ทำความรู้จักวิธีสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting ช่วยลดหุ่นได้จริงหรือ?
ถ้าให้เลือกได้เชื่อว่าไม่ว่าใครก็อยากจะมีสุขภาพที่ดี มีร่างกายที่สมส่วน แต่เพราะหลาย ๆ ปัจจัยไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิต รวมถึงอายุและสุขภาพทำให้อาจพบเจอปัญหาไขมันสะสมอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีไขมันส่วนเกินมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วถึงแม้ว่าจะออกกำลังกายหรือคุมอาหารแล้วก็ตามแต่หากมีแค่เพียงบางช่วงที่หลุดจากการควบคุมไปก็อาจทำให้กลับมามีส่วนเกินอีกครั้ง ทำให้หลายคนอาจหมดกำลังใจในการลดสัดส่วนหุ่นไปเลย
ในวงการแพทย์จึงมีทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่อยากจะลดสัดส่วนจากไขมันส่วนเกินอย่างถาวรด้วยการสลายไขมันด้วยความเย็น (CoolSculpting) ที่ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันในร่างกายเราไปอย่างถาวร ให้คุณสามารถกลับมามีหุ่นเฟิร์ม ไขมันน้อย มีความมั่นใจในตนเองมากขึ้นอีกครั้งโดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัดอีกด้วย ซึ่งในบทความนี้เราจะไปทำความรู้จักกับการสลายไขมันด้วยความเย็นกันอย่างละเอียดว่าคืออะไร มีหลักการกำจัดไขมันด้วยความเย็นอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง ให้คุณได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ที่ช่วยให้การหาหมอผิวหนังเฉพาะทางเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ต้องไปรอคิวที่คลินิกหรือโรงพยาบาลแบบเดิม ๆ อีกต่อไป สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้ทันทีในราคาสุดคุ้ม พิเศษ! เฉพาะลูกค้า SkinX ที่เข้ามาปรึกษากับแพทย์ผิวหนังครั้งแรก สามารถรับคำปรึกษากับแพทย์ผิวหนังได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย อย่ารอช้า ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ได้เลยที่ SkinX-พบหมอผิวหนังออนไลน์ (App Store & Google Play)
สลายไขมันด้วยความเย็น (CoolSculpting) คืออะไร
สลายไขมันด้วยความเย็น (CoolSculpting) เป็นวิธีลดไขมันโดยการใช้อุณหภูมิต่ำมาก ๆ ถึงระดับที่เย็นกว่าจุดเยือกแข็งในการทำลายเซลล์ไขมันที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ไขมันบางส่วนตายและหดตัวลง ร่างกายก็จะกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกผ่านระบบน้ำเหลือง ส่งผลให้เซลล์ไขมันที่อยู่ภายใต้ผิวหนังมีจำนวนลดลงและทำให้หุ่นเฟิร์ม ดูสมส่วนขึ้น
การทำ CoolSculpting หรือการลดไขมันด้วยความเย็นสามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้มากถึง 20-25% เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นวิธีลดไขมันโดยการลดจำนวนเซลล์ไขมันออกแบบไม่ต้องเจาะดูดไขมันหรือผ่าตัดใด ๆ ทำให้คุณสามารถลดไขมันได้ไม่ยากและไม่ต้องพักฟื้น ยิ่งหากคุณเป็นผู้ที่กำลังคุมน้ำหนัก เพื่อลดไขมันอยู่แล้ว การสลายไขมันด้วยความเย็นเพิ่มเติมจะยิ่งช่วยให้เห็นผลลัพธ์เร็วและชัดเจนขึ้นอย่างมาก
“CoolSculpting (CS) คือเครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นจากบริษัท Allergan Aesthetics ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ AbbVie ที่มุ่งเน้นในการพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีความงามทางการแพทย์ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่โด่งดังอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น BOTOX (onabotulinumtoxinA), JUVEDERM Injection Gel Filler, Natrelle เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ผลิต CoolSculpting ยังมีความเกี่ยวข้องกับ Thermage ซึ่งเป็นเครื่องกระชับผิวยอดนิยมอีกด้วย เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting นี้ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ในปี 2010 จึงมั่นใจได้ว่าสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับการลดเซลล์ไขมันได้อย่างปลอดภัย”
หลักการทำงานของ CoolSculpting
เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นหรือ CoolSculpting จะใช้หลักการกำจัดเซลล์ไขมันด้วยกระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) หรือการแช่แข็ง โดยอาศัยคุณสมบัติของเซลล์ไขมันที่สามารถแข็งตัวได้เร็วกว่าเซลล์ผิวหนังมาใช้ในการทำลายเซลล์ไขมันแบบจำเพาะเจาะจงและไม่ไปทำลายเซลล์อื่นรอบข้าง
เมื่อเครื่อง CoolSculpting ทำงานก็จะส่งคลื่นความเย็นในการดึงความร้อนจากภายใต้ผิวหนังขึ้นและทำให้อุณหภูมิบริเวณนั้น ๆ ต่ำลง ทำให้เซลล์ไขมันที่โดนความเย็นถูกทำลายกลายเป็นผลึกและหยุดการทำงานไป จากนั้นร่างกายก็จะค่อย ๆ กำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปผ่านทางระบบน้ำเหลืองซึ่งเป็นกระบวนการกำจัดเซลล์ตามธรรมชาติต่อไป
เซลล์ไขมัน คือ
Adipose cell หรือ เซลล์ไขมัน คือ เซลล์ประเภทหนึ่งภายในร่างกายโดยองค์ประกอบของเซลล์ไขมันจะมีชั้นไขมันอยู่ตรงกลางและห่อหุ้มไปด้วยเยื่อหุ้มเซลล์ที่มีโครงสร้างทำให้ส่วนไขมันและส่วนน้ำภายในร่างกายสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยหันด้านที่มีประจุออกภายนอกซึ่งเป็นส่วนของน้ำและหันด้านที่ไม่มีประจุเข้าข้างในซึ่งเป็นส่วนของไขมันนั่นเอง
เซลล์ไขมันในร่างกายเรานั้นจะมีอายุขัยที่ยาวกว่าเซลล์อื่น ๆ โดยจะอยู่กับร่างกายเราตั้งแต่เกิดจนถึงช่วยหมดอายุขัยเลยทีเดียว ในตอนแรกเกิดเซลล์ไขมันจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่เมื่อโตขึ้นเซลล์ไขมันก็สามารถเพิ่มจำนวนและขยายตัวได้เรื่อย ๆ ยิ่งประกอบกับการใช้ชีวิตอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ไม่ออกกำลังกาย หรือมีความผิดปกติใด ๆ ภายในร่างกายเกิดขึ้น เซลล์ไขมันนี้ก็จะขยายตัวขึ้นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เซลล์ไขมันต่อเซลล์มีขนาดใหญ่กว่าปกติ
อย่างที่ได้ทราบไปแล้วว่าเซลล์ไขมันมีอายุขัยที่ยืนยาว ดังนั้นเซลล์ไขมันจะสามารถคงอยู่กับร่างกายเราไปได้ตลอด และถึงแม้จะทำการลดน้ำหนักแล้วก็ตามแต่เซลล์ไขมันก็ไม่ได้หายไปไหน ทำได้เพียงแค่ให้เซลล์ไขมันมีขนาดเล็กลงเท่านั้น
หากเป็นผู้ที่มีเซลล์ไขมันมากกว่าปกติถึงแม้ว่าจะลดน้ำหนักและคุมอาหารก็ตาม แต่เมื่อมีเซลล์ไขมันอยู่เท่าเดิมก็ไม่สามารถทำให้สัดส่วนร่างกายลงได้อย่างถาวร และเมื่อกลับไปรับประทานอาหารแบบเดิม ๆ หรือมากกว่าเดิมก็จะทำให้เซลล์ไขมันกลับมามีขนาดใหญ่เช่นเดิม
อีกประเด็นที่น่าสนใจมาก ๆ หากเซลล์ไขมันที่ขยายตัวขึ้นจากเดิมไปแล้วประมาณ 4 เท่าจากเซลล์ไขมันปกติ ร่างกายก็จะมีการผลิตเซลล์ไขมันเพิ่มเพื่อรองรับไขมันเพิ่มเติม นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไขมันส่วนเกินขึ้น
“เซลล์ใดที่ทำหน้าที่เก็บสะสมไขมัน? คำตอบคือเซลล์ไขมัน (Adipose cell) นั่นเอง แต่เซลล์ไขมันเองก็มีหน้าที่อื่น ๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นแหล่งสะสมพลังงานของร่างกาย เป็นส่วนที่ช่วยปกป้องร่างกายจากอุณหภูมิภายนอก ทำหน้าที่ในการปกป้องร่างกายจากการถูกแรงกระแทก อีกทั้งยังมีความสำคัญในเรื่องการยอมให้สารบางชนิดผ่านเข้าสู่เซลล์ มีส่วนช่วยในการละลายวิตามินที่มีคุณสมบัติในการละลายในไขมัน การทำหน้าที่สะสมไขมัน สารพิษอื่น ๆ เพื่อรอกำจัดออกจากร่างกาย และมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนบางชนิดอีกด้วย”
เพราะเหตุนี้ในทางการแพทย์จึงได้คิดค้นวิธีการที่สามารถกำจัดเซลล์ไขมันให้มีจำนวนลดลง เมื่อมีเซลล์ไขมันลดลงก็สามารถทำให้ปริมาณสะสมของไขมันใต้ผิวหนังลดลงไปด้วย ในปัจจุบันมีวิธีทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับกำจัดเซลล์ไขมันใต้ผิวหนังให้ลดลงอยู่หลายวิธี แต่วิธีสลายไขมันที่ให้ผลอย่างชัดเจนและเป็นที่นิยมจะมีอยู่ 2 วิธี คือการดูดไขมันและการสลายไขมันด้วยความเย็น
CoolSculpting ข้อดีมีอะไรบ้าง
การสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting มีข้อดีเด่น ๆ อยู่ดังนี้
- CoolSculpting เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองจาก FDA มั่นใจได้ถึงความปลอดภัย
- CoolSculpting สามารถให้ความเย็นเพื่อทำลายเซลล์ไขมันอย่างจำเพาะเจาะจงและไม่ไปทำอันตรายต่อเซลล์ผิวหนังชั้นนอก หรือเซลล์อื่น ๆ บริเวณรอบข้าง
- CoolSculpting สามารถหยุดการทำงานของเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันถูกทำลายได้สูงถึง 20-25% หลังจากการรักษาเพียงครั้งเดียว
- การสลายไขมันด้วยความเย็นจากเครื่อง CoolSculpting ไม่ก่อให้เกิดบาดแผลบนผิวหนังเพราะไม่ใช่การผ่าตัด และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้น
- เซลล์ไขมันที่โดนทำลายด้วย CoolSculpting จะหายไปอย่างถาวร หากหลังทำการสลายไขมันด้วยความเย็นแล้วมีการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยเป็นการคุมไม่ให้เซลล์ไขมันผลิตหรือขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกก็สามารถทำให้สัดส่วนยังคงสภาพดีตลอด
- CoolSculpting สามารถกลับไปทำซ้ำที่จุดเดิมได้เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น
ข้อจำกัดของ CoolSculpting ที่ต้องรู้
การสลายไขมันด้วยความเย็นนั้นยังมีข้อจำกัดอยู่บางประการ ดังนั้นก่อนจะเข้าไปทำ CoolSculpting อาจต้องทราบข้อจำกัดของ CoolSculpting เสียก่อน ดังนี้
- การสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting จะไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ทันทีหลังทำ และต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะเป็นการใช้คลื่นความเย็นในการทำลายเซลล์ไขมันใต้ผิวหนัง และไม่ได้มีการเจาะหรือดูดเซลล์ไขมันออกแต่อย่างใด ทำให้เซลล์ไขมันที่หยุดทำงานแล้วก็จะยังคงอยู่ชั้นใต้ผิวหนังเช่นเดิม แต่ร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดทิ้งออกไปผ่านระบบน้ำเหลือง ดังนั้นอาจสามารถสังเกตผลลัพธ์หลังทำ CoolSculpting ได้หลังจากทำหัตถการไปแล้วประมาณ 1-3 เดือน
- การสลายไขมันด้วยความเย็นจากเครื่อง CoolSculpting นั้นไม่เหมาะกับผู้ที่มีชั้นไขมันมากเกินไป หรือมีค่า BMI>35 เพราะจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน หรืออาจไม่เห็นความแตกต่างก่อน-หลังทำเท่าไหร่นัก
- CoolSculpting เป็นเครื่องมือที่ใช้สลายไขมันด้วยความเย็นที่มุ่งเน้นในเรื่องช่วยปรับสัดส่วนร่างกายจากเซลล์ไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังเท่านั้น ไม่ใช่เครื่องมือช่วยลดน้ำหนักได้ อีกทั้งยังไม่สามารถกำจัดเซลล์ไขมันที่เกาะอยู่ตามอวัยวะภายในหรือใต้กล้ามเนื้อได้
- CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความผิดปกติทางร่างกายบางประการ เช่น โรคแพ้ความเย็น ผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ ผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดในบริเวณที่ต้องการสลายไขมัน ผู้ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ผู้ที่มีเครื่องควบคุมการเต้นของหัวใจ รวมไปถึงผู้หญิงระหว่างมีประจำเดือน
CoolSculpting ทำบริเวณใดได้บ้าง?
การสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting สามารถทำได้หลายบริเวณ ได้แก่
- หน้าท้องบนและล่าง
- รอบเอว
- ต้นแขน
- ต้นขา
- ใต้คาง
- สะโพก
- ใต้ราวนม
- ใต้รักแร้ (นมน้อย)
- ปีกหลัง
CoolSculpting มีหัวกี่แบบ ต่างกันอย่างไร
การใช้เครื่องกำจัดไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting ในการกำจัดเซลล์ไขมันแต่ละส่วนก็จะมีการใช้หัวแอปพลิเคเตอร์ (Applicator) หรือหัวยิงพลังงานที่มีรูปร่างแตกต่างกันไป โดยแพทย์จะประเมินตามความเหมาะสมว่าต้องการสลายไขมันส่วนไหนจะต้องใช้หัวแบบไหน
โดยหัวแอปพลิเคเตอร์มีอยู่หลายแบบ แต่ละแบบก็เหมาะสมกับการสลายไขมันบริเวณต่างกัน ดังนี้
- CoolMini : เหมาะกับบริเวณใต้คาง เข่า นมน้อย
- CoolSmoothPRO : เหมาะกับบริเวณต้นขาด้านนอก
- CoolAdvantage , CoolAdvantagePetite : เหมาะกับบริเวณต้นแขน ปีกหลัง ใต้ราวนม หน้าท้อง รอบเอว ต้นขาด้านใน
- CoolAdvantagePlus : เหมาะกับบริเวณหน้าท้องและรอบเอว
CoolSculpting เหมาะกับใครบ้าง
การกำจัดไขมันด้วยความเย็นจากเครื่อง CoolSculpting เหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้
- ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดและต้องการปรับสัดส่วนให้ลดลง
- ผู้ที่มีค่า BMI ไม่เกิน 30
- ผู้ที่ผ่านการลดน้ำหนักด้วยการคุมอาหารและออกกำลังกายมาแล้วแต่สัดส่วนยังคงเท่าเดิมหรือลดสัดส่วนลงได้ไม่ตามเป้าหมาย
- ผู้ที่ต้องการลดเซลล์ไขมันส่วนเกินภายใต้ผิวหนังแต่ไม่ต้องการทำหัตถการผ่าตัดหรือเจาะดูดไขมัน
การเตรียมตัวก่อนทำสลายไขมันด้วยความเย็น
ก่อนเข้ารับบริการสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting อาจต้องเข้ามาพบแพทย์เพื่อทำการประเมินสัดส่วนของร่างกายว่ามีความเหมาะสมที่จะใช้ CoolSculpting ในการทำหัตถการสลายไขมันหรือไม่ หากประเมินแล้วว่าเหมาะสมที่จะสลายไขมันด้วยความเย็นก็จะมีการนัดหมายเพื่อเข้ามาทำหัตถการอีกครั้ง
ส่วนในเรื่องการเตรียมตัวก่อนทำหัตถการ CoolSculpting อาจไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรมากนัก สามารถรับประทานอาหารและใช้ชีวิตประจำวันปกติก่อนทำหัตถการได้เลย
ขั้นตอนการทำสลายไขมันด้วยความเย็น
การทำ CoolSculpting จะมีขั้นตอนไม่มาก ใช้เวลาทำเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เลย โดยจะมีขั้นตอนดังนี้
- ในวันที่เข้ารับบริการสลายไขมันด้วยความเย็น เจ้าหน้าที่จะมีการเก็บข้อมูลผู้เข้ารับบริการได้แก่ น้ำหนักและสัดส่วนก่อนทำหัตถการ และมีให้เซ็นเอกสารยินยอมการทำหัตถการ
- จากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาผู้เข้ารับบริการไปเปลี่ยนชุดและอาจมีการขออนุญาตถ่ายภาพสัดส่วนก่อนทำ CoolSculpting
- ทำความสะอาดบริเวณที่ทำหัตถการ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทาสารเคลือบป้องกันความเย็นจากเครื่อง CoolSculpting ลงบนผิว แล้วจึงแปะแผ่นเจลและตามด้วยหัวแอปพลิเคเตอร์ตามลำดับ
- เมื่อติดตั้งเสร็จก็เริ่มเปิดเครื่อง CoolSculpting โดยคลื่นความเย็นก็จะเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันใต้ผิวหนังแข็งตัว เมื่อจบรอบก็จะมีการนวดบริเวณที่ทำเพื่อให้เซลล์ไขมันแตกตัว
การดูแลตัวเองหลังทำสลายไขมันด้วยความเย็น
หลังเข้ารับการทำหัตถการสลายไขมันด้วยความเย็นแล้วผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเลย แต่เพื่อให้สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นอาจต้องมีการดูแลตนเองในเรื่องการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายเพื่อไม่ให้เซลล์ไขมันที่ยังอยู่เกิดการขยายตัวและแบ่งตัวเพิ่มขึ้นจนทำให้การสลายไขมันด้วยความเย็นนั้นไม่มีประโยชน์
หลังการรักษาทันที มีโอกาสเกิดรอยช้ำเป็นจ้ำเขียวหรือมีจุดเลือดออกเล็กที่ผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษา เกิดจากแรงดูดสุญญากาศที่ใช้ในการดูดผิวหนังเข้าไปในหัว applicator ซึ่งสามารถหายไปได้เองในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์
กำจัดไขมันด้วยความเย็น แต่ผิวไม่กระชับ สามารถทำอะไรได้บ้าง
การลดไขมันอย่างการกำจัดไขมันด้วยความเย็นนั้นเป็นการทำให้เซลล์ไขมันถูกทำลาย และถึงแม้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปร่างกายจะค่อย ๆ มีการจัดเรียงเซลล์ไขมันใหม่ แต่ผิวที่เคยเต่งตึงไปด้วยเซลล์ไขมันอาจเกิดอาการหย่อนคล้อย ไม่กระชับได้
หากหลังทำ CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็นแล้วพบว่าผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ สามารถเข้ารับการทำหัตถการอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อให้ผิวกลับมากระชับดียิ่งขึ้นได้ เช่นการทำ Thermage FLX หรือการทำ HIFU Macrofocus
Thermage FLX
Thermage FLX เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวโดยใช้คลื่นความร้อนวิทยุในการเข้าไปถึงผิวชั้นใน ความร้อนจะทำให้คอลลาเจนเก่าหดตัว ทำให้ผิวกระชับขึ้น อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ เพื่อให้ผิวแข็งแรง แน่น เรียบเนียนขึ้นอีกด้วย
อ่านบทความเกี่ยวกับการยกกระชับด้วย Thermage FLX เพิ่มเติมได้ที่ : Thermage FLX
Hifu Macrofocus
HIFU Macrofocus (UltraformerIII) เป็นอีกเครื่องมือที่ใช้ในการยกกระชับผิวด้วยการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ยิงเข้าไปสู่ผิวชั้นลึกเพื่อให้ผิวแต่ละชั้นเกิดการหดตัวและกระชับขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ คอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียนขึ้นกว่าเดิม
อ่านบทความเกี่ยวกับการยกกระชับด้วย Hifu Macrofocus เพิ่มเติมได้ที่ : Hifu Macrofocus
สลายไขมันด้วยความเย็น ราคาเท่าไหร่
ค่ารักษาการสลายไขมันด้วยความเย็นราคาจะอยู่ในช่วงหลักพันปลาย ๆ จนไปถึงหลักหมื่นต้น ๆ ต่อการรักษา 1 ครั้งหรือต่อบริเวณ ยิ่งหากมีบริเวณที่ต้องการสลายไขมันด้วยความเย็นกว้าง ราคาก็จะสูงขึ้นตามลำดับ
คำถามที่พบบ่อย
CoolSculpting เจ็บไหม ?
การทำ CoolSculpting นั้นเป็นหัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัดหรือใช้เจาะดูดใด ๆ จึงอาจไม่มีความเจ็บในส่วนนี้ แต่อาจรู้สึกเจ็บขณะที่ไขมันถูกแช่แข็งขณะที่เครื่อง CoolSculpting ส่งความเย็นไปยังเซลล์ไขมัน และอาจรู้สึกเจ็บจากการนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันแตกตัว ในบางรายอาจเกิดอาการปวดช้ำหลังทำหัตถการได้ แต่อาการช้ำก็จะหายไปได้เองหลังทำ CoolSculpting ไปแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์
CoolSculpting ได้ผลไหม
ผลลัพธ์หลังทำ CoolSculpting ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ปกติแล้วในการทำ 1 ครั้งสามารถลดไขมันออกไปได้ประมาณ 10-25% หากเป็นผู้ที่มีชั้นไขมันหนาอาจทำให้สังเกตผลลัพธ์ได้ค่อนข้างยาก และอาจต้องเข้ารับการสลายไขมันซ้ำเพื่อให้เห็นผลชัดเจนขึ้น
CoolSculpting ไม่ได้ผล เป็นเพราะอะไร ?
การทำ CoolSculpting แล้วไม่ได้ผลอาจเป็นเพราะร่างกายมีความไม่เหมาะสมต่อการสลายไขมันด้วยความเย็น เพราะการทำ CoolSculpting นั้นเหมาะกับผู้ที่มีค่า BMI ไม่สูงมาก หากคุณมีค่า BMI ที่สูงเกินไปอาจทำให้การสลายไขมันด้วยความเย็นนั้นไม่เห็นผลชัดเจนแม้ว่าสัดส่วนบริเวณนั้นจะลดลงแต่ไม่มากเพียงพอกับความคาดหวังของผู้มารับการรักษา ซึ่งในกลุ่มนี้จะเหมาะกับการดูดไขมันมากกว่า
อีกทั้งการทำ CoolSculpting นั้นสามารถสลายไขมันได้แค่บริเวณใต้ผิวหนังเท่านั้น หากเป็นไขมันสะสมตามอวัยวะภายใน (visceral fat) หรือใต้กล้ามเนื้อการทำ CoolSculpting ก็ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้
CoolSculpting ทำที่ไหนดี ?
การทำหัตถการใด ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การผ่าตัดแต่เพื่อความปลอดภัย ควรจะเข้ารับบริการกับสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ โดยสามารถพิจารณาได้ดังนี้
- สถานพยาบาลนั้นจะต้องมีความน่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้อง
- สถานพยาบาลนั้นจะต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำอยู่เสมอ
- สถานพยาบาลนั้นควรจะใช้อุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย และใช้ของแท้เท่านั้น
- ควรดูรีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริงก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ และพิจารณาว่าผู้รีวิวไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งอาจจะมีโอกาสที่ข้อมูลในการรีวิวจะเสนอแต่ข้อดี
- ราคาควรจะมีความสมเหตุสมผล
สรุป
ปัญหาไขมันส่วนเกินนั้นสามารถทำให้สูญเสียความมั่นใจในตัวเองได้ไม่ยาก อีกทั้งบางคนที่เคยผ่านการคุมน้ำหนักหรือออกกำลังกายมาแล้วแต่สัดส่วนก็ยังไม่ยอมลงตามไปเท่าที่ควรก็อาจเกิดความท้อแท้ โดยทางการแพทย์สามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting ซึ่งเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด และให้ผลลัพธ์ที่ดี อีกทั้งยังไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
แต่ก่อนจะเข้ารับบริการลดไขมันด้วย CoolSculpting ควรจะขอคำปรึกษาจากแพทย์ก่อน เนื่องจากการทำ CoolSculpting อาจมีข้อจำกัดบางประการที่อาจไม่ได้ตอบโจทย์กับทุกคน SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ออนไลน์ที่รวบรวมแพทย์ผิวหนังจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำให้คุณสามารถพบแพทย์ได้ทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งยังมีดีลสุดพิเศษเฉพาะลูกค้า SkinX เท่านั้น
อ้างอิง
Cloudwedi. (2022, March 31). 10 Benefits of CoolSculpting: An Effective Fat-Freezing Treatment. brynmawrdermatology. https://www.brynmawrdermatology.com/10-benefits-of-coolscupting/
Rachel, RE. (2022, February 17). CoolSculpting. WebMD. https://www.webmd.com/beauty/CoolSculpting
Kilmer, SL. Burn, AJ. & Zelickson, BD. (2016). Safety and efficacy of cryolipolysis for non-invasive reduction of submental fat. Lasers in Surgery and Medicine, 48:3–13. https://doi.org/10.1002/lsm.22440