ผิวหนังทั่วไป
24 มิถุนายน 2568

HIFU กับ Botox ต่างกันอย่างไร? เลือกแบบไหนดีกว่ากัน? คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับสองหัตถการทั้ง HIFU และ Botox เนื่องจากเป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันคือ ช่วยปรับรูปหน้าเรียว ลดริ้วรอย แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่ รวมถึงการทำงานของ Hifu กับ Botox
ในบทความนี้ SkinX จะพามาหาคำตอบว่า HIFU กับ Botox ต่างกันอย่างไร ทั้งสองมีหลักการทำงานอย่างไร ข้อดี-ข้อเสียของ Hifu กับ Botox และ HIFU กับ Botox ควรทำอะไรก่อน-หลัง สามารถทำพร้อมกันได้หรือไม่ ตอบทุกคำถามโดยแพทย์จาก SkinX
SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ ที่ได้รวบรวมแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำไว้มากกว่า 210 คน มาให้คำปรึกษาโดยเฉพาะ ทั้งปัญหาผิวหนัง ปัญหาความงาม รวมถึงปัญหาผมและหนังศีรษะ พบแพทย์ออนไลน์ง่าย ๆ ไม่ต้องรอคิว รู้ผลทันที อยู่ที่ไหนก็พบหมอได้ สำหรับผู้ใช้งานแอปฯ ครั้งแรกปรึกษาแพทย์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมพบกับดีลคลินิกเสริมความงามชื่อดังมากมาย!
สารบัญบทความก่อนที่จะไปดูความแตกต่างระหว่าง HIFU กับ Botox เรามาทำความรู้จักข้อมูลเบื้องต้นของ HIFU กับ Botox ก่อนว่า หัตถการทั้งสองแบบคืออะไร มีที่มาเป็นอย่างไรเพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนเลือกทำอะไรดี
HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) อ่านว่า ไฮฟู่ คือนวัตกรรมการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง เพื่อการวินิจฉัยและรักษาโรคในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนั้นยังสามารถนำมาใช้สำหรับหัตถการยกกระชับผิวและสัดส่วน
HIFU ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USFDA) สำหรับการกระชับและฟื้นฟูสภาพผิวบริเวณใบหน้า ลำคอ และเนินอก และมีการนำมาปรับใช้ สำหรับส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ใต้ตา ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เป็นต้น การทำ HIFU จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถช่วยลดความหย่อนคล้อย และลดริ้วรอยตื้นๆได้ หลังทำสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ในระดับหนึ่งว่าผิวมีการยกและกระชับขึ้น
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : HIFU คืออะไร? ช่วยยกกระชับจริงไหม? ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับไฮฟู
“จากงานวิจัยในปี 2018 เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ หรือการใช้ HIFU ในการยกกระชับผิวและสัดส่วน ฟื้นฟูผิว ปรับรูปร่าง รวมถึงลดเซลลูไลท์ผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณ ใบหน้า หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา พบว่าเป็นเทคนิคที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ใช้ได้กับทุกสภาพผิว”
Botox จริง ๆ แล้วเป็นชื่อการค้าของสาร Botulinum Toxin หรือ Botulinum neurotoxin คือท็อกซินที่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง สกัดมาจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลทำให้กล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว
ปัจจุบันได้มีการนำเอาสาร Botulinum Toxin มาใช้ในวงการเสริมความงามอย่างแพร่หลาย เช่น ฉีดลดริ้วรอยบริเวณต่าง ๆ ฉีดลดกราม รวมถึงนำมาใช้ในทางการแพทย์ด้วย เช่น นำมาฉีดบริเวณรักแร้เพื่อลดเหงื่อ ฉีดรักษาอาการปวดไมเกรน ปวดเกร็งต้นคอ เป็นต้น
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : ทำความรู้จัก “โบท็อกซ์” หัตถการความสวย ที่ทำได้มากกว่าเสริมความงาม
“แท้จริงแล้วคำว่า Botox เป็นชื่อทางการค้าของบริษัท Allergan ผู้ที่คิดค้นการนำเอาสาร Botulinum toxin A มาใช้ในการรักษาความงามในด้านริ้วรอยเป็นครั้งแรก และเป็นยี่ห้อแรกที่ได้การรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) คำว่า Botox จึงถูกใช้ครั้งแรกและกลายเป็นคำเรียกติดปากของคนในปัจจุบัน ชื่อการค้าอื่นที่นอกเหนือจาก Botox เช่น Dysport, Xeomin เป็นต้น”
HIFU กับ Botox ต่างกันอย่างไร มีหลักการทำงานแบบไหน? ทั้ง HIFUและ Botox ต่างก็เป็นหัตถการปรับรูปหน้าและลดริ้วรอยทั้งคู่ แต่จะมีข้อแตกต่างกันตรงที่หลักการทำงานและวิธีใช้ต่างกัน โดย Botox จะเป็นยาที่เข้าไปออกฤทธิ์ต่อการทำงานของระบบประสาท ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อลดลง จึงสามารถลดริ้วรอยได้ ส่วน HIFU จะเป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ยิงเข้าไปในชั้นผิว SMAS ช่วยให้ผิวเกิดการยกกระชับและลดริ้วรอย
ไฮฟู่ (HIFU) มีกระบวนการทำงานโดยการปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงลงไปในชั้นผิวหนัง SMAS ทำให้ชั้นไขมันและชั้น SMAS เกิดการหดตัว จึงส่งผลให้ผิวบริเวณที่ทำดูเหมือนยกกระชับขึ้นมา ดังนั้นการทำ HIFU จึงเน้นไปที่การ กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ยกกระชับผิวให้ดูเต่งตึง หากทำ Hifu บริเวณใบหน้า แก้ม เหนียง จะช่วยให้ใบหน้าดูกระชับเรียวลงได้
เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ครอบคลุม HIFU จึงออกแบบมาให้มีหัวยิงหลายขนาด ซึ่งปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน การทำ HIFU จะต้องใช้หัวยิงที่เหมาะกับสภาพผิว ความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้น และตรงกับปัญหาของแต่ละบุคคล
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ “เครื่อง HIFU” สามารถอ่านเพิ่มเติมอย่างละเอียดได้ที่: ทำความรู้จักเครื่อง HIFU มีกี่ยี่ห้อ แตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
เมื่อฉีด Botulinum toxin เข้าไปแล้ว สารชนิดนี้จะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการปล่อยสารเคมี Acetylcholine จากส่วนปลายของเซลล์ประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงชั่วคราว ผิวหนังจึงดูเรียบตึงขึ้น ไม่เกิดรอยพับ โดย Botulinum toxin แต่ละยี่ห้อมีการทำงานที่คล้ายกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่กระบวนการเทคโนโลยี กรรมวิธีในการผลิต ความบริสุทธิ์ ชนิดโปรตีน ขนาดของโมเลกุลที่แต่ละยี่ห้อใช้ เป็นต้น
สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี?” ได้ที่: โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อต่างกันไหม เลือกอย่างไรให้เหมาะกับตนเอง
HIFU กับ Botox ทั้งสองหัตถการนี้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และแต่ละหัตถการก็จะมีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนี้
ข้อดีของการทำ HIFU คือไม่มีการใช้เข็ม ไม่มีเลือดออก ไม่เป็นรอยแผล หลังทำ HIFU เสร็จสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีประมาณ 10-20% ว่าผิวบริเวณที่ทำยกกระชับขึ้น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 5-6 เดือน หรือในบางรายมากสุดนานถึง 1 ปี
การทำ HIFU จะมีข้อเสียเล็กน้อยตรงที่หลังทำอาจมีรอยแดงเกิดขึ้นได้ แต่สามารถหายได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง รวมถึงระหว่างการทำ HIFU คนไข้จะรู้สึกเจ็บและตึง ๆ เล็กน้อย เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นอาจจะต้องทำการรักษาอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อปี
หากมีข้อสงสัยว่าทำ “ HIFU เจ็บไหม?” สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: HIFU เจ็บไหม เลือกทำ Hifu อย่างไรให้ปลอดภัย เห็นผลชัดเจน มีผลข้างเคียงน้อย
นอกจากนี้ก่อนเข้ารับการทำ HIFU ควรตรวจสอบคลินิก เครื่อง HIFU ที่ใช้ และผู้ทำ HIFU ว่าใช่หมอหรือไม่ เพราะถ้าหากเจอเครื่อง HIFU หรือหัวยิงที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงผู้ที่ไม่ใช่แพทย์เป็นคนลงมือทำ HIFU ให้ อาจเกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายกับใบหน้าและร่างกายได้ เช่น เสี่ยงผิวไหม้ หน้าบวม หน้าเบี้ยวเนื่องจากโดนเส้นประสาท
ข้อดีของการฉีด Botox คือสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
“FDA (Food and Drug Administration) ได้อนุมัติให้ใช้สาร Botulinum toxin รักษาโรคต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ภาวะเหงื่อออกมาก (Hyperhidrosis) ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (Spasticity) โรคไมเกรน (Migraine) การหดตัวผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูด (Sphincters)”
นอกจากนี้ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์คือ เป็นสารที่สามารถสลายได้เองภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่การฉีดโบท็อกซ์ก็มีข้อเสียเช่นกันคือ หลังทำอาจมีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด มีอาการปวดบวม และเป็นหัตถการที่ใช้เข็ม ผู้ที่มีอาการกลัวเข็มอาจจะต้องหลีกเลี่ยงหัตถการนี้
ถึงแม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์จะมีราคาที่ถูกกว่าการทำ HIFU แต่ก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรตรวจสอบให้ดี เนื่องจากโบท็อกซ์เป็นยาที่เจอของปลอมและยาหิ้วที่ไม่สามารถตรวจสอบที่มาได้ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นควรตรวจสอบโบท็อกซ์แท้ยี่ห้อต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนก่อนเข้ารับการฉีด หากต้องการรักษาผลลัพธ์ของโบท็อกซ์ไว้ควรกลับมาฉีดซ้ำหลังโบท็อกซ์สลายหมดประมาณ 4-6 เดือน และไม่ควรฉีดถี่เกินไปเพื่อไม่ให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์
ในเคสที่ต้องการปรับรูปหน้าอาจจะต้องทำ Botox ก่อน HIFU เนื่องจากจะมีการฉีดโบลดกรามแก้ปัญหากรามใหญ่ หรือฉีดโบลิฟท์กรอบหน้า เมื่อโบท็อกซ์ออกฤทธิ์เต็มที่ประมาณ 14 วัน หรือ 1 เดือนแล้วค่อยดูผลลัพธ์ว่าควรทำ HIFU เสริมตรงจุดไหนเพิ่มเติม เพื่อยกกระชับผิวและกรอบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงเก็บริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า ทั้งนี้ลำดับการทำหัตถการก่อน-หลังควรอยู่ในดุลยพินิจของหมอที่รับผิดชอบเคสของแต่ละบุคคล
ปัจจุบันยังไม่มี Clinical Guidelines สำหรับการทำหัตถการหลายอย่างว่า ควรทำตามลำดับก่อน-หลังอย่างไร หากมีหลายปัญหาที่ต้องแก้ไขด้วยหลายวิธี ลำดับในการทำหัตถการมักขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้ทำการประเมินและให้การรักษา ร่วมกับความคาดหวังและความกังวลของคนไข้เป็นหลัก ซึ่งต้องประเมินเป็นราย ๆ ไป
ในกรณีที่ฉีด Botox ก่อน แนะนำให้เว้นระยะห่างจากการทำ HIFU 14-28 วัน เพื่อให้ Botox จับและออกฤทธิ์เต็มที่ก่อน อย่างไรก็ตามหากต้องการทำสองหัตถการพร้อมกันก็สามารถทำได้ โดยแนะนำให้เริ่มจากการทำ HIFU และพักผิวหน้าสักระยะจึงค่อยทำการฉีด Botox
ทั้งนี้ลำดับในการทำขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษาและสภาพผิวของคนไข้ ซึ่งต้องประเมินจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกัน
HIFU กับ Botox แบบไหนดีกว่ากัน? อย่างที่กล่าวไปว่าทั้งสองหัตถการช่วยแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ดังนั้นการตัดสินใจเลือกทำหัตถการใดจึงขึ้นอยู่กับว่าคนไข้ต้องการแก้ปัญหาตรงจุดไหน บริเวณไหน แม้ทั้งสองหัตถการสามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ช่วยปรับรูปหน้าเรียวได้ แต่ก็มีรายละเอียดและมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ควรพิจารณาจากปัญหาของตนเองเป็นหลัก รวมถึงราคา จำนวนครั้งที่ต้องทำ ระยะเวลาของผลลัพธ์ เป็นต้น
ถ้าหากว่าเป็นผู้ที่เน้นการปรับรูปหน้าเรียว ลดบริเวณแก้ม เหนียง ลำคอ ก็สามารถใช้ HIFU ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องรูปหน้ามากนักและต้องการเน้นเรื่องริ้วรอยที่เกิดจากการขยับใบหน้า ต้องการลดขนาดกราม ก็เหมาะกับการใช้ Botox
หัตถการปรับรูปหน้าและลดริ้วรอยอย่าง HIFU กับ Botox นั้นมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกหัตถการให้เหมาะสมกับปัญหาตนเองก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาตรงกับความคาดหวัง
HIFU | Botox |
|
|
|
|
|
|
|
|
HIFU กับ Botox ต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป แต่ทั้งสองหัตถการก็สามารถช่วยปรับรูปหน้าและช่วยลดริ้วรอยได้ทั้งคู่ โดย HIFU กับ Botox ยังสามารถทำควบคู่กันไปได้ด้วยเพื่อเสริมให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือการทำ HIFU กับ Botox ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อประเมินและวางแผนลำดับการทำหัตถการได้อย่างถูกต้อง
สำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถตัดสินใจเลือกทำ HIFU กับ Botox ได้ สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังผ่านทางออนไลน์กับแอปพลิเคชัน SkinX ได้ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตนเอง สำหรับผู้ที่ใช้งานแอปฯ SkinX ครั้งแรก ปรึกษาแพทย์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมพบกับดีลสุดคุ้มกับคลินิกดังมากมาย!
อ้างอิง
Botox injections. (2021, Febuary 02). Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/botox/about/pac-20384658#:~:text=Botox%20injections%20block%20certain%20chemical,forehead%20and%20around%20the%20eyes.
Dresden D. (2020, April 29). What is a HIFU facial, and does it work?. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/hifu-facial#what-is-it
MEDICATION GUIDE BOTOX® BOTOX® Cosmetic (Boe-tox) (onabotulinumtoxinA) for Injection. FDA. https://www.fda.gov/media/77359/download
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูทั้งหมด