สลายไขมันด้วยความเย็นด้วยเครื่อง coolsculpting กับข้อดีและข้อเสียที่ต้องรู้
การลดไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปกับการสลายไขมันด้วยความเย็นจากเครื่อง coolsculpting แต่หลายคนอาจสงสัยว่าเครื่อง coolsculpting จะช่วยลดไขมันได้จริงหรือ ในบทความนี้ทาง SkinX จึงขอแนะนำวิธีสลายไขมันด้วยความเย็นมีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าทำหัตถการนี้
ให้การพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเป็นเรื่องง่าย ๆ ด้วยแอปพลิเคชัน SkinX แอปพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์พร้อมให้คำปรึกษาปัญหาผิวไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม พร้อมดีลหัตถการความงามราคาพิเศษเฉพาะลูกค้า SkinX เท่านั้น โหลดเลย ไม่ต้องรอที่ App Store & Play Store
coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็นกับข้อดีที่ไม่ควรพลาด
เชื่อว่าหลายคนคงจะสนใจหัตถการกำจัดไขมันด้วยความเย็นไม่น้อย และอาจรู้เพียงแค่การสลายไขมันด้วยความเย็นนั้นเป็นหัตถการที่ใช้ความเย็นในการกำจัดไขมัน แต่ความจริงแล้วการสลายไขมันด้วยความเย็นยังมีข้อดีมากกว่านั้น ในหัวข้อนี้จะมาพูดถึงข้อดีของการสลายไขมันด้วยเครื่อง coolsculpting กัน
- สลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting สามารถกำจัดไขมันใต้ผิวหนังได้มากถึง 25% โดยเครื่อง coolsculpting จะส่งคลื่นความเย็นเพื่อดึงความร้อนจากชั้นไขมันออกทำให้อุณหภูมิบริเวณเซลล์ไขมันต่ำลงจนติดลบ และเกิดกระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) ซึ่งมีผลให้เซลล์ไขมันถูกทำลายไปนั่นเอง
ไปทำความรู้จักกับเครื่อง coolsculpting ให้มากขึ้น คลิกเลย! : ทำความรู้จักวิธีสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting ช่วยลดหุ่นได้จริงหรือ?
- การสลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting ให้ผลลัพธ์ที่ดี และชัดเจนใกล้เคียงกับการดูดไขมัน
ผู้ที่มีค่า BMI น้อยกว่า 35 นั้นจะมีปริมาณไขมันสะสมใต้ผิวหนังไม่มากเกินความสามารถของเครื่อง coolsculpting ที่สามารถกำจัดเซลล์ไขมัน และสังเกตผลลัพธ์หลังทำหัตถการได้ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเลี่ยงหัตถการดูดไขมันที่มีผลข้างเคียงมาก
- สลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting มีผลข้างเคียงน้อย
การใช้เครื่อง coolsculpting เป็นอีกวิธีลดไขมันหน้าท้องที่มีผลข้างเคียงน้อย ไม่มีการผ่าตัด หรือเจาะ ฉีด ดูด ใด ๆ ให้เกิดบาดแผล หลังทำหัตถการสลายไขมันด้วยความเย็นก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันต่อได้เลย
- สลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting ไม่ทำลายเซลล์อื่นรอบข้างนอกจากเซลล์ไขมัน
เครื่อง coolsculpting มีการส่งคลื่นความเย็นลงสู่ใต้ผิวแบบจำเพาะเจาะจงกับเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์บริเวณอื่นรอบข้างไม่เกิดความเสียหายขณะทำหัตถการ
- สลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting สามารถกำจัดไขมันอย่างถาวร
การใช้ความเย็นเข้าไปแช่แข็งเซลล์ไขมันจะทำให้เซลล์ไขมันตายลง และถูกกำจัดออกจากร่างกายตามธรรมชาติ เซลล์ไขมันที่ถูกกำจัดไปแล้วจะไม่กลับมาอีก หากดูแลตนเองหลังทำ coolsculpting อย่างดีก็จะช่วยให้ปริมาณเซลล์ไขมันไม่เพิ่มขึ้นอีก
- สลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting ลดสัดส่วนได้ดี
หนึ่งในจุดเด่นของการสลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting คือ การลดสัดส่วนให้เล็กลง เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการลดน้ำหนักแต่อยากมีหุ่นเพรียว สมส่วนขึ้น
- สลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting ใช้เวลาทำหัตถการน้อย
หัตถการสลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting จะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงต่อครั้งเท่านั้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เลยโดยไม่ต้องพักฟื้น
- สลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting เป็นหัตถการที่ปลอดภัย
โดยเครื่อง coolsculpting จำหน่ายโดยบริษัท Allergan Aesthetics ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีความงามทางการแพทย์ และจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ได้รับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) และมีการนำมาใช้งานมากกว่า 74 ประเทศทั่วโลก
รู้ก่อนทำ สลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting มีข้อเสียอะไรบ้าง?
จากที่กล่าวไปแล้วว่าการสลายไขมันด้วยความเย็นมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีสิ่งที่คุณควรทราบก่อนตัดสินใจทำหัตถการนี้อย่างการสลายไขมันด้วยความเย็นมีข้อเสียอะไรบ้าง?
- หลังสลายไขมันด้วยความเย็นจะไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ทันที
การสลายไขมันด้วยความเย็น ข้อเสียอย่างแรกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ คุณจะไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังทำหัตถการทันที ซึ่งแตกต่างจากการดูดไขมันที่จะสามารถเห็นถึงความแตกต่างได้เลย เนื่องจากหลักการทำงานของเครื่อง coolsculpting จะเป็นการส่งคลื่นความเย็นเข้าไปกำจัดเซลล์ไขมันใต้ผิว และให้ร่างกายได้กำจัดเซลล์ไขมันที่ตายออกไปตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงมีระยะเวลาของกระบวนการที่ต้องรอให้ร่างกายได้กำจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกไป ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนจึงจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่
- การสลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีค่า BMI มากกว่า 35
ถึงแม้ว่าเครื่อง coolsculpting จะสามารถส่งคลื่นความเย็นเข้ามากำจัดเซลล์ไขมันสะสมได้มากถึง 25% ในครั้งเดียว แต่สำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมมากจะทำให้การกำจัดไขมันของเครื่อง coolsculpting ดูน้อยเหมือนกับว่าไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งปกติแล้วหากมีปริมาณไขมันเยอะแพทย์มักจะแนะนำให้ทำหัตถการดูดไขมันแทน
- มีอาการเจ็บระบมหลังทำ coolsculpting
เพื่อให้เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งถูกทำลาย จึงต้องมีการนวดก้อนไขมัน ในขั้นตอนนี้ผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกเจ็บ และระบมได้ อาการเจ็บปวดระบมนี้อาจอยู่นานถึง 1-2 สัปดาห์ หากคุณมีผิวบอบบางอาจมีรอยช้ำที่สังเกตเห็นได้อีกด้วย
- การสลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก
หลายคนอาจเข้าใจผิดไปว่าการกำจัดไขมันเท่ากับการลดน้ำหนัก ในความเป็นจริงแล้วมวลของไขมันมีน้ำหนักเบา ถึงแม้ว่าเซลล์ไขมันจะถูกกำจัดออกไปได้ประมาณหนึ่งแต่ก็จะไม่ส่งผลต่อน้ำหนักกายอย่างเห็นได้ชัด
- การสลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting มีราคาสูง
ในปัจจุบันหัตถการสลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting ยังมีราคาค่อนข้างสูง โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณหลักหมื่นต้น ๆ ต่อพื้นที่ประมาณ 1 ฝ่ามือ (หลายคลินิกนิยมเรียกเป็น 1 หนีบ) ยิ่งมีพื้นที่ที่ต้องการกระชับสัดส่วนมากยิ่งมีราคาสูง
นอกจากนี้การทำหัตถการสลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting จะต้องพึงระวังเรื่อง Freeze burn หรือผิวไหม้จากความเย็น ซึ่งมักมาจากการใช้เครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐาน สามารถสังเกตได้จากที่ตัวเครื่องมือจะไม่มีชื่อแบรนด์ coolsculpting อยู่ และมีราคาถูกกว่าตลาดมาก
coolsculpting ทำจุดใดได้บ้าง
การทำ coolsculpting สามารถใช้ลดไขมันใต้ผิวได้หลายส่วน ยกตัวอย่างบริเวณที่นิยมทำ เช่น
- ใต้คาง
- ใต้รักแร้
- ใต้ราวนม
- ปีกหลัง
- ต้นแขน
- รอบเอว
- หน้าท้อง
- สะโพก
- ต้นขา
โดยบริเวณดังกล่าวมักเป็นบริเวณที่มีการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังมาก เครื่อง coolsculpting จะช่วยลดไขมันกระชับสัดส่วนเฉพาะจุด ให้บริเวณที่ทำมีสัดส่วนที่เล็กลงและกระชับขึ้นจากการที่เซลล์ไขมันถูกกำจัดและลดลงอย่างถาวร อีกทั้งยังสามารถเข้ามาทำหัตถการซ้ำได้อีกด้วย
coolsculpting เหมาะกับใครบ้าง
หากคุณพิจารณาการสลายไขมันด้วยความเย็นมีข้อดี ข้อเสียอย่างไรไปแล้ว และตัดสินใจอยากจะทำหัตถการนี้ อาจต้องดูกันก่อนว่า coolsculpting เป็นหัตถการที่เหมาะกับคุณหรือไม่
ผู้ที่เหมาะกับการกำจัดไขมันด้วยความเย็น coolsculpting มีดังนี้
- ผู้ที่ต้องการลดไขมันใต้ผิวแบบเฉพาะส่วน เช่น หน้าท้องใหญ่ สะโพกหนา มีเหนียงมาก ต้นขาใหญ่ ต้นแขนย้วย เอวหนา เป็นต้น
- ผู้ที่ผ่านการลดไขมันด้วยวิธีการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารแล้ว แต่ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในบางจุดที่ลดได้ยาก เช่น บริเวณเหนียง
- ผู้ที่มีค่า BMI ไม่เกิน 30 จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- ผู้ที่ต้องการลดไขมันสะสม แต่ไม่ต้องการทำหัตถการดูดไขมันที่มีความเสี่ยง และผลข้างเคียงที่มากกว่าการกำจัดไขมันด้วยความเย็น
coolsculpting ไม่เหมาะกับใครบ้าง
ถึงแม้ว่าการสลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting จะเป็นหัตถการที่มีผลข้างเคียงต่ำ ทำได้ง่าย เจ็บตัวน้อย ไม่ต้องพักฟื้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหัตถการนี้จะเหมาะกับทุกคน
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการกำจัดไขมันด้วยความเย็น coolsculpting มีดังนี้
- ผู้ที่มีค่า BMI สูงกว่า 35 เนื่องจากจะทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไม่ชัดเจน
- ผู้ที่มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- ผู้ที่เป็นโรคแพ้ความเย็น
- ผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดใด ๆ บริเวณที่ต้องการสลายไขมันด้วยความเย็น
- ผู้ที่มีแผลเปิด หรือผิวหนังอักเสบบริเวณที่ต้องการสลายไขมันด้วยความเย็น
- ผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ภายในร่างกาย
- ผู้ที่มีอุปกรณ์โลหะฝังอยู่ภายในร่างกาย
- หญิงตั้งครรภ์ หรือระหว่างให้นมบุตร
- หญิงที่กำลังมีประจำเดือน
สรุป
การสลายไขมันด้วยความเย็นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่สนใจเข้ารับบริการหัตถการนี้ เราขอแนะนำให้คุณพิจารณาข้อดีและข้อเสียอย่างถี่ถ้วนก่อนทำเพื่อความปลอดภัย และประโยชน์สูงสุดที่จะได้รับจากการทำหัตถการนี้
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหัตถการสลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting สามารถขอคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังได้ง่าย ๆ ผ่าน SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ที่พร้อมสแตนด์บายให้คำปรึกษาแก่คุณ พิเศษสุดสำหรับผู้ใช้งานครั้งแรกปรึกษาแพทย์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย