SkinX

GET-On the App Store

SkinX Team

10 กุมภาพันธ์ 2566

7 ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกซ์ ดูแลตัวเองอย่างไรให้โบท็อกซ์สลายช้าที่สุด

ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกซ์

ในปัจจุบันที่เทรนด์ความงามยิ่งทวีคูณความนิยมเป็นอย่างมากในสังคม ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงต่างก็หันมาเสริมความมั่นใจให้กับตัวเองด้วยการทำหัตถการที่ทันสมัยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หนึ่งในหัตถการที่นิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “การฉีดโบท็อกซ์ (Botox)” ที่มีคุณสมบัติมากมายตั้งแต่ช่วยปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย รวมถึงผลดีต่าง ๆ จากการลดการขยับของกล้ามเนื้อ

 

ถึงแม้การฉีดโบท็อกซ์จะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ตัวยาโบท็อกซ์ไม่ได้อยู่คงทนถาวร สามารถสลายตัวลงไปได้ ดังนั้นหลังฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ผู้เข้ารับหัตถการควรปฏิบัติตามข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฤทธิ์ของการฉีดโบท็อกซ์คงอยู่ได้นานที่สุด

หัวข้อที่น่าสนใจ

โบท็อกซ์คืออะไร ทำไมเดี๋ยวนี้เห็นบ่อย

โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (ฺBotulinum Toxin A) หรือที่รู้จักคุ้นเคยกันจนชินหูว่า “โบท็อกซ์ (Botox)” นั้น เป็นตัวยาที่ส่งผลให้เกิดการอัมพาตของกล้ามเนื้อชั่วขณะ ซึ่งถูกผลิตขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Bacterium Clostridium Botulinum) หากได้รับในปริมาณมากอาจจะอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น ในกรณีหลังได้รับโบท็อกซ์ที่ปนเปื้อนมาในอาหารที่รับประทานจำนวนมาก อาจจะทำกล้ามเนื้อกระบังลมหยุดทำงาน หายใจไม่ออกได้

 

แต่หากใช้ได้อย่างถูกวิธี ฉีดโบท็อกซ์ได้ถูกบริเวณในปริมาณที่เหมาะสม ด้วยฝีมือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ผลจากการฉีดโบท็อกซ์จะช่วยบรรเทาอาการ และโรคต่าง ๆ ไปได้ เช่น

 

  • ช่วยลดริ้วรอยชั่วคราว 

  • ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อปรับโครงหน้า ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

  • ลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ลดอาการเหงื่อออกรุนแรงบริเวณใต้วงแขน และฝ่ามือ

  • ช่วยคลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการของโรคคอบิดเกร็ง (Cervical Dystonia)

  • ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งอ่อนตัวลง คลายอาการกล้ามเนื้อเปลือกตาเกร็งกระตุก (Blepharospasm)

  • ช่วยลดความไม่ตรงของแนวตา ของโรคตาเหล่ (Strabismus)

  • ยับยั้งปลายประสาทที่ส่งสัญญาณความเจ็บปวดศีรษะจากโรคไมเกรนเรื้อรัง (Chronic Migraine)

  • ลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะให้บีบตัวช้าลง เพื่อบรรเทาภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวเร็วเกิน (Overactive Bladder หรือ OAB)


หลังฉีดโบท็อกซ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โบท็อกซ์จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ เพราะตัวยาโบท็อกซ์นั้นมีกลไกการออกฤทธิ์ที่เมื่อฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ๆ จะเข้าไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาทบริเวณนั้น ให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทออกไปได้ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังฉีดโบท็อกซ์ ไม่สามารถหดตัวหรือขยับได้

 

“โดยโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์หลังฉีดประมาณ 2 – 3 วัน และสามารถเห็นผลสูงสุดได้ใน 2 สัปดาห์ และสามารถคงทนอยู่ได้นาน 4 – 6 เดือน หลังจากนี้แล้วต้องไปฉีดโบท็อกซ์ซ้ำทุก ๆ 4 – 6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับขนาดและยี่ห้อชนิดของโบท็อกซ์ที่ฉีด และการปฏิบัติตัวตามวิธีดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์อย่างเคร่งครัด”

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพื่อรู้จักโบท็อกซ์ให้มากขึ้น : ฉีดโบลดริ้วรอย, โบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา, ฉีดโบลดกราม, ลิฟต์กรอบหน้า

หลังฉีดโบท็อกซ์ ควรปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้โบท็อกซ์สลายช้าที่สุด

หลังฉีดโบท็อกซ์ไปได้สักระยะหนึ่งแล้วกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดจะยุบตัวลง แต่หากผู้เข้ารับการทำหัตถการรู้สึกผ่านไปเพียงไม่นาน กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดก็กลับมาแข็งตัวเป็นก้อนหรือขยับได้อย่างรวดเร็ว หรือในกรณีที่ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย แต่ริ้วรอยกลับคืนมาเร็วกว่าที่ควร อาจจะมีผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องคุณภาพของตัวยา ฝีมือของแพทย์ สภาพและระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงการดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์ ที่เข้ามาสลายตัวยาโบท็อกซ์ และลดประสิทธิภาพการทำงานของตัวยาลง

โบท็อกซ์สลายเร็วเพราะปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่

  • ตัวยาเป็นของปลอม ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย.
  • ใช้ตัวยาโบท็อกซ์ที่ไม่ได้คุณภาพ จัดเก็บตัวยาไม่ถูกวิธีในอุณหภูมิ 2 – 8 องศาเซลเซียส (°C
  • ผสมตัวยากับน้ำเกลือทิ้งเอาไว้นานเกินไป ทำให้ตัวยาเสื่อมสภาพลง
  • แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ ฉีดโบท็อกซ์ในชั้นผิวที่ตื้น หรือลึกเกินไป หรือฉีดตัวยาโบท็อกซ์ในปริมาณที่น้อยเจือจางจนเกินไปไม่เหมาะสมกับตำแหน่งกล้ามเนื้อที่ฉีด
  • ผู้เข้ารับหัตถการมีอาการดื้อโบท็อกซ์มาก่อน
  • ผู้เข้ารับการฉีดมีการเผาผลาญ (Metabolism) ที่มาก ร่างกายก็จะสลายตัวยาได้เร็ว
  • กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดมีขนาดใหญ่ หรือริ้วรอยในบริเวณนั้นมีความลึกมาก
  • การแสดงสีหน้า หรือขยับกล้ามเนื้อในบริเวณนั้นบ่อย ๆ 
  • ทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับความร้อนเป็นประจำ เช่น การออกกำลังกาย การเลเซอร์ การอบเซาว์น่า การอบไอน้ำ

7 ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกซ์ ที่ทำให้โบท็อกซ์อยู่คงทนนานที่สุด

หลังฉีดโบท็อกซ์ไปแล้ว เพื่อให้ประสิทธิภาพของโบท็อกซ์คงทนอยู่อย่างยาวนานที่สุด หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกซ์ที่ควรเลี่ยง ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในที่ชีวิตประจำวัน รวมถึงการใส่ใจดูแลเรื่องอาหารการกินต่าง ๆ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยยืดอายุของตัวยาโบท็อกซ์ให้อยู่กับผู้เข้ารับบริการได้นานมากขึ้น

 

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า


การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ หรือนวดคลึงใบหน้าบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์บ่อย ๆ อาจจะส่งผลร้ายอันไม่พึงประสงค์ที่ตัวยาจะไหลไปหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการได้ โดยตัวยาโบท็อกซ์จะเริ่มออกฤทธิ์ใน 2 – 3 วันแรก และจะเห็นผลชัดขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะ 7 – 14 วัน หลังเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์

 

เพราะฉะนั้นหลังฉีดโบท็อกซ์ 7 – 14 วันแรก ควรเลี่ยงที่จะกด นวดใบหน้าในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้ตัวยาไม่กระจายตัวไปในบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการ และให้ตัวยาดูดซึมได้ดี และออกฤทธิ์ในบริเวณที่ฉีดได้อย่างเต็มที่

2. เลี่ยงการนอนราบ


หลังฉีดโบท็อกซ์
ในช่วง  4 ชั่วโมงแรกหลังจากเข้ารับหัตถการ ควรเลี่ยงที่จะนอนราบ รวมถึงนอนตะแคง เพราะในกรณีที่ฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณใบหน้า การขยับหรือเอนศีรษะไปมา อาจจะทำให้ตัวยาที่ฉีดเข้าไปกระจายตัวได้ดีมากจนเกินไป ทำให้อาจจะไหลไปสู่กล้ามเนื้อมัดอื่นที่เราไม่ต้องการ 

 

ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ เช่น อาการหนังตาตก ปากเบี้ยว แม้อาการเหล่านี้จะหายไปได้เอง เมื่อฤทธิ์ของโบท็อกซ์หมดลง แต่ก็ต้องใช้เวลานาน ทำให้ผู้ที่เผชิญปัญหานี้อยู่สูญเสียความมั่นใจไปได้

 

3. เลี่ยงการทำหัตถกรรมใบหน้าที่ใช้ความร้อน


การทำทรีตเมนต์ หรือหัตถการต่าง ๆ ที่ใช้ความร้อนยิงลงไปลึกในชั้นผิว อย่างการทำ RF Hifu Thermage หรือ Ulthera ความร้อนจากคลื่นที่ถูกยิงลงไปสู่ชั้นผิวหนังจะเข้าไปสลายตัวยาโบท็อกซ์ให้เสื่อมสภาพลงไป 

 

ดังนั้นในช่วงที่ตัวยาโบท็อกซ์กำลังค่อย ๆ ออกฤทธิ์อย่างช่วง 14 วันแรกหลังเข้ารับบริการ จึงควรหลีกเลี่ยงการเข้ารับบริการหัตถการเหล่านี้ เพราะจะทำให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้อย่างไม่เต็มที่ แต่หลังจากนั้นก็สามารถเข้าบริการหัตถกรรมเลเซอร์ได้ แต่ความร้อนจากการเลเซอร์จะส่งผลต่อตัวยาอยู่ แต่ส่งผลกระทบในการสลายตัวยาได้น้อยลง

 

4. เลี่ยงแสงแดดและความร้อน


ความร้อนเป็นตัวการตัวฉกาจที่จะเข้าไปทำลายตัวยาโบท็อกซ์ได้อย่างดี เพราะความร้อนจะมีส่วนเข้าไปสลายตัวยาให้หายไป เพื่อให้ผลลัพธ์
หลังฉีดโบท็อกซ์เห็นผลได้อย่างดีที่สุด ในช่วง 7 วันหลังจากฉีดโบท็อกซ์ ควรที่จะอยู่ห่างความร้อน ทั้งจากแสงแดดธรรมชาติ รวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่จะส่งผลให้ร่างกายรู้สึกร้อน และทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น เช่น ออกกำลังกายที่หนักเกินไป อบเซาว์น่า เป็นต้น เพราะจะมีส่วนเข้าไปสลายตัวยาโบท็อกซ์ให้สลายตัวไปได้เร็วขึ้นนั่นเอง

 

5. ห้ามรับประทานอาหารใดบ้าง

ฉีดโบท็อกห้ามกินอะไร

ไม่เพียงแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลังฉีดโบท็อกซ์เท่านั้น แต่อาหารและเครื่องดื่มก็เข้ามาส่งผลต่อผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ได้เหมือนกัน ดังนั้นอาหาร เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่เข้ามาส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงในช่วงแรก ๆ หลังฉีดโบท็อกซ์ หรือ 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดโบท็อกซ์

 

  • แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ส่งผลต่อการขยายตัวของเส้นเลือด ทำให้รบกวนการกระจายตัวของโบท็อกซ์ แล้วทั้งแอลกอฮอล์มีส่วนทำให้การสมานแผลหายช้า เพราะมีส่วนลดการแข็งตัวของเลือด ขับธาตุสังกะสี(Zinc) และกีดกันการดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ทำให้เกิดอาการบวมช้ำ แผลจากรอยเข็มสมานตัวช้าลง
  • อาหารหน้าเตาร้อน ทั้งชาบู ปิ้งย่างต่าง ๆ ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ความร้อนจากเตาไฟ อาจจะทำให้ตัวยาโบท็อกซ์สลายไปได้ ดังนั้นจึงควรเลี่ยงในช่วงแรก ๆ หลังเข้ารับบริการ
  • อาหารหมักดอง เป็นอาหารในกลุ่มจำพวกที่มีแนวโน้มในการปนเปื้อนของเชื้อโรค แบคทีเรีย และพยาธิบางชนิด ทำให้อาจจะส่งผลให้เกิดการอักเสบขึ้นหลังจากการเข้าฉีดโบท็อกซ์ได้
  • อาหารเผ็ดจัด เช่น ยำ  ส้มตำ แกงเผ็ดต่าง ๆ ส่งผลให้ร่างกายขับเหงื่อ น้ำมูก น้ำตาออกมา ทำให้เสี่ยงที่จะไปสัมผัสโดนกับรอยแผลเข็มที่ยังอยู่ เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย

6. งดสูบบุหรี่

ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก

นอกจากสารที่บรรจุอยู่ในบุหรี่จะทำให้สุขภาพของผู้สูบเสียเท่านั้น แต่สารในบุหรี่อย่างนิโคติน (Nicotine) ยังคงส่งผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้การกระจายตัวของตัวยาโบท็อกซ์เป็นไปได้ไม่ดีเท่าที่ควร และหากผู้ฉีดโบท็อกซ์หวังผลในการลดริ้วรอยบริเวณรอบ ๆ ปาก ก็อาจจะส่งผลให้ริ้วรอยในบริเวณนั้น ๆ กลับมาได้ง่าย ๆ เพราะต้องขยับปาก และกล้ามเนื้ออื่น ๆ บริเวณใบหน้าในท่าทางเดิมซ้ำ ๆ บ่อย ๆ นั่นเอง

 

7. ยาที่ห้ามรับประทาน


ควรเลี่ยงที่จะรับประทานกลุ่มยา และอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจจะทำให้เลือดหยุดไหลได้ช้า และอาจจะทิ้งรอยช้ำบริเวณผิวหนังที่ฉีด ซึ่งได้แก่ตัวยา และกลุ่มอาหารเสริม ดังต่อไปนี้

 

  • วิตามิน อี (Vitamin E)
  • น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส (Evening Primrose)
  • ยาแก้ปวด
  • ยาต้านการอักเสบ ชนิด NSAIDs ได้แก่ 
    • แอสไพริน(Aspirin)
    •  ไอบูโพรเฟน(Ibuprofen) 
    • นาพรอกเซน(Naproxen)

       

นอกจากนี้ยังรวมถึงอาหาร ยา อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสมุนไพร เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ กระเทียม โสม สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Gingko) ที่จะทำให้ภายในร่างกายรู้สึกร้อน ง่ายต่อการเกิดอาการบวมช้ำหลังฉีดโบท็อกซ์ได้

คำถามที่พบบ่อยๆ Q&A

หลังฉีดโบท็อกซ์นวดหน้าได้ไหม ?


หลังฉีดโบท็อกซ์ห้าม
ที่จะนวด กด คลึงใบหน้าในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ทันที โดยเฉพาะในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพราะขณะนั้นเป็นช่วงที่ตัวยากำลังทำการกระจายตัวแทรกซึมเข้าไปยังบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดนั่นเอง หากมีการนวดในบริเวณดังกล่าวซ้ำ ๆ แรง ๆ จะทำให้ตัวยาไหลกระจายออกไปสู่กล้ามเนื้อข้างเคียงบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการได้

 

แต่หากเวลาผ่านไปอย่างน้อย 14 วันที่ตัวยาโบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้อย่างชัดเจนแล้ว ผู้ที่เคยเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์สามารถเข้ารับการทำทรีตเมนต์นวดบำรุงผิวหน้าได้ตามปกติ

 

หลังฉีดโบท็อกซ์ ทำไมห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนังเกิดการขยายตัวขึ้น ทำให้การเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็น
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์ เพราะเส้นเลือดที่ขยายตัวขึ้นนั้นจะเข้าไปรบกวนการกระจายตัวของตัวยาโบท็อกซ์ให้กระจายตัวได้ไม่ดี ทำให้ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ได้เต็มที่เท่าที่ต้องการ นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังมีส่วนให้แผลจากรอยเข็มหายช้า และทิ้งรอยเขียวช้ำให้ปรากฏบนใบหน้าบริเวณที่ฉีดได้อย่างเด่นชัดด้วยเช่นกัน

 

หลังฉีดโบท็อกซ์ ทาสกินแคร์ได้ไหม


การทาสกินแคร์เป็นเพียงหนึ่งในขั้นตอนการบำรุงผิวพรรณเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของตัวยาโบท็อกซ์แต่อย่างใด ยกเว้นในช่วงวันแรก ๆ
หลังฉีดโบท็อกซ์ ผู้เข้ารับการทำหัตถกรรมต้องระมัดระวังในการทาสกินแคร์ โดยไม่ทา หรือนวดคลึงผิวแรง ๆ เพราะจะส่งผลต่อการกระจายตัวของโบท็อกซ์ได้

 

หลังฉีดโบท็อกซ์ ทานกาแฟได้ไหม


ถึงแม้ว่ากาแฟจะมีส่วนผสมของคาเฟอีนที่มีฤทธิ์ในการทำหลอดเลือดขยายตัว แต่ภายในกาแฟก็มีความเข้มข้นของคาเฟอีนในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อผลลัพธ์
หลังฉีดโบท็อกซ์ ผู้ฉีดโบท็อกซ์สามารถดื่มกาแฟได้ตามปกติ

 

หลังฉีดโบท็อกซ์ ทำไมห้ามนอนราบ


เลี่ยงการนอนราบ
หลังฉีดโบท็อกซ์ทันทีอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เนื่องจากการนอนราบอาจจะเสี่ยงที่ใบหน้าอาจจะอยู่ต่ำกว่าระดับหัวใจ ทำให้เลือดไหลเวียนไปสู่บริเวณใบหน้ามากขึ้น ทำให้ตัวยาไหลกระจายไปสู่กล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการได้ 

 

ดังนั้นในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังจากฉีดโบท็อกซ์แนะนำให้นอนหนุนหมอนสูงอย่างน้อย 2 ใบ เพื่อให้ศีรษะอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าหน้าอก

 

หลังฉีดโบท็อกซ์ เคี้ยวหมากฝรั่งช่วยอะไร


ในกรณี
หลังฉีดโบท็อกซ์กราม ควรขยับใบหน้า หรือเคี้ยวหมากฝรั่งอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามได้มีการเคลื่อนไหว ตัวยาโบท็อกซ์จะได้กระจายตัวซึมซาบลงไปในกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เห็นผลลัพธ์ในการฉีดโบท็อกซ์ได้อย่างชัดเจน

สรุป

เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์อยู่คงทน ตัวยาสลายตัวได้ช้าที่สุด ผู้เข้ารับหัตถการควรที่จะทำตามข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์อย่างเคร่งครัด โดยเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ใส่ใจในการเลือกประเภทอาหารให้มากขึ้น เพียงเท่านี้ก็ชะลอการสลายตัวของโบท็อกซ์ให้ช้าลงได้

หากยังมีความลังเลใจอยากเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์ หรือทำหัตถการเสริมความงามปรับรูปหน้า ลดริ้วรอยต่าง ๆ แต่ยังมีข้อสงสัยทำให้ตัดสินใจไม่ได้ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX เพื่อเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ สะดวกง่าย ๆ ผ่านระบบออนไลน์

โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ฟรีตอนนี้ ปรึกษาแพทย์ครั้งแรกฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ใช้งานครั้งแรกปรึกษาฟรี
Tips & Tricks
สาระน่ารู้และข่าวประชาสัมพันธ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า