุป ฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมกี่วัน?
ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน? อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์นับเป็นอาการที่สามารถพบเจอได้ ซึ่งโดยปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์แล้วมีอาการบวมจะอยู่ประมาณ 7-14 วัน โดยบวมมากที่สุดในช่วง 2-3 วันแรก หลังจากนั้นอาการจะค่อย ๆ หายไปเอง หากเลย 14 วันแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อดำเนินการรักษาก่อนเกิดผลข้างเคียงรุนแรง
หากใครประสบเจอปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมมาก ช้ำมาก ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วยังไม่หาย สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังผ่านทางออนไลน์ได้ที่ SkinX แอปปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่ให้คุณสามารถคุยกับแพทย์แบบตัวต่อตัวได้ โดยไม่ต้องเดินทางและไม่ต้องรอคิว พร้อมบริการส่งยาให้ถึงหน้าบ้าน ดาวน์โหลดตอนนี้ ปรึกษาแพทย์ครั้งแรกไม่เสียค่าใช้จ่าย! เพราะ SkinX ผิวดี ไม่ต้องรอ!
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
Herbstman, R.A. (n.d.). 6 Tips To Reduce Swelling After Dermal Fillers. Contemporary Plastic Surgery.
https://www.cosmeticsurgerynj.com/6-tips-to-reduce-swelling-after-dermal-fillers/
KohaClinics. (2020, December 28). Why Swelling After Fillers is Totally Normal. Koha Skin Clinics.
https://kohaclinics.com/why-swelling-after-fillers-is-totally-normal/#:~:text=Dermal%20
fillers%20cause%20swelling%20and,vary%20from%20person%20to%20person.