SkinX

GET-On the App Store

SkinX Team

5 เมษายน 2566

ทำความรู้จัก “เลเซอร์หน้าใส” ช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ

เลเซอร์ หน้าใส

หลายคนอาจเคยประสบปัญหาใบหน้าหมองคล้ำ รอยสิว หลุมสิว หรือรูขุมขนกว้าง โดยที่กังวลว่าปัญหาเหล่านี้จะรักษาได้ยากจึงทำให้หมดความมั่นใจในภาพลักษณ์ของตนเองได้ แต่นวัตกรรม “เลเซอร์หน้าใส” สามารถช่วยทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น ลดรอยดำรอยแดง รวมถึงทำให้ผิวเรียบเนียนอีกด้วย

 

เลเซอร์หน้าใสเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องปัญหาผิวหมองคล้ำได้ในเวลาที่รวดเร็วกว่าการใช้ครีมบำรุงในระยะยาว จึงทำให้ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่ต้องการจัดการกับปัญหาผิวในทันทีโดยที่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน

 

อาจยังมีข้อสงสัยว่าเลเซอร์หน้าใสดีไหม? บทความนี้ SkinX รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเลเซอร์หน้าแบบเจาะลึกถึงข้อมูล ประเภท ผลลัพธ์จากการทำว่าคุ้มที่จะตัดสินใจทำหรือไม่

 

SkinX แอปพลิเคชันสำหรับการพบหมอผิวหนังออนไลน์ ซึ่งรวบรวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังกว่า 210 คนจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำที่พร้อมให้คำปรึกษาโดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องรอ สำหรับผู้ใช้งานใหม่สามารถรับคำปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางครั้งแรกโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

สารบัญบทความ

เลเซอร์หน้าใสคืออะไร?

เลเซอร์หน้าใส คือนวัตกรรมทางความงามที่ใช้การปล่อยพลังงานเลเซอร์ลงบนผิวเพื่อจับกับเม็ดสีหรือเมลานิน (Melanin) เพื่อย่นระยะเวลาผลัดเซลล์เม็ดสีเก่าและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ทำให้ผิวบริเวณที่ทำนั้นกระจ่างใสยิ่งขึ้น

 

ปัจจุบันมีการเลือกใช้เลเซอร์หลากหลายแบบในการทำเลเซอร์หน้า โดยแต่ละแบบก็มีข้อดีเพิ่มเติมแตกต่างกันออกไป ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะสามารถเลือกเลเซอร์ที่เหมาะสมสำหรับผิวของตนเองมากที่สุด

ประโยชน์ของเลเซอร์หน้าใสมีอะไรบ้าง? ดีอย่างไร?

ประโยชน์ของเลเซอร์หน้าใส

นอกเหนือจากที่เลเซอร์หน้าใสจะสามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใสมากขึ้นแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการรักษาปัญหาผิวอื่นๆ ได้ เช่น

 

  • ลดรอยดำและรอยแดงจากสิว
  • ช่วยปรับให้สีผิวสม่ำเสมอกัน เช่น ทำให้รอยจากแผลเป็นจางลง หรือ ลดรอยฝ้าและกระ เป็นต้น
  • กระชับรูขุมขนให้เล็กลง
  • ลดเลือนริ้วรอยบางๆ บนใบหน้า
  • ช่วยให้หลุมสิวหรือแผลจากสิวตื้นขึ้น

 

โดยปกติแล้ว เซลล์ผิวจะผลัดเป็นปกติทุกๆ 4-6 สัปดาห์ แต่เลเซอร์หน้าสามารถช่วยย่นระยะเวลาในการผลัดเซลล์ผิวให้เร็วขึ้น ทำให้ผิวกระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในการดูแลผิวอย่างรวดเร็ว 

สาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ

การที่ผิวหน้าหมองคล้ำอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยสาเหตุหลักๆ อาจเป็นดังนี้

 

  • การโดนแสงแดด เนื่องจากในแสงแดดมี UVA ที่มีส่วนทำให้เกิดฝ้า กระ และ UVB ซึ่งอาจทำให้ผิวไหม้แดดได้
  • มลภาวะ มีส่วนในการทำให้ผิวเสีย เช่น การโดนควันหรือฝุ่นก็สามารถทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำ และหมองคล้ำ เป็นต้น
  • การดื่มน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ผิวขาดน้ำ แห้งกร้าน 
  • การพักผ่อนไม่พอ หากนอนพักผ่อนไม่เพียงพอหรือไม่เป็นเวลาก็สามารถทำให้ฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ผลิตมาไม่เพียงพอต่อการช่วยซ่อมแซมผิว
  • รอยสิว หลุมสิว แผลเป็น สิ่งเหล่านี้ทำให้ผิวบนใบหน้าไม่เรียบเนียนและสีไม่สม่ำเสมอกัน
  • การสูบบุหรี่ สารคาร์บอนมอนอกไซด์และทาร์ในบุหรี่ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระมากขึ้น ส่งผลให้เม็ดเลือดสร้างได้แย่ลง การผลัดเซลล์ผิวไม่เป็นไปตามปกติ รวมถึงคอลลาเจนในผิวยังถูกทำลายด้วย

 

จากสาเหตุข้างต้น ผิวหน้าจึงถูกรบกวนและทำให้เกิดเป็นความหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และสาเหตุเช่น รอยสิว ฝ้า หรือกระ ก็สามารถรักษาด้วยการเลเซอร์หน้าได้ แต่สาเหตุอย่างการสูบบุหรี่ การดื่มน้ำหรือพักผ่อนไม่เพียงพอนั้น ต้องแก้ไขโดยการดูแลตนเองต่อไป

 

หากต้องการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องข้างต้นเพิ่มเติม สามารถอ่านต่อได้ที่ : หน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ทำยังไงดี? ปัญหากวนใจที่แก้ไม่ยาก!

ใครเหมาะกับการทำเลเซอร์หน้าใสบ้าง?

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • ผู้ที่มีรอยดำ รอยแดงจากสิว ฝ้า กระ หรือเส้นเลือดขอดบางๆ
  • ผู้ที่มีรูขุมขนกว้างหรือหลุมสิว
  • ผู้ที่ขาดการบำรุงดูแลผิว
  • ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความมั่นใจจากปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ

 

แต่ผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาผิวเหมือนข้างต้นก็สามารถเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใสได้หากต้องการให้ผิวกระจ่างใสมากขึ้น หรือรู้สึกว่าผิวหมองคล้ำกว่าแต่ก่อน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามที่ต้องการ

 

แต่สำหรับผู้ที่มีรอยฝ้ากระฝังลึกอาจคิดว่าทำเลเซอร์หน้าใสดีไหม? ช่วยได้มากหรือไม่? ต้องบอกว่าเลเซอร์หน้าใสไม่สามารถช่วยรอยกระฝังลึกได้ หากต้องการรักษารอยกระฝังลึก สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : เลเซอร์กระ

ใครที่ควรหลีกเลี่ยงทำเลเซอร์หน้าใส?

ใครไม่เหมาะกับเลเซอร์หน้าใส

การทำเลเซอร์หน้าใสเป็นการยิงพลังงานเลเซอร์ลงบนผิวหน้าเพื่อจับเม็ดสีและกระตุ้นในการผลัดเซลล์ผิวจึงช่วยในการทำให้ผิวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงอาจไม่เหมาะกับบุคคลที่อยู่ใน 3 กลุ่มหลักดังต่อไปนี้

 

  • สตรีมีครรภ์หรือผู้ที่ต้องให้นมบุตร เนื่องจากพลังงานเลเซอร์อาจส่งผลต่อสุขภาพมารดาและบุตร
  • ผู้ที่อยู่ในกลุ่มผู้ป่วยโรคผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นต้น หรือผู้ที่มีแผลสด แผลผ่าตัดที่ยังไม่ครบ 6 เดือน
  • ผู้ที่มีสิวอักเสบ หรือสิวหนอง ควรรับการรักษาก่อนทำเลเซอร์หน้า

 

โดยผู้ที่เป็นโรคผิวหนังบางประเภทหรือเป็นสิวอาจต้องทายาที่ส่งผลให้ผิวหนังบาง ซึ่งทำให้เกิดอาการผิวด่างจากการทำเลเซอร์หน้าใสได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีโรคประจำตัวหรืออยู่ในกลุ่มดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะสามารถวินิจฉัยและรับการรักษาในวิธีที่เหมาะสมกับตนเองต่อไป

เลเซอร์หน้าใสมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร?

ใครไม่เหมาะกับเลเซอร์หน้าใส

ข้อดีของการทำเลเซอร์หน้าใส เช่น

 

  • ผิวกระจ่างใสขึ้นในระยะเวลาไม่นาน
  • ช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ทั้งสีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยสิว และกระชับรูขุมขน
  • ไม่ต้องพักฟื้นหลังจากทำ
  • กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน

 

ข้อเสียของการทำเลเซอร์หน้าใส เช่น

 

  • อาจทำให้ผิวหน้าเกิดอาการบวมแดงในระยะเวลาหนึ่ง
  • มีความรู้สึกเจ็บระหว่างทำ
  • ผิวหน้าจะมีความไวต่อแดดหลังจากทำเลเซอร์หน้าใส
  • จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

 

ทั้งนี้ ข้อดีและข้อเสียที่จะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล รวมถึงประเภทของเลเซอร์หน้าที่ใช้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจเข้ารับบริการ

เลเซอร์หน้าใสมีกี่ประเภท?

ประเภทของเลเซอร์หน้าใส

ในปัจจุบัน มีการใช้เลเซอร์ในการทำเลเซอร์หน้าใสหลายหลายประเภท โดยหลักๆ มีการใช้อยู่ 5 ประเภท ได้แก่

  • IPL

ความจริงแล้ว IPL ไม่ใช่พลังงานเลเซอร์แต่เป็นคลื่นแสงความเข้มข้นสูง หรือ Intense Pulsed Light ที่ช่วยในการจับเม็ดสีในชั้นผิว ทำให้ผิวมีความกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

IPL มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 515-1,200 nm ทำให้สามารถกระจายพลังงานแสงได้มากกว่าเลเซอร์และรักษาผิวในชั้นหนังแท้ (Dermis) โดยไม่ทำร้ายผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)

  • Q-Switch Laser

ชื่อเต็มของเลเซอร์ชนิดนี้ก็คือ Q-switch ND:YAG Laser เป็นเลเซอร์ที่สามารถสลายเม็ดสีในผิวชั้นหนังแท้ได้ รวมถึงยังช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวอีกด้วย

เลเซอร์ชนิดนี้มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 532 และ 1,064 nm โดยความยาวคลื่น 532 nm จะลงถึงในผิวชั้นตื้น เน้นการลบรอยปานแดงหรือรอยสักปาก ส่วนความยาวคลื่น 1,064 nm จะลงถึงในชั้นหนังแท้ นิยมในการรักษาแผลเป็น ลบรอยสักสีเข้มได้ ทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบและปรับพลังงานเพื่อหวังเป้าหมายที่แตกต่างกัน

 

“นอกจากการใช้ Q-Switch ND:YAG Laser ในการทำเลเซอร์หน้าใสแล้ว ยังมีการใช้เลเซอร์ ER:YAG และ ND:YAG ในพลังงานต่ำเพื่อใช้กระตุ้นการสร้างเส้นเลือดให้ไปเลี้ยงรากผม ทำให้ผมแข็งแรงขึ้น ไม่ร่วงง่าย”

  • Fractional CO2 Laser

     

นวัตกรรมเลเซอร์หน้าที่มีส่วนช่วยในการทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น ทำงานโดยการยิงพลังงานเพื่อสร้างรอยแผลในผิวหนังเป็นรูแผลขนาดเล็กๆ เพื่อให้ผิวหนังเกิดการกระตุ้นให้สร้าและผลัดเซลล์ผิวใหม่ เหมาะสำหรับรอยหลุมสิว กระชับรูขุมขน ลดริ้วรอยผิวหนังชั้นบน

Fractional CO2 Laser คือ CO2 Laser ที่เปลี่ยนหัวยิงพลังงานจากการตัดเนื้อเยื่อเป็นลำแสงขนาดเล็กลง มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 10,600 nm ซึ่งหากเป็นการใช้หัวยิงแบบตัดเนื้อเยื่อจะสามารถช่วยในการกำจัดไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อได้อีกด้วย

 

  • E-Matrix

     

เทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงที่ลงแบบแบ่งส่วน (Fractional Radiofrequency) ซึ่งช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวกระจ่างใสขึ้น รวมถึงยังสามารถช่วยแก้ปัญหาหลุมสิว ริ้วรอยบางๆ และกระชับรูขุมขนร่วมด้วย

การรักษาด้วย E-Matrix ช่วยลดการเกิดสะเก็ดและรอยดำหลังการรักษาได้มากกว่าการใช้พลังงานเลเซอร์ โดยมีเทคโนโลยี Sublative Rejuvenation ในการรักษาหลุมสิว รอยแผลเป็น รวมถึงรูขุมขนด้วยวิธีผลัดผิวชั้นนอกเพียงเล็กน้อยแต่พลังงานจะกระตุ้นผิวชั้นในได้มาก

 

  • Dual Yellow Laser

     

ถือว่าเป็นนวัตกรรมเลเซอร์ที่อ่อนโยนต่อผิวกว่าเลเซอร์หน้าตัวอื่นๆ ข้างต้น ด้วยการผสานระหว่างคลื่นเลเซอร์แสงสีเขียวและคลื่นเลเซอร์แสงสีเหลืองจึงทำให้รักษารอยบนผิวหน้าทั้งรอยต่างๆ ที่มีสีแดง รวมถึงมีรายงานใช้ร่วมรักษารอยดำ ฝ้า กระได้

คลื่นเลเซอร์แสงสีเขียวนั้นมีความยาวคลื่นอยู่ที่ 511 nm ส่วนคลื่นเลเซอร์แสงเหลืองจะมีความยาวคลื่นอยู่ที่ 578 nm และ Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์ที่ใช้รักษาเฉพาะจุด ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าผิวหนังบริเวณรอบข้างจะได้รับความเสียหาย

เปรียบเทียบเลเซอร์หน้าใสแต่ละประเภท

เลเซอร์หน้าใสแต่ละประเภทมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป โดยเลเซอร์แต่ละตัวนั้นมีข้อดี ข้อเสีย และจุดเด่นเฉพาะตัวดังต่อไปนี้

  • IPL

ข้อดีของการใช้ IPL ในระดับพลังงานเพื่อหน้าใส คือสามารถรักษาปัญหาผิวในชั้นลึกโดยไม่ทำร้ายผิวชั้นนอก อ่อนโยนต่อผิว จึงทำให้ระหว่างทำนั้นรู้สึกเจ็บน้อยมากหรือไม่รู้สึกเลย หลังจากที่ทำเสร็จไม่ต้องพักฟื้น 

แต่มีข้อเสียคือต้องทำต่อเนื่องบ่อยครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนตามที่คาดหวัง รวมถึงอาจเกิดอาการบวมแดงหลังทำได้ ส่วนจุดเด่นของการใช้ IPL คือสามารถใช้รักษาสิว รวมถึงรอยแดงที่เกิดจากแสงแดด และกระชับรูขุมขนได้อีกด้วย ขึ้นอยู่กับความยาวคลื่นและพลังงาน การทำหัตถการตัวนี้มีราคาที่ย่อมเยากว่าการใช้เลเซอร์หน้าใสตัวอื่น

  • Q-Switch Laser

ข้อดีของเลเซอร์ชนิดนี้คือใช้เวลาในการทำไม่นาน เพียงแค่ 10-15 นาทีเท่านั้น หลังทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ รวมถึงยังราคาย่อมเยากว่าเลเซอร์หน้าตัวอื่นด้วย แต่ข้อเสียคืออาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยระหว่างทำและหลังทำ หรือหากใช้พลังงานสูง อาจเกิดการตกสะเก็ดบริเวณที่ทำได้ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นคืออาจช่วยรักษารอยดำ ยิงกระ หรือจับเม็ดสีในผิวชั้นหนังแท้ทำให้นำไปใช้ในการลบรอยสักสีดำได้อีกด้วย

  • Fractional CO2 Laser

ข้อดีในการใช้เลเซอร์ Fractional CO2 คือสามารถรักษาปัญหาหลุมสิว ริ้วรอยบางๆ รวมถึงกระชับรูขุมขนไปพร้อมกับการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ส่วนข้อเสียของเลเซอร์หน้าใสชนิดนี้คืออาจทำให้ผิวหน้าตกสะเก็ดและมีอาการผิวไหม้หลังจากทำได้ แต่จุดเด่นคือไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการทำ เนื่องจากจะต้องใช้ยาชาก่อนการรักษา และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน บางรายอาจทำเพียงไม่กี่ครั้ง

  • E-Matrix 

การใช้เลเซอร์หน้าใส E-Matrix ในการรักษาปัญหาผิวบนใบหน้ามีข้อดีคือพลังงาน Fractional Radiofrequency ไม่มีผลต่อสีผิว ทำให้ลดปัญหารอยไหม้ต่างจากพลังงานเลเซอร์ แต่มีข้อเสียคือต้องพักการทำกิจกรรมหลังรับการรักษาและระหว่างทำก็อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย รวมถึงมีโอกาสเกิดแผลตกสะเก็ดเพราะต้องทำให้ผิวเกิดบาดแผล ส่วนจุดเด่นของ E-Matrix คือการช่วยรักษาปัญหาหลุมสิวจากการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้สร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน

  • Dual Yellow Laser

ข้อดีของเลเซอร์ชนิดนี้คือไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างทำ และหลังจากทำแล้วก็สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติเพราะอ่อนโยนต่อผิว จึงทำให้มีข้อเสียคือไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยฝ้าหรือกระฝังลึกเนื่องจากจะเห็นผลไม่ชัดเจน ส่วนจุดเด่นของเลเซอร์ตัวนี้คือสามารถรักษาสิวได้ รวมถึงหลังจากทำก็สามารถใช้เครื่องสำอางได้เลย ไม่ต้องพักหน้าเหมือนเลเซอร์หน้าใสตัวอื่น

การปฏิบัติตัวก่อนทำเลเซอร์หน้าใส

ข้อควรปฏิบัติก่อนการทำเลเซอร์หน้าใสมีดังนี้

 

  • หลีกเลี่ยงการออกแดดโดยตรงประมาณ 4-6 สัปดาห์ รวมถึงทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวระคายเคืองก่อนการทำเลเซอร์หน้า
  • งดการทำครีมที่มีส่วนผสมของกรด เช่น AHA BHA เรตินอยด์ เนื่องจากกรดจะทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวหน้าไวต่อแสงและความร้อน
  • ทาครีมเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า หากผิวหน้าแห้งกร้านหรือขาดน้ำก็อาจมีโอกาสทำให้รู้สึกเจ็บหรือแสบระหว่างการทำหัตถการได้
  • ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เพื่อช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับร่างกาย
  • ปรึกษาแพทย์หาเกิดแผลสดก่อนการเข้ารับบริการเพื่อลดโอกาสติดเชื้อจากการทำเลเซอร์หน้าใส

ขั้นตอนการทำเลเซอร์หน้าใส

ขั้นตอนทำเลเซอร์หน้าใส

การทำเลเซอร์หน้าใสมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

 

  1. ทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนผิวหน้า
  2. ปิดบริเวณดวงตาด้วยผ้าปิดตาหรือแว่นกันแสงเพื่อป้องกันดวงตาจากแสงเลเซอร์
  3. ทาเจลเย็นหรือยาชาบนผิวเพื่อบรรเทาอาการเจ็บขณะทำ
  4. แพทย์จะใช้เครื่องมือยิงเลเซอร์ลงบนผิวหน้าบริเวณที่ต้องการรักษา

การปฏิบัติตัวหลังทำเลเซอร์หน้าใส

  • งดให้ผิวหน้าโดนน้ำในช่วงแรก สำหรับเลเซอร์บางชนิดที่ทำให้เกิดแผลเล็กๆได้
  • ควรงดการออกแดดโดยตรงเนื่องจากผิวหลังทำเลเซอร์หน้าจะระคายเคืองได้ง่าย อาจทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันฝ้า กระ จุดด่างดำที่อาจเกิดขึ้น หากเลเซอร์ไม่ทำให้ผิวแสบหรือมีแผล
  • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเพื่อป้องกันผิวแห้ง และทาครีมที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใบหน้า
  • งดการถู นวด หรือเกาใบหน้าแรงๆ เนื่องจากอาจทำให้เกิดแผล
  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันผิวขาดน้ำ

ผลข้างเคียงของเลเซอร์หน้าใสมีอะไรบ้าง?

อาการอาจเกิดหลังจากการทำเลเซอร์หน้าใส ผลข้างเคียงเบื้องต้น เช่น

 

  • อาจเกิดอาการบวมแดงและผิวอักเสบ แต่จะสามารถหายได้เอง หากรู้สึกปวดก็สามารถประคบเย็นหรือกินยาเพื่อบรรเทาอาการได้
  • อาจเกิดสะเก็ดหลังการเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าบางชนิด โดยสะเก็ดจะหลุดไปเองภายใน 5-7 วัน
  • ผิวหน้าอาจมีการแห้งและลอกในช่วง 5-7 วันแรกหลังทำ
  • ผิวมีสีเข้มขึ้น โดยสามารถรักษาได้ด้วยการทา Bleaching Cream เพื่อลดการทำงานของเม็ดสีในภายหลัง ให้ผิวที่เข้มขึ้นค่อยๆ จางลง
  • อาจเกิดสิว หรือกระตุ้นโรคผิวหนังอื่นได้ เช่น เริมที่ริมฝีปาก

 

“Bleaching Cream คือครีมที่ช่วยลดการทำงานของเม็ดสี ทำให้รอยดำจางลง ได้แก่ยาในกลุ่ม Hydroquinone, Topical retinoids และ Cysteamine cream เป็นต้น”

คำถามที่พบบ่อย

เลเซอร์หน้าใสเจ็บไหม?

ความเจ็บในการทำเลเซอร์หน้าใสขึ้นอยู่กับประเภทเลเซอร์ที่ใช้ทำ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทคือแบบลอกผิว (Ablative Laser Resurfacing) และแบบที่ไม่ทำให้เกิดแผล (Non-ablative Laser Resurfacing) โดยเลเซอร์แบบลอกผิวอาจทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่าเนื่องจากเป็นการใช้ความร้อนจากเลเซอร์ในการลอกชั้นผิวบางออก แต่แบบที่ไม่ทำให้เกิดแผลจะเป็นการปล่อยพลังงานเข้าไปยังผิวชั้นใน

 

ทั้งนี้ ความเจ็บนั้นเป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ และขึ้นอยู่กับตัวบุคคล หากรู้สึกเจ็บเกินก็สามารถแจ้งแพทย์เพื่อปรับลดพลังงานเลเซอร์ที่ใช้ได้

เลเซอร์หน้าใสต้องทำซ้ำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

เลเซอร์หน้าใสกี่ครั้งเห็นผล? ขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ โดยปกติทั่วไปควรทำอย่างต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง โดยห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อว่าตนเองควรเลือกใช้เลเซอร์ชนิดไหนถึงจะเห็นผลตามที่คาดหวัง

สรุป

เลเซอร์หน้าใสเป็นเลเซอร์ที่ช่วยให้ผิวหน้าใส ลดความหมองคล้ำ กระชับรูขุมขน โดยนับว่าใช้เวลาในการรักษาไม่นานก็เห็นผลได้อย่างชัดเจน แต่ผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาผิวหน้าก็สามารถเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใสได้เช่นกัน ปัจจุบันมีการใช้เลเซอร์หลากหลายประเภท และประเภทต่างๆ ก็มีส่วนช่วยเสริมแตกต่างกันไป 

 

หากต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเลเซอร์หน้าใสหรืออยากทราบว่าตนเองเหมาะกับการใช้เลเซอร์ประเภทใด สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับสภาพผิวกับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังได้โดยตรง ผู้ใช้งานใหม่ปรึกษากับแพทย์จากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำผ่านทางแอปฯ SkinX โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

อ้างอิง

 

Higuera, V. (2018, July 24). Laser Treatment for Scars: What You Should Know. https://www.healthline.com/health/laser-treatment-for-scars

 

Oakley, A. (2008). Bleaching cream. https://dermnetnz.org/topics/bleaching-agents

 

Santhakumar, S. (2022, April 27). What are CO2 lasers? https://www.medicalnewstoday.com/articles/what-is-co2-laser

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ใช้งานครั้งแรกปรึกษาฟรี
Tips & Tricks
สาระน่ารู้และข่าวประชาสัมพันธ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า