ปากกาลดน้ำหนักคืออะไร ลดความอ้วนได้จริงไหม ที่นี่มีคำตอบ
วิธีลดน้ำหนัก ลดความอ้วนมีอยู่หลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย คุมแคลอรี เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งวิธีเหล่านี้เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพและให้ผลดีระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม หลายคนที่ลองลดน้ำหนักด้วยวิธีธรรมชาตินี้แล้วก็ไม่เห็นผลชัดเจน ในตอนนี้มีแนวทางใหม่ก็คือการใช้ปากกาลดน้ำหนักนั่นเอง
อ่านชื่อ “ปากกาลดน้ำหนัก” แล้วดูเหมือนหลอกลวง ไม่น่าจะได้ผล แต่แท้จริงแล้วมีงานวิจัยรองรับอยู่ไม่น้อยว่าปากกาลดน้ำหนักสามารถลดน้ำหนักได้จริง ในบทความนี้ทาง SkinX เราขอแนะนำวิธีลดน้ำหนักทางการแพทย์อย่างปากกาลดน้ำหนักคืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร สามารถใช้ลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ มีข้อควรรู้อะไรบ้างก่อนใช้ ปากกาลดน้ำหนักราคาเท่าไหร่ ไปดูกันเลย!
SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเปิดสมาร์ตโฟนพบแพทย์ผิวหนังง่าย ๆ ทันที พิเศษสำหรับผู้ใช้งานครั้งแรกสามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังผ่านแอปได้ไม่มีค่าใช้จ่าย โหลดเลยที่ App store & Play store
ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร ทำความรู้จักกันได้ที่นี่
ปากกาลดน้ำหนัก คือ ยาลดน้ำหนักชนิดหนึ่ง อยู่ในรูปแบบเข็มฉีดยาที่มีหน้าตาคล้ายกับปากกา ภายในบรรจุตัวยาสำคัญอย่างยาฉีดลิรากลูไทด์ (Liraglutide) ที่ออกฤทธิ์ให้ร่างกายรู้สึกอิ่มเร็วและลดความอยากอาหาร ด้วยคุณสมบัตินี้จึงมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า “ปากกาคุมหิว” นั่นเอง
โดยปากกาลดน้ำหนักนี้มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถลดน้ำหนักในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ได้จริง และยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ว่าสามารถนำมาใช้รักษาผู้ป่วยโรคอ้วนและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้
“ปากกาลดน้ำหนักมีอยู่ 2 แบรนด์ที่มีส่วนประกอบหลักอย่าง Liraglutide คือ Victoza® และ Saxenda® โดย Victoza® ใช้สำหรับลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยการไปเพิ่มระดับอินซูลินหลังรับประทานอาหาร ส่วน Saxenda® ใช้สำหรับลดความอ้วนในผู้ป่วยที่มีค่า BMI เกิน 30 (ผู้ป่วยโรคอ้วน) และผู้ที่มีค่า BMI มากกว่า 28 (ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง เป็นต้น) โดยตัวยากลุ่มนี้จะต้องทำการคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วยจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี”
โรคอ้วน ต้นเหตุของโรคเรื้อรังอันตราย รู้เองได้ด้วยค่า BMI
ในปัจจุบันมีผู้ป่วยน้ำหนักเกินเกณฑ์และโรคอ้วนมากขึ้น เนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งการมีน้ำหนักตัวมากไม่ใช่เพียงแค่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพกายอีกด้วย
ถึงแม้ว่าหลายคนจะมีรูปร่างอ้วนท้วมแต่เมื่อไม่มีปัญหาทางสุขภาพ (หมายถึงไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ ) จึงคิดว่าตนเองสุขภาพปกติดีและละเลยการตรวจสุขภาพไป กว่าร่างกายจะแสดงอาการผิดปกติออกมาก็กลายเป็นโรคเรื้อรังเสียแล้ว
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ คุณสามารถสังเกตตนเองได้ด้วยค่า BMI หรือค่าดัชนีมวลกาย สามารถคำนวณได้จากสมการนี้
เมื่อคำนวณค่า BMI แล้วสามารถนำมาแปลผลได้ตามตารางนี้
ค่า BMI | ผลลัพธ์ |
น้อยกว่า 18.5 | น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ |
18.5-22.9 | ปกติ |
23.0-24.9 | อ้วนระดับ 1 |
25.0-29.9 | อ้วนระดับ 2 |
30 ขึ้นไป | อ้วนระดับ 3 |
นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตภาวะอ้วนได้จากเส้นรอบเอว โดยชาวเอเชียไม่ควรมีเส้นรอบเอวมากกว่า 80 เซนติเมตร (สำหรับผู้หญิง) และ 90 เซนติเมตรสำหรับผู้ชาย หากมีเส้นรอบเอวมากกว่าค่าดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและโรคเรื้อรังอื่น ๆ เนื่องจากมีไขมันสะสมตามช่องท้องมาก
ปากกาลดน้ำหนัก ทำงานอย่างไร
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.saxenda.com/about-saxenda/how-to-use-the-pen/_jcr_content/root/content/container_copy/parsys/image.coreimg.png/1619614720327/saxenda-2018-front-capped-pen.png
หลายคนที่ได้ยินคำว่า “ปากกาลดน้ำหนัก” ก็อาจมีข้อสงสัยว่าของสิ่งนี้มีหลักการทำงานอย่างไร ทำไมถึงช่วยลดน้ำหนักได้ แท้จริงแล้วปากกาลดน้ำหนักก็คือเข็มฉีดยาขนาดเล็กที่มีหน้าตาคล้ายกับปากกานั่นเอง ซึ่งเข็มของปากกาลดน้ำหนักจะมีขนาดเล็กมาก สามารถใช้ฉีดเข้าสู่ใต้ผิวหนังในบริเวณที่มีไขมันมาก เช่น ต้นขา ต้นแขน หรือหน้าท้อง ได้ในทุก ๆ วัน โดยตัวยาสำคัญของปากกาลดน้ำหนักก็คือ “ลิรากลูไทด์” นั่นเอง
ลิรากลูไทด์ (Liraglutide) คืออะไร สำคัญกับการลดน้ำหนักอย่างไรบ้าง
ภายในปากกาลดน้ำหนักจะบรรจุตัวยาลิรากลูไทด์ (Liraglutide) ซึ่งเป็นตัวยาที่สังเคราะห์เลียนแบบฮอร์โมนกลูคากอน (Glucagon Like Peptide 1: GLP-1) ที่พบได้ในร่างกาย เมื่อตัวยานี้เข้าสู่กระแสเลือดก็จะไปส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ดังนี้
- สมองส่วนไฮโปธาลามัสที่เป็นศูนย์ควบคุมความอยากอาหารได้รับสัญญาณจากลิรากลูไทด์ ทำให้รู้สึกอิ่มง่าย และหิวน้อยลง
- ลิรากลูไทด์จะทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินออกมามากขึ้นเมื่อพบว่ามีระดับน้ำตาลในเลือดสูง (ซึ่งมักจะหลั่งมาช่วงหลังรับประทานอาหาร) ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้โดยไม่ก่อให้เกิดระดับน้ำตาลต่ำเกินไป
- ลิรากลูไทด์ยังช่วยลดฮอร์โมนเปปไทด์กลูคากอนที่ทำงานตรงข้ามกับอินซูลิน คือ การเพิ่มระดับน้ำตาลและกรดไขมัน เมื่อระดับฮอร์โมนกลูคากอนลดลงจึงทำให้ไม่เกิดการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดนั่นเอง
- ลิรากลูไทด์จะไปลดการบีบตัวของกระเพาะ ทำให้มีอาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น และรับประทานอาหารได้น้อยลง
“Astrup และคณะ (2010) ได้ทดลองประสิทธิภาพของลิรากลูไทด์ โดยแบ่งกลุ่มอาสาสมัครออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับการฉีดยาลิรากลูไทด์, กลุ่มที่รับประทานยาลดความอ้วน Orlistat และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก โดยมีการควบคุมแคลอรีและออกกำลังกายในทุกกลุ่มอาสาสมัคร ผลการทดลองพบว่าอาสาสมัครที่ได้รับยาลิรากลูไทด์สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าอาสามัครกลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญ จึงสรุปได้ว่าการใช้ยาลิรากลูไทด์สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ปากกาลดน้ำหนัก เหมาะกับใคร
ปากกาลดน้ำหนัก เหมาะกับใครบ้าง?
- ปากกาลดน้ำหนักเหมาะกับผู้ที่มีค่า BMI มากกว่า 30 และมีสุขภาพปกติ
- ปากกาลดน้ำหนักเหมาะกับผู้ที่มีค่า BMI มากกว่า 27 และมีปัญหาทางสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
- ปากกาลดน้ำหนักเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักโดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
- ปากกาลดน้ำหนักเหมาะกับผู้ที่ผ่านการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ มาแล้วแต่ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- ปากกาลดน้ำหนักเหมาะกับผู้ที่มีนิสัยกินจุบจิบ มีภาวะอิ่มยากจากโรคอ้วนเรื้อรัง
ใครบ้างที่ห้ามใช้ปากกาลดน้ำหนัก
ปากกาลดน้ำหนักมีข้อห้ามใช้กับผู้ที่มีภาวะเหล่านี้
- ผู้ที่มีประวัติหรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์
- ผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์
- ผู้ที่มีภาวะตับอักเสบ
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่กำลังใช้ยารักษาโรคเบาหวานบางชนิดที่มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด รวมถึงผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่มีภาวะดื้ออินซูลิน
- ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย รวมถึงผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับ ตับอ่อน หรือไต
- ผู้ที่มีปัญหารุนแรงเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
นอกจากนี้ปากกาลดน้ำหนักไม่เหมาะกับผู้ที่มีนิสัยกินน้อย ไม่ค่อยกินจุบจิบ เนื่องจากลิรากลูไทด์จะยิ่งไปทำให้ความอยากอาหารลดลง จนอาจเกิดภาวะขาดสารอาหารได้ รวมถึงไม่ควรใช้ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และผู้ที่มีอายุมากกว่า 75 ปี หากมีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
วิธีใช้งานปากกาลดน้ำหนักที่ถูกต้อง
การใช้ปากกาลดน้ำหนักนั้นจะต้องระมัดระวัง และใช้ตามคำแนะนำตามแพทย์สั่งเท่านั้น โดยมีวิธีใช้งานดังนี้
- จะต้องฉีดยาทุกวัน วันละ 1 ครั้ง เวลาใดก็ได้ แต่ควรจะต้องฉีดเวลานั้นในทุก ๆ วัน
- สามารถใช้ปากกาลดน้ำหนักฉีดเข้าไปบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขาที่มีชั้นไขมันมากได้เลย โดยอาจสลับตำแหน่งบ้างเพื่อไม่ให้เกิดรอยช้ำหรือเกิดพังผืดจากการฉีดซ้ำตำแหน่งเดิม ๆ
- ระวังการใช้ยาปากกาลดน้ำหนักในปริมาณมากเกินไป เสี่ยงต่อภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้
- ควรใช้ปากกาลดน้ำหนักร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
- ไม่ใช้ปากกาลดน้ำหนักร่วมกับผู้อื่นเด็ดขาด
อ่านเพิ่มเติม : ปากกาลดน้ำหนักมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
คำแนะนำในการใช้ปากกาลดน้ำหนักเพื่อลดความอ้วน
ปากกาลดน้ำหนักจะช่วยควบคุมความอยากอาหาร ทำให้ในแต่ละวันคุณจะได้รับแคลอรีที่น้อยกว่าความต้องการของร่างกายต่อวัน (เมื่อมีการควบคุมการกินอย่างเหมาะสม)
เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอจึงมีการดึงไขมันซึ่งเป็นพลังงานสะสมมาเผาผลาญ แต่ปกติแล้วร่างกายมักจะดึงกล้ามเนื้อไปเผาผลาญเป็นพลังงานก่อนไขมันเสมอ ทำให้ในช่วงแรกน้ำหนักจะลดจากการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อก่อนสูญเสียไขมัน
หากคุณใช้ปากกาลดน้ำหนักด้วยตนเอง เห็นว่าน้ำหนักลดแล้วอาจไม่ระวังไปหยุดยาเอง และควบคุมการกินไม่ได้อาจทำให้น้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ที่สำคัญ ปากกาลดน้ำหนักจัดเป็นยาควบคุมพิเศษที่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น หากนำมาใช้โดยไม่มีแพทย์ดูแลอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้
ผลข้างเคียงจากการใช้งานปากกาลดน้ำหนัก
ปากกาลดน้ำหนักมีผลข้างเคียงอยู่หลายประการ เนื่องจากลิรากลูไทด์มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร และมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด โดยอาการผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมีดังนี้
- คลื่นไส้ พะอืดพะอม อาเจียน
- ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย
- ท้องเสีย ท้องผูก
- ปวดศีรษะ
- ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำระดับอันตราย
- เกิดความผิดปกติทางพฤติกรรมเนื่องจากขาดน้ำตาล
- อาการแพ้ยา เช่น ผื่นคัน, หัวใจเต้นผิดปกติ, อาการบวม ชาตามใบหน้าและลำตัว
นอกจากนี้การใช้ปากกาลดน้ำหนักยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลายอย่าง เช่น ตับอ่อนอักเสบ, เนื้องอกไทรอยด์, มะเร็งไทรอยด์ เป็นต้น
วิธีเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนัก
เพื่อให้ตัวยาในปากกาลดน้ำหนักคงประสิทธิภาพที่ดี สามารถจัดเก็บยาได้ตามวิธีดังนี้
- ให้เก็บปากกาลดน้ำหนักที่ยังไม่ได้ใช้ ไว้ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ไม่ควรแช่ช่องฟรีซ
- หากปากกาลดน้ำหนักถูกใช้งานแล้วให้เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง (ประมาณ 15-30 องศาเซลเซียส)
- ไม่สัมผัสกับแสงแดดและความร้อนนานเกินไป
- ถอดเข็มปากกาลดน้ำหนักออกทุกครั้งหลังใช้งาน ป้องกันตัวยารั่วซึมขณะจัดเก็บ
- เมื่อเปิดใช้งานปากกาลดน้ำหนักแล้วจะมีอายุเพียง 30 วันเท่านั้น หากเปิดครบ 30 วันแล้วควรทิ้งทันที ไม่เก็บไว้ใช้งานต่อ
สรุป
การลดน้ำหนักที่ดีและปลอดภัยคือการควบคุมอาหาร ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน โรคอ้วน อาจพึ่งตัวช่วยอย่างปากกาลดน้ำหนักเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีได้เร็วกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ปากกาลดน้ำหนักเป็นยาควบคุมพิเศษที่มีเงื่อนไขการใช้งาน และต้องจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น หากใช้ปากกาลดน้ำหนักด้วยตัวเอง ไม่อยู่ในการดูแลของแพทย์อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงและอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้
สนใจการลดน้ำหนักด้วยปากกาลดน้ำหนัก คุมหิว ลดการกินจุบจิบ ค้นหาดีลหัตถการจากโรงพยาบาลชั้นนำได้ที่แอปพลิเคชัน SkinX ราคาพิเศษเฉพาะสมาชิกเท่านั้น!
อ้างอิง
Astrup, A., Rössner, S., Van Gaal, L., Rissanen, A., Niskanen, L., Al Hakim, M., Madsen, J., Rasmussen, M. F., Lean, M. E., & NN8022-1807 Study Group (2009). Effects of liraglutide in the treatment of obesity: a randomised, double-blind, placebo-controlled study. Lancet (London, England), 374(9701), 1606–1616. https://doi.org/10.1016/S0140-6736(09)61375-1
Jackson, S. H., Martin, T. S., Jones, J. D., Seal, D., & Emanuel, F. (2010). Liraglutide (victoza): the first once-daily incretin mimetic injection for type-2 diabetes. P & T : a peer-reviewed journal for formulary management, 35(9), 498–529. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2957743/
Nuffer, W. (2019). Chapter 5 – Pharmacologic Agents Chapter for Abdominal Obesity. in Watson, RR. (Eds), Nutrition in the Prevention and Treatment of Abdominal Obesity (2nd, pp.51-66). https://doi.org/10.1016/B978-0-12-816093-0.00005-7
Saxenda®. (n.d.). Saxenda. https://www.saxenda.com/