SkinX

GET-On the App Store

SkinX Team

5 พฤษภาคม 2566

ตอบทุกข้อสงสัย HIFU กับ Botox ต่างกันอย่างไร ควรทำอันไหนก่อน ทำพร้อมกันได้ไหม?

Hifu กับ Botox

HIFU กับ Botox ต่างกันอย่างไร? เลือกแบบไหนดีกว่ากัน? คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับสองหัตถการทั้ง HIFU และ Botox เนื่องจากเป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันคือ ช่วยปรับรูปหน้าเรียว ลดริ้วรอย แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่ รวมถึงการทำงานของ Hifu กับ Botox 

 

ในบทความนี้ SkinX จะพามาหาคำตอบว่า HIFU กับ Botox ต่างกันอย่างไร ทั้งสองมีหลักการทำงานอย่างไร ข้อดี-ข้อเสียของ Hifu กับ Botox และ HIFU กับ Botox ควรทำอะไรก่อน-หลัง สามารถทำพร้อมกันได้หรือไม่ ตอบทุกคำถามโดยแพทย์จาก SkinX

 

SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ ที่ได้รวบรวมแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำไว้มากกว่า 210 คน มาให้คำปรึกษาโดยเฉพาะ ทั้งปัญหาผิวหนัง ปัญหาความงาม รวมถึงปัญหาผมและหนังศีรษะ พบแพทย์ออนไลน์ง่าย ๆ ไม่ต้องรอคิว รู้ผลทันที อยู่ที่ไหนก็พบหมอได้ สำหรับผู้ใช้งานแอปฯ ครั้งแรกปรึกษาแพทย์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมพบกับดีลคลินิกเสริมความงามชื่อดังมากมาย!

สารบัญบทความ

ทำความรู้จัก HIFU กับ Botox คืออะไร 

ก่อนที่จะไปดูความแตกต่างระหว่าง HIFU กับ Botox เรามาทำความรู้จักข้อมูลเบื้องต้นของ HIFU กับ Botox ก่อนว่า หัตถการทั้งสองแบบคืออะไร มีที่มาเป็นอย่างไรเพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนเลือกทำอะไรดี

 

HIFU คืออะไร

Hifu คือ

HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) อ่านว่า ไฮฟู่ คือนวัตกรรมการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง เพื่อการวินิจฉัยและรักษาโรคในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนั้นยังสามารถนำมาใช้สำหรับหัตถการยกกระชับผิวและสัดส่วน 

 

HIFU ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USFDA) สำหรับการกระชับและฟื้นฟูสภาพผิวบริเวณใบหน้า ลำคอ และเนินอก และมีการนำมาปรับใช้ สำหรับส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ใต้ตา ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เป็นต้น การทำ HIFU จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถช่วยลดความหย่อนคล้อย และลดริ้วรอยตื้นๆได้ หลังทำสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ในระดับหนึ่งว่าผิวมีการยกและกระชับขึ้น 

 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : HIFU คืออะไร? ช่วยยกกระชับจริงไหม? ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับไฮฟู

“จากงานวิจัยในปี 2018 เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ หรือการใช้ HIFU ในการยกกระชับผิวและสัดส่วน ฟื้นฟูผิว ปรับรูปร่าง รวมถึงลดเซลลูไลท์ผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณ ใบหน้า หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา พบว่าเป็นเทคนิคที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ใช้ได้กับทุกสภาพผิว”

Botox คืออะไร

Botox คือ

Botox จริง ๆ แล้วเป็นชื่อการค้าของสาร Botulinum Toxin หรือ Botulinum neurotoxin คือท็อกซินที่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง สกัดมาจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลทำให้กล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว

ปัจจุบันได้มีการนำเอาสาร Botulinum Toxin มาใช้ในวงการเสริมความงามอย่างแพร่หลาย เช่น ฉีดลดริ้วรอยบริเวณต่าง ๆ ฉีดลดกราม รวมถึงนำมาใช้ในทางการแพทย์ด้วย เช่น นำมาฉีดบริเวณรักแร้เพื่อลดเหงื่อ ฉีดรักษาอาการปวดไมเกรน ปวดเกร็งต้นคอ เป็นต้น

 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : ทำความรู้จัก “โบท็อกซ์” หัตถการความสวย ที่ทำได้มากกว่าเสริมความงาม

“แท้จริงแล้วคำว่า Botox เป็นชื่อทางการค้าของบริษัท Allergan ผู้ที่คิดค้นการนำเอาสาร Botulinum toxin A มาใช้ในการรักษาความงามในด้านริ้วรอยเป็นครั้งแรก และเป็นยี่ห้อแรกที่ได้การรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) คำว่า Botox จึงถูกใช้ครั้งแรกและกลายเป็นคำเรียกติดปากของคนในปัจจุบัน ชื่อการค้าอื่นที่นอกเหนือจาก Botox เช่น Dysport, Xeomin เป็นต้น”

HIFU กับ Botox ต่างกันอย่างไร?

HIFU กับ Botox ต่างกันอย่างไร มีหลักการทำงานแบบไหน? ทั้ง HIFUและ Botox ต่างก็เป็นหัตถการปรับรูปหน้าและลดริ้วรอยทั้งคู่ แต่จะมีข้อแตกต่างกันตรงที่หลักการทำงานและวิธีใช้ต่างกัน โดย Botox จะเป็นยาที่เข้าไปออกฤทธิ์ต่อการทำงานของระบบประสาท ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อลดลง จึงสามารถลดริ้วรอยได้ ส่วน HIFU จะเป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ยิงเข้าไปในชั้นผิว SMAS ช่วยให้ผิวเกิดการยกกระชับและลดริ้วรอย

 

หลักการทำงานของ HIFU

ไฮฟู่ (HIFU) มีกระบวนการทำงานโดยการปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงลงไปในชั้นผิวหนัง SMAS ทำให้ชั้นไขมันและชั้น SMAS เกิดการหดตัว จึงส่งผลให้ผิวบริเวณที่ทำดูเหมือนยกกระชับขึ้นมา ดังนั้นการทำ HIFU จึงเน้นไปที่การ กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ยกกระชับผิวให้ดูเต่งตึง หากทำ Hifu บริเวณใบหน้า แก้ม เหนียง จะช่วยให้ใบหน้าดูกระชับเรียวลงได้

 

เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ครอบคลุม HIFU จึงออกแบบมาให้มีหัวยิงหลายขนาด ซึ่งปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน การทำ HIFU จะต้องใช้หัวยิงที่เหมาะกับสภาพผิว ความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้น และตรงกับปัญหาของแต่ละบุคคล 

  • หัวยิงความลึก 1.5-2.0 mm. ใช้กับผิวหนังชั้นบน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยเรื่องริ้วรอยร่องตื้นระดับที่ไม่ลึกมาก เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา รอบปาก ริ้วรอยเล็ก ๆ บนหน้าผาก เป็นต้น

  • หัวยิงความลึก 3.0 mm. ใช้กับผิวชั้นหนังแท้ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดเซลลูไลท์และไขมันได้ ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อยของผิว 

  • หัวยิงความลึก 4.5 mm.จะส่งพลังงานลงไปลึกได้ถึงชั้น SMAS และผ่านชั้นไขมัน (Hypodermis) เหมาะกับการใช้ยิงเพื่อยกกระชับผิว เก็บกระชับกรอบหน้า สลายไขมัน และกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึก  ซึ่งรายละเอียดการเลือกใช้หัวยิงอาจจะแตกต่างกันไปขึ้นกับสภาพผิวหนังของแต่ละคน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถประเมินและเลือกหัวยิงที่เหมาะสมได้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ “เครื่อง HIFU” สามารถอ่านเพิ่มเติมอย่างละเอียดได้ที่: ทำความรู้จักเครื่อง HIFU มีกี่ยี่ห้อ แตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

 

หลักการทำงาน Botox

เมื่อฉีด Botulinum toxin เข้าไปแล้ว สารชนิดนี้จะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการปล่อยสารเคมี Acetylcholine จากส่วนปลายของเซลล์ประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงชั่วคราว ผิวหนังจึงดูเรียบตึงขึ้น ไม่เกิดรอยพับ โดย Botulinum toxin แต่ละยี่ห้อมีการทำงานที่คล้ายกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่กระบวนการเทคโนโลยี กรรมวิธีในการผลิต ความบริสุทธิ์ ชนิดโปรตีน ขนาดของโมเลกุลที่แต่ละยี่ห้อใช้ เป็นต้น

 

สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี?” ได้ที่: โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อต่างกันไหม เลือกอย่างไรให้เหมาะกับตนเอง

 

ข้อดี-ข้อเสียของ HIFU กับ Botox 

HIFU กับ Botox ทั้งสองหัตถการนี้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และแต่ละหัตถการก็จะมีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนี้

ข้อดี-ข้อเสียของการทำ HIFU

ข้อดีของการทำ HIFU คือไม่มีการใช้เข็ม ไม่มีเลือดออก ไม่เป็นรอยแผล หลังทำ HIFU เสร็จสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีประมาณ 10-20% ว่าผิวบริเวณที่ทำยกกระชับขึ้น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 5-6 เดือน หรือในบางรายมากสุดนานถึง 1 ปี 

การทำ HIFU จะมีข้อเสียเล็กน้อยตรงที่หลังทำอาจมีรอยแดงเกิดขึ้นได้ แต่สามารถหายได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง รวมถึงระหว่างการทำ HIFU คนไข้จะรู้สึกเจ็บและตึง ๆ เล็กน้อย เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นอาจจะต้องทำการรักษาอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อปี 

หากมีข้อสงสัยว่าทำ “ HIFU เจ็บไหม?” สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: HIFU เจ็บไหม เลือกทำ Hifu อย่างไรให้ปลอดภัย เห็นผลชัดเจน มีผลข้างเคียงน้อย

นอกจากนี้ก่อนเข้ารับการทำ HIFU ควรตรวจสอบคลินิก เครื่อง HIFU ที่ใช้ และผู้ทำ HIFU ว่าใช่หมอหรือไม่ เพราะถ้าหากเจอเครื่อง HIFU หรือหัวยิงที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงผู้ที่ไม่ใช่แพทย์เป็นคนลงมือทำ HIFU ให้ อาจเกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายกับใบหน้าและร่างกายได้ เช่น เสี่ยงผิวไหม้ หน้าบวม หน้าเบี้ยวเนื่องจากโดนเส้นประสาท

ข้อดี-ข้อเสียของการฉีด Botox

ข้อดีของการฉีด Botox คือสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ฉีดเพื่อลดริ้วรอยทั่วใบหน้า เช่น หน้าผาก ระหว่างคิ้ว ตีนกา เส้นรอยยิ้ม ร่องแก้ม
  • ฉีดลดกรามและลิฟท์กรอบหน้าเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียว เล็ก และกระชับกรอบหน้า 
  • ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น น่องแขน น่องขา 
  • ใช้ทางการแพทย์ เช่น ฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน เป็นต้น

 

“FDA (Food and Drug Administration) ได้อนุมัติให้ใช้สาร Botulinum toxin รักษาโรคต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ภาวะเหงื่อออกมาก (Hyperhidrosis) ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (Spasticity) โรคไมเกรน (Migraine) การหดตัวผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูด (Sphincters)”

นอกจากนี้ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์คือ เป็นสารที่สามารถสลายได้เองภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่การฉีดโบท็อกซ์ก็มีข้อเสียเช่นกันคือ หลังทำอาจมีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด มีอาการปวดบวม และเป็นหัตถการที่ใช้เข็ม ผู้ที่มีอาการกลัวเข็มอาจจะต้องหลีกเลี่ยงหัตถการนี้

 

ถึงแม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์จะมีราคาที่ถูกกว่าการทำ HIFU แต่ก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรตรวจสอบให้ดี เนื่องจากโบท็อกซ์เป็นยาที่เจอของปลอมและยาหิ้วที่ไม่สามารถตรวจสอบที่มาได้ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นควรตรวจสอบโบท็อกซ์แท้ยี่ห้อต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนก่อนเข้ารับการฉีด หากต้องการรักษาผลลัพธ์ของโบท็อกซ์ไว้ควรกลับมาฉีดซ้ำหลังโบท็อกซ์สลายหมดประมาณ 4-6 เดือน และไม่ควรฉีดถี่เกินไปเพื่อไม่ให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์

 

HIFU กับ Botox ควรทำอะไรก่อนกัน?

Hifu กับ Botox ควรทำอันไหนก่อน

ในเคสที่ต้องการปรับรูปหน้าอาจจะต้องทำ Botox ก่อน HIFU เนื่องจากจะมีการฉีดโบลดกรามแก้ปัญหากรามใหญ่ หรือฉีดโบลิฟท์กรอบหน้า เมื่อโบท็อกซ์ออกฤทธิ์เต็มที่ประมาณ 14 วัน หรือ 1 เดือนแล้วค่อยดูผลลัพธ์ว่าควรทำ HIFU เสริมตรงจุดไหนเพิ่มเติม เพื่อยกกระชับผิวและกรอบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงเก็บริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า ทั้งนี้ลำดับการทำหัตถการก่อน-หลังควรอยู่ในดุลยพินิจของหมอที่รับผิดชอบเคสของแต่ละบุคคล

 

HIFU กับ Botox ทำพร้อมกันได้ไหม?

Hifu กับ Botox ทำพร้อมกันได้ไหม

ปัจจุบันยังไม่มี Clinical Guidelines สำหรับการทำหัตถการหลายอย่างว่า ควรทำตามลำดับก่อน-หลังอย่างไร หากมีหลายปัญหาที่ต้องแก้ไขด้วยหลายวิธี ลำดับในการทำหัตถการมักขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้ทำการประเมินและให้การรักษา ร่วมกับความคาดหวังและความกังวลของคนไข้เป็นหลัก ซึ่งต้องประเมินเป็นราย ๆ ไป 

 

ในกรณีที่ฉีด Botox ก่อน แนะนำให้เว้นระยะห่างจากการทำ HIFU 14-28 วัน เพื่อให้ Botox จับและออกฤทธิ์เต็มที่ก่อน อย่างไรก็ตามหากต้องการทำสองหัตถการพร้อมกันก็สามารถทำได้ โดยแนะนำให้เริ่มจากการทำ HIFU และพักผิวหน้าสักระยะจึงค่อยทำการฉีด Botox 

 

ทั้งนี้ลำดับในการทำขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษาและสภาพผิวของคนไข้ ซึ่งต้องประเมินจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกัน

 

ทำ HIFU กับ Botox แบบไหนดีกว่ากัน?

HIFU กับ Botox แบบไหนดีกว่ากัน? อย่างที่กล่าวไปว่าทั้งสองหัตถการช่วยแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ดังนั้นการตัดสินใจเลือกทำหัตถการใดจึงขึ้นอยู่กับว่าคนไข้ต้องการแก้ปัญหาตรงจุดไหน บริเวณไหน แม้ทั้งสองหัตถการสามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ช่วยปรับรูปหน้าเรียวได้ แต่ก็มีรายละเอียดและมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ควรพิจารณาจากปัญหาของตนเองเป็นหลัก รวมถึงราคา จำนวนครั้งที่ต้องทำ ระยะเวลาของผลลัพธ์ เป็นต้น 

 

ถ้าหากว่าเป็นผู้ที่เน้นการปรับรูปหน้าเรียว ลดบริเวณแก้ม เหนียง ลำคอ ก็สามารถใช้ HIFU ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องรูปหน้ามากนักและต้องการเน้นเรื่องริ้วรอยที่เกิดจากการขยับใบหน้า ต้องการลดขนาดกราม ก็เหมาะกับการใช้ Botox

 

HIFU กับ Botox เหมาะกับใคร?

หัตถการปรับรูปหน้าและลดริ้วรอยอย่าง HIFU กับ Botox นั้นมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกหัตถการให้เหมาะสมกับปัญหาตนเองก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาตรงกับความคาดหวัง 

 

HIFU

Botox

  • เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยไม่มากนักบริเวณใบหน้าและร่างกาย เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม เหนียง ลำคอ ต้นแขน/ขา 

 

  • เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยตีนกา ริ้วรอยระหว่างคิ้ว
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเรียว ลดไขมัน โดยการทำ HIFU บริเวณแก้มและเหนียง 

 

  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเรียวด้วยการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม หรือฉีดโบท็อกซ์ลิฟท์กรอบหน้า
  • เหมาะกับผู้มีริ้วรอยเล็กน้อย ไม่ลึกมาก เช่น ใต้ตา รอบปาก ร่องแก้มตื้นๆ

 

  • ผู้ที่ต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อแขน กล้ามเนื้อน่องขา 
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ลดไขมันส่วนเกิน บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ท้องแขน ต้นขา

 

  • ผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมาก มีกลิ่นกาย โดยการฉีดโบท็อกซ์รักแร้

สรุป

HIFU กับ Botox ต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป แต่ทั้งสองหัตถการก็สามารถช่วยปรับรูปหน้าและช่วยลดริ้วรอยได้ทั้งคู่ โดย HIFU กับ Botox ยังสามารถทำควบคู่กันไปได้ด้วยเพื่อเสริมให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือการทำ HIFU กับ Botox ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อประเมินและวางแผนลำดับการทำหัตถการได้อย่างถูกต้อง 

 

สำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถตัดสินใจเลือกทำ HIFU กับ Botox ได้ สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังผ่านทางออนไลน์กับแอปพลิเคชัน SkinX ได้ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตนเอง สำหรับผู้ที่ใช้งานแอปฯ SkinX ครั้งแรก ปรึกษาแพทย์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมพบกับดีลสุดคุ้มกับคลินิกดังมากมาย!

 

อ้างอิง

Botox injections. (2021, Febuary 02). Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/botox/about/pac-20384658#:~:text=Botox%20injections%20block%20certain%20chemical,forehead%20and%20around%20the%20eyes.

Dresden D. (2020, April 29). What is a HIFU facial, and does it work?. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/hifu-facial#what-is-it

MEDICATION GUIDE BOTOX® BOTOX® Cosmetic (Boe-tox) (onabotulinumtoxinA) for Injection. FDA. https://www.fda.gov/media/77359/download

 

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ใช้งานครั้งแรกปรึกษาฟรี
Tips & Tricks
สาระน่ารู้และข่าวประชาสัมพันธ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า