ควบคุมน้ำหนัก
24 มิถุนายน 2568

วิธีลดน้ำหนัก ลดความอ้วนมีอยู่หลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย คุมแคลอรี เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งวิธีเหล่านี้เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพและให้ผลดีระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม หลายคนที่ลองลดน้ำหนักด้วยวิธีธรรมชาตินี้แล้วก็ไม่เห็นผลชัดเจน ในตอนนี้มีแนวทางใหม่ก็คือการใช้ปากกาลดน้ำหนักนั่นเอง
อ่านชื่อ “ปากกาลดน้ำหนัก” แล้วดูเหมือนหลอกลวง ไม่น่าจะได้ผล แต่แท้จริงแล้วมีงานวิจัยรองรับอยู่ไม่น้อยว่าปากกาลดน้ำหนักสามารถลดน้ำหนักได้จริง ในบทความนี้ทาง SkinX เราขอแนะนำวิธีลดน้ำหนักทางการแพทย์อย่างปากกาลดน้ำหนักคืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร สามารถใช้ลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ มีข้อควรรู้อะไรบ้างก่อนใช้ ปากกาลดน้ำหนักราคาเท่าไหร่ ไปดูกันเลย!
SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเปิดสมาร์ตโฟนพบแพทย์ผิวหนังง่าย ๆ ทันที พิเศษสำหรับผู้ใช้งานครั้งแรกสามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังผ่านแอปได้ไม่มีค่าใช้จ่าย โหลดเลยที่ App store & Play store
สารบัญบทความปากกาลดน้ำหนัก คือ ยาลดน้ำหนักชนิดหนึ่ง อยู่ในรูปแบบเข็มฉีดยาที่มีหน้าตาคล้ายกับปากกา ภายในบรรจุตัวยาสำคัญอย่างยาฉีดลิรากลูไทด์ (Liraglutide) ที่ออกฤทธิ์ให้ร่างกายรู้สึกอิ่มเร็วและลดความอยากอาหาร ด้วยคุณสมบัตินี้จึงมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า “ปากกาคุมหิว” นั่นเอง
โดยปากกาลดน้ำหนักนี้มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถลดน้ำหนักในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ได้จริง และยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ว่าสามารถนำมาใช้รักษาผู้ป่วยโรคอ้วนและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้
“ปากกาลดน้ำหนักมีอยู่ 2 แบรนด์ที่มีส่วนประกอบหลักอย่าง Liraglutide คือ Victoza® และ Saxenda® โดย Victoza® ใช้สำหรับลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยการไปเพิ่มระดับอินซูลินหลังรับประทานอาหาร ส่วน Saxenda® ใช้สำหรับลดความอ้วนในผู้ป่วยที่มีค่า BMI เกิน 30 (ผู้ป่วยโรคอ้วน) และผู้ที่มีค่า BMI มากกว่า 28 (ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง เป็นต้น) โดยตัวยากลุ่มนี้จะต้องทำการคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วยจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี”
ในปัจจุบันมีผู้ป่วยน้ำหนักเกินเกณฑ์และโรคอ้วนมากขึ้น เนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งการมีน้ำหนักตัวมากไม่ใช่เพียงแค่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพกายอีกด้วย
ถึงแม้ว่าหลายคนจะมีรูปร่างอ้วนท้วมแต่เมื่อไม่มีปัญหาทางสุขภาพ (หมายถึงไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ ) จึงคิดว่าตนเองสุขภาพปกติดีและละเลยการตรวจสุขภาพไป กว่าร่างกายจะแสดงอาการผิดปกติออกมาก็กลายเป็นโรคเรื้อรังเสียแล้ว
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ คุณสามารถสังเกตตนเองได้ด้วยค่า BMI หรือค่าดัชนีมวลกาย สามารถคำนวณได้จากสมการนี้

เมื่อคำนวณค่า BMI แล้วสามารถนำมาแปลผลได้ตามตารางนี้
ค่า BMI | ผลลัพธ์ |
น้อยกว่า 18.5 | น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ |
18.5-22.9 | ปกติ |
23.0-24.9 | อ้วนระดับ 1 |
25.0-29.9 | อ้วนระดับ 2 |
30 ขึ้นไป | อ้วนระดับ 3 |
นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตภาวะอ้วนได้จากเส้นรอบเอว โดยชาวเอเชียไม่ควรมีเส้นรอบเอวมากกว่า 80 เซนติเมตร (สำหรับผู้หญิง) และ 90 เซนติเมตรสำหรับผู้ชาย หากมีเส้นรอบเอวมากกว่าค่าดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและโรคเรื้อรังอื่น ๆ เนื่องจากมีไขมันสะสมตามช่องท้องมาก
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.saxenda.com/about-saxenda/how-to-use-the-pen/_jcr_content/root/content/container_copy/parsys/image.coreimg.png/1619614720327/saxenda-2018-front-capped-pen.png
หลายคนที่ได้ยินคำว่า “ปากกาลดน้ำหนัก” ก็อาจมีข้อสงสัยว่าของสิ่งนี้มีหลักการทำงานอย่างไร ทำไมถึงช่วยลดน้ำหนักได้ แท้จริงแล้วปากกาลดน้ำหนักก็คือเข็มฉีดยาขนาดเล็กที่มีหน้าตาคล้ายกับปากกานั่นเอง ซึ่งเข็มของปากกาลดน้ำหนักจะมีขนาดเล็กมาก สามารถใช้ฉีดเข้าสู่ใต้ผิวหนังในบริเวณที่มีไขมันมาก เช่น ต้นขา ต้นแขน หรือหน้าท้อง ได้ในทุก ๆ วัน โดยตัวยาสำคัญของปากกาลดน้ำหนักก็คือ “ลิรากลูไทด์” นั่นเอง
ภายในปากกาลดน้ำหนักจะบรรจุตัวยาลิรากลูไทด์ (Liraglutide) ซึ่งเป็นตัวยาที่สังเคราะห์เลียนแบบฮอร์โมนกลูคากอน (Glucagon Like Peptide 1: GLP-1) ที่พบได้ในร่างกาย เมื่อตัวยานี้เข้าสู่กระแสเลือดก็จะไปส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ดังนี้
“Astrup และคณะ (2010) ได้ทดลองประสิทธิภาพของลิรากลูไทด์ โดยแบ่งกลุ่มอาสาสมัครออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับการฉีดยาลิรากลูไทด์, กลุ่มที่รับประทานยาลดความอ้วน Orlistat และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก โดยมีการควบคุมแคลอรีและออกกำลังกายในทุกกลุ่มอาสาสมัคร ผลการทดลองพบว่าอาสาสมัครที่ได้รับยาลิรากลูไทด์สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าอาสามัครกลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญ จึงสรุปได้ว่าการใช้ยาลิรากลูไทด์สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ปากกาลดน้ำหนัก เหมาะกับใครบ้าง?
ปากกาลดน้ำหนักมีข้อห้ามใช้กับผู้ที่มีภาวะเหล่านี้
นอกจากนี้ปากกาลดน้ำหนักไม่เหมาะกับผู้ที่มีนิสัยกินน้อย ไม่ค่อยกินจุบจิบ เนื่องจากลิรากลูไทด์จะยิ่งไปทำให้ความอยากอาหารลดลง จนอาจเกิดภาวะขาดสารอาหารได้ รวมถึงไม่ควรใช้ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และผู้ที่มีอายุมากกว่า 75 ปี หากมีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
การใช้ปากกาลดน้ำหนักนั้นจะต้องระมัดระวัง และใช้ตามคำแนะนำตามแพทย์สั่งเท่านั้น โดยมีวิธีใช้งานดังนี้
อ่านเพิ่มเติม : ปากกาลดน้ำหนักมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
ปากกาลดน้ำหนักจะช่วยควบคุมความอยากอาหาร ทำให้ในแต่ละวันคุณจะได้รับแคลอรีที่น้อยกว่าความต้องการของร่างกายต่อวัน (เมื่อมีการควบคุมการกินอย่างเหมาะสม)
เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอจึงมีการดึงไขมันซึ่งเป็นพลังงานสะสมมาเผาผลาญ แต่ปกติแล้วร่างกายมักจะดึงกล้ามเนื้อไปเผาผลาญเป็นพลังงานก่อนไขมันเสมอ ทำให้ในช่วงแรกน้ำหนักจะลดจากการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อก่อนสูญเสียไขมัน
หากคุณใช้ปากกาลดน้ำหนักด้วยตนเอง เห็นว่าน้ำหนักลดแล้วอาจไม่ระวังไปหยุดยาเอง และควบคุมการกินไม่ได้อาจทำให้น้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ที่สำคัญ ปากกาลดน้ำหนักจัดเป็นยาควบคุมพิเศษที่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น หากนำมาใช้โดยไม่มีแพทย์ดูแลอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้
ปากกาลดน้ำหนักมีผลข้างเคียงอยู่หลายประการ เนื่องจากลิรากลูไทด์มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร และมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด โดยอาการผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมีดังนี้
นอกจากนี้การใช้ปากกาลดน้ำหนักยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลายอย่าง เช่น ตับอ่อนอักเสบ, เนื้องอกไทรอยด์, มะเร็งไทรอยด์ เป็นต้น
เพื่อให้ตัวยาในปากกาลดน้ำหนักคงประสิทธิภาพที่ดี สามารถจัดเก็บยาได้ตามวิธีดังนี้
การลดน้ำหนักที่ดีและปลอดภัยคือการควบคุมอาหาร ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน โรคอ้วน อาจพึ่งตัวช่วยอย่างปากกาลดน้ำหนักเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีได้เร็วกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ปากกาลดน้ำหนักเป็นยาควบคุมพิเศษที่มีเงื่อนไขการใช้งาน และต้องจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น หากใช้ปากกาลดน้ำหนักด้วยตัวเอง ไม่อยู่ในการดูแลของแพทย์อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงและอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้
สนใจการลดน้ำหนักด้วยปากกาลดน้ำหนัก คุมหิว ลดการกินจุบจิบ ค้นหาดีลหัตถการจากโรงพยาบาลชั้นนำได้ที่แอปพลิเคชัน SkinX ราคาพิเศษเฉพาะสมาชิกเท่านั้น!
อ้างอิง
Astrup, A., Rössner, S., Van Gaal, L., Rissanen, A., Niskanen, L., Al Hakim, M., Madsen, J., Rasmussen, M. F., Lean, M. E., & NN8022-1807 Study Group (2009). Effects of liraglutide in the treatment of obesity: a randomised, double-blind, placebo-controlled study. Lancet (London, England), 374(9701), 1606–1616. https://doi.org/10.1016/S0140-6736(09)61375-1
Jackson, S. H., Martin, T. S., Jones, J. D., Seal, D., & Emanuel, F. (2010). Liraglutide (victoza): the first once-daily incretin mimetic injection for type-2 diabetes. P & T : a peer-reviewed journal for formulary management, 35(9), 498–529. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2957743/
Nuffer, W. (2019). Chapter 5 - Pharmacologic Agents Chapter for Abdominal Obesity. in Watson, RR. (Eds), Nutrition in the Prevention and Treatment of Abdominal Obesity (2nd, pp.51-66). https://doi.org/10.1016/B978-0-12-816093-0.00005-7
Saxenda®. (n.d.). Saxenda. https://www.saxenda.com/
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูทั้งหมด