ผิวหนังทั่วไป
24 มิถุนายน 2568

ในปัจจุบันที่เทรนด์ความงามยิ่งทวีคูณความนิยมเป็นอย่างมากในสังคม ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงต่างก็หันมาเสริมความมั่นใจให้กับตัวเองด้วยการทำหัตถการที่ทันสมัยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หนึ่งในหัตถการที่นิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “การฉีดโบท็อกซ์ (Botox)” ที่มีคุณสมบัติมากมายตั้งแต่ช่วยปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย รวมถึงผลดีต่าง ๆ จากการลดการขยับของกล้ามเนื้อ
ถึงแม้การฉีดโบท็อกซ์จะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ตัวยาโบท็อกซ์ไม่ได้อยู่คงทนถาวร สามารถสลายตัวลงไปได้ ดังนั้นหลังฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ผู้เข้ารับหัตถการควรปฏิบัติตามข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฤทธิ์ของการฉีดโบท็อกซ์คงอยู่ได้นานที่สุด
หัวข้อที่น่าสนใจโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (ฺBotulinum Toxin A) หรือที่รู้จักคุ้นเคยกันจนชินหูว่า “โบท็อกซ์ (Botox)” นั้น เป็นตัวยาที่ส่งผลให้เกิดการอัมพาตของกล้ามเนื้อชั่วขณะ ซึ่งถูกผลิตขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Bacterium Clostridium Botulinum) หากได้รับในปริมาณมากอาจจะอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น ในกรณีหลังได้รับโบท็อกซ์ที่ปนเปื้อนมาในอาหารที่รับประทานจำนวนมาก อาจจะทำกล้ามเนื้อกระบังลมหยุดทำงาน หายใจไม่ออกได้
แต่หากใช้ได้อย่างถูกวิธี ฉีดโบท็อกซ์ได้ถูกบริเวณในปริมาณที่เหมาะสม ด้วยฝีมือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ผลจากการฉีดโบท็อกซ์จะช่วยบรรเทาอาการ และโรคต่าง ๆ ไปได้ เช่น
หลังฉีดโบท็อกซ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โบท็อกซ์จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ เพราะตัวยาโบท็อกซ์นั้นมีกลไกการออกฤทธิ์ที่เมื่อฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ๆ จะเข้าไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาทบริเวณนั้น ให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทออกไปได้ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังฉีดโบท็อกซ์ ไม่สามารถหดตัวหรือขยับได้
“โดยโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์หลังฉีดประมาณ 2 - 3 วัน และสามารถเห็นผลสูงสุดได้ใน 2 สัปดาห์ และสามารถคงทนอยู่ได้นาน 4 - 6 เดือน หลังจากนี้แล้วต้องไปฉีดโบท็อกซ์ซ้ำทุก ๆ 4 - 6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับขนาดและยี่ห้อชนิดของโบท็อกซ์ที่ฉีด และการปฏิบัติตัวตามวิธีดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์อย่างเคร่งครัด”
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพื่อรู้จักโบท็อกซ์ให้มากขึ้น : ฉีดโบลดริ้วรอย, โบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา, ฉีดโบลดกราม, ลิฟต์กรอบหน้า
หลังฉีดโบท็อกซ์ไปได้สักระยะหนึ่งแล้วกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดจะยุบตัวลง แต่หากผู้เข้ารับการทำหัตถการรู้สึกผ่านไปเพียงไม่นาน กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดก็กลับมาแข็งตัวเป็นก้อนหรือขยับได้อย่างรวดเร็ว หรือในกรณีที่ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย แต่ริ้วรอยกลับคืนมาเร็วกว่าที่ควร อาจจะมีผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องคุณภาพของตัวยา ฝีมือของแพทย์ สภาพและระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงการดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์ ที่เข้ามาสลายตัวยาโบท็อกซ์ และลดประสิทธิภาพการทำงานของตัวยาลง
โบท็อกซ์สลายเร็วเพราะปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่
หลังฉีดโบท็อกซ์ไปแล้ว เพื่อให้ประสิทธิภาพของโบท็อกซ์คงทนอยู่อย่างยาวนานที่สุด หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกซ์ที่ควรเลี่ยง ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในที่ชีวิตประจำวัน รวมถึงการใส่ใจดูแลเรื่องอาหารการกินต่าง ๆ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยยืดอายุของตัวยาโบท็อกซ์ให้อยู่กับผู้เข้ารับบริการได้นานมากขึ้น
การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ หรือนวดคลึงใบหน้าบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์บ่อย ๆ อาจจะส่งผลร้ายอันไม่พึงประสงค์ที่ตัวยาจะไหลไปหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการได้ โดยตัวยาโบท็อกซ์จะเริ่มออกฤทธิ์ใน 2 - 3 วันแรก และจะเห็นผลชัดขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะ 7 - 14 วัน หลังเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์
เพราะฉะนั้นหลังฉีดโบท็อกซ์ 7 - 14 วันแรก ควรเลี่ยงที่จะกด นวดใบหน้าในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้ตัวยาไม่กระจายตัวไปในบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการ และให้ตัวยาดูดซึมได้ดี และออกฤทธิ์ในบริเวณที่ฉีดได้อย่างเต็มที่
หลังฉีดโบท็อกซ์ในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังจากเข้ารับหัตถการ ควรเลี่ยงที่จะนอนราบ รวมถึงนอนตะแคง เพราะในกรณีที่ฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณใบหน้า การขยับหรือเอนศีรษะไปมา อาจจะทำให้ตัวยาที่ฉีดเข้าไปกระจายตัวได้ดีมากจนเกินไป ทำให้อาจจะไหลไปสู่กล้ามเนื้อมัดอื่นที่เราไม่ต้องการ
ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ เช่น อาการหนังตาตก ปากเบี้ยว แม้อาการเหล่านี้จะหายไปได้เอง เมื่อฤทธิ์ของโบท็อกซ์หมดลง แต่ก็ต้องใช้เวลานาน ทำให้ผู้ที่เผชิญปัญหานี้อยู่สูญเสียความมั่นใจไปได้
การทำทรีตเมนต์ หรือหัตถการต่าง ๆ ที่ใช้ความร้อนยิงลงไปลึกในชั้นผิว อย่างการทำ RF Hifu Thermage หรือ Ulthera ความร้อนจากคลื่นที่ถูกยิงลงไปสู่ชั้นผิวหนังจะเข้าไปสลายตัวยาโบท็อกซ์ให้เสื่อมสภาพลงไป
ดังนั้นในช่วงที่ตัวยาโบท็อกซ์กำลังค่อย ๆ ออกฤทธิ์อย่างช่วง 14 วันแรกหลังเข้ารับบริการ จึงควรหลีกเลี่ยงการเข้ารับบริการหัตถการเหล่านี้ เพราะจะทำให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้อย่างไม่เต็มที่ แต่หลังจากนั้นก็สามารถเข้าบริการหัตถกรรมเลเซอร์ได้ แต่ความร้อนจากการเลเซอร์จะส่งผลต่อตัวยาอยู่ แต่ส่งผลกระทบในการสลายตัวยาได้น้อยลง
ความร้อนเป็นตัวการตัวฉกาจที่จะเข้าไปทำลายตัวยาโบท็อกซ์ได้อย่างดี เพราะความร้อนจะมีส่วนเข้าไปสลายตัวยาให้หายไป เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์เห็นผลได้อย่างดีที่สุด ในช่วง 7 วันหลังจากฉีดโบท็อกซ์ ควรที่จะอยู่ห่างความร้อน ทั้งจากแสงแดดธรรมชาติ รวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่จะส่งผลให้ร่างกายรู้สึกร้อน และทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น เช่น ออกกำลังกายที่หนักเกินไป อบเซาว์น่า เป็นต้น เพราะจะมีส่วนเข้าไปสลายตัวยาโบท็อกซ์ให้สลายตัวไปได้เร็วขึ้นนั่นเอง
ไม่เพียงแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลังฉีดโบท็อกซ์เท่านั้น แต่อาหารและเครื่องดื่มก็เข้ามาส่งผลต่อผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ได้เหมือนกัน ดังนั้นอาหาร เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่เข้ามาส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงในช่วงแรก ๆ หลังฉีดโบท็อกซ์ หรือ 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดโบท็อกซ์
นอกจากสารที่บรรจุอยู่ในบุหรี่จะทำให้สุขภาพของผู้สูบเสียเท่านั้น แต่สารในบุหรี่อย่างนิโคติน (Nicotine) ยังคงส่งผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้การกระจายตัวของตัวยาโบท็อกซ์เป็นไปได้ไม่ดีเท่าที่ควร และหากผู้ฉีดโบท็อกซ์หวังผลในการลดริ้วรอยบริเวณรอบ ๆ ปาก ก็อาจจะส่งผลให้ริ้วรอยในบริเวณนั้น ๆ กลับมาได้ง่าย ๆ เพราะต้องขยับปาก และกล้ามเนื้ออื่น ๆ บริเวณใบหน้าในท่าทางเดิมซ้ำ ๆ บ่อย ๆ นั่นเอง
ควรเลี่ยงที่จะรับประทานกลุ่มยา และอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจจะทำให้เลือดหยุดไหลได้ช้า และอาจจะทิ้งรอยช้ำบริเวณผิวหนังที่ฉีด ซึ่งได้แก่ตัวยา และกลุ่มอาหารเสริม ดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ยังรวมถึงอาหาร ยา อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสมุนไพร เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ กระเทียม โสม สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Gingko) ที่จะทำให้ภายในร่างกายรู้สึกร้อน ง่ายต่อการเกิดอาการบวมช้ำหลังฉีดโบท็อกซ์ได้
หลังฉีดโบท็อกซ์ห้ามที่จะนวด กด คลึงใบหน้าในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ทันที โดยเฉพาะในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพราะขณะนั้นเป็นช่วงที่ตัวยากำลังทำการกระจายตัวแทรกซึมเข้าไปยังบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดนั่นเอง หากมีการนวดในบริเวณดังกล่าวซ้ำ ๆ แรง ๆ จะทำให้ตัวยาไหลกระจายออกไปสู่กล้ามเนื้อข้างเคียงบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการได้
แต่หากเวลาผ่านไปอย่างน้อย 14 วันที่ตัวยาโบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้อย่างชัดเจนแล้ว ผู้ที่เคยเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์สามารถเข้ารับการทำทรีตเมนต์นวดบำรุงผิวหน้าได้ตามปกติ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนังเกิดการขยายตัวขึ้น ทำให้การเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์ เพราะเส้นเลือดที่ขยายตัวขึ้นนั้นจะเข้าไปรบกวนการกระจายตัวของตัวยาโบท็อกซ์ให้กระจายตัวได้ไม่ดี ทำให้ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ได้เต็มที่เท่าที่ต้องการ นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังมีส่วนให้แผลจากรอยเข็มหายช้า และทิ้งรอยเขียวช้ำให้ปรากฏบนใบหน้าบริเวณที่ฉีดได้อย่างเด่นชัดด้วยเช่นกัน
การทาสกินแคร์เป็นเพียงหนึ่งในขั้นตอนการบำรุงผิวพรรณเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของตัวยาโบท็อกซ์แต่อย่างใด ยกเว้นในช่วงวันแรก ๆ หลังฉีดโบท็อกซ์ ผู้เข้ารับการทำหัตถกรรมต้องระมัดระวังในการทาสกินแคร์ โดยไม่ทา หรือนวดคลึงผิวแรง ๆ เพราะจะส่งผลต่อการกระจายตัวของโบท็อกซ์ได้
ถึงแม้ว่ากาแฟจะมีส่วนผสมของคาเฟอีนที่มีฤทธิ์ในการทำหลอดเลือดขยายตัว แต่ภายในกาแฟก็มีความเข้มข้นของคาเฟอีนในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ ผู้ฉีดโบท็อกซ์สามารถดื่มกาแฟได้ตามปกติ
เลี่ยงการนอนราบหลังฉีดโบท็อกซ์ทันทีอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เนื่องจากการนอนราบอาจจะเสี่ยงที่ใบหน้าอาจจะอยู่ต่ำกว่าระดับหัวใจ ทำให้เลือดไหลเวียนไปสู่บริเวณใบหน้ามากขึ้น ทำให้ตัวยาไหลกระจายไปสู่กล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการได้
ดังนั้นในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังจากฉีดโบท็อกซ์แนะนำให้นอนหนุนหมอนสูงอย่างน้อย 2 ใบ เพื่อให้ศีรษะอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าหน้าอก
ในกรณีหลังฉีดโบท็อกซ์กราม ควรขยับใบหน้า หรือเคี้ยวหมากฝรั่งอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามได้มีการเคลื่อนไหว ตัวยาโบท็อกซ์จะได้กระจายตัวซึมซาบลงไปในกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เห็นผลลัพธ์ในการฉีดโบท็อกซ์ได้อย่างชัดเจน
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์อยู่คงทน ตัวยาสลายตัวได้ช้าที่สุด ผู้เข้ารับหัตถการควรที่จะทำตามข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์อย่างเคร่งครัด โดยเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ใส่ใจในการเลือกประเภทอาหารให้มากขึ้น เพียงเท่านี้ก็ชะลอการสลายตัวของโบท็อกซ์ให้ช้าลงได้
หากยังมีความลังเลใจอยากเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์ หรือทำหัตถการเสริมความงามปรับรูปหน้า ลดริ้วรอยต่าง ๆ แต่ยังมีข้อสงสัยทำให้ตัดสินใจไม่ได้ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX เพื่อเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ สะดวกง่าย ๆ ผ่านระบบออนไลน์
โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ฟรีตอนนี้ ปรึกษาแพทย์ครั้งแรกฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูทั้งหมด