RF คลื่นความถี่วิทยุสลายไขมัน ยกผิวกระชับ ห่างไกลริ้วรอย
RF หนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สายบิวตี้น่าจะเคยได้ยินกันมาบ้าง เป็นหนึ่งในหัตถการที่ช่วยกระชับผิวให้เต่งตึง เรียบเนียนขึ้น อีกทั้งยังช่วยสลายไขมันส่วนเกินที่เป็นปัญหากวนใจได้อีกด้วย
หลายคนที่มีความต้องการยกกระชับและลดไขมันส่วนเกินอาจสนใจการทำ RF แต่ก่อนจะเลือก RF เป็นหัตถการที่จะมาแก้ปัญหาของเรา แนะนำว่าควรจะศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับ RF หรือ Radio Frequency คืออะไรก่อนจะดีกว่าและ RF สามารถให้ในสิ่งที่คุณต้องการได้จริง ๆ หรือไม่ ในบทความนี้ SkinX ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ RF มาให้คุณ ณ ที่นี้แล้ว
SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางออนไลน์ที่ได้รวบรวมแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางมากมากกว่า 210 ท่านจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำมาให้คุณได้พบแบบง่าย ๆ สะดวกที่สุด ไม่ต้องเดินทางพบแพทย์ถึงที่ก็สามารถขอคำปรึกษาและรับคำแนะนำจากแพทย์ได้ทันที หากจำเป็นต้องใช้ยาทาง SkinX ก็มีบริการจัดส่งยาให้คุณถึงที่บ้าน ง่ายและสะดวกขนาดนี้อย่ารอช้า โหลดเลยที่ App store และ Play store
ตอบข้อสงสัย RF คืออะไร?
Radio Frequency หรือ RF คือเทคโนโลยีกระชับผิวที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการเข้าไปจัดระเบียบโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังใหม่ รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการสร้างของคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นทำให้ผิวที่หย่อนคล้อย ไม่กระชับจากโครงสร้างภายใต้ผิวเสื่อมสภาพกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ผิวจึงเต่งตึง เรียบเนียน กระชับ คล้ายตอนที่ผิวยังแข็งแรงนั่นเอง
RF มีหลักการทำงานอย่างไร?
หลักการทำงานของ RF นั้นจะใช้เครื่องที่เป็นแหล่งจ่ายพลังงานในการส่งคลื่นวิทยุที่ช่วงความถี่ 0.3-1.0 MHz ผ่านหัวจ่ายเฉพาะและส่งมายังบนผิวชั้นบน พลังงานจะลงสู่ใต้ผิวหนังในลักษณะการกระจายแบบกว้าง คลื่น RF สามารถลงไปได้ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้าซึ่งเป็นชั้นบนสุดของผิว ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เมื่อคลื่นพลังงานที่ผ่านลงไปใต้ผิวหนังเกิดการแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนก็จะไปช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างในแต่ละชั้นที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ชั้นหนังกำพร้า : คลื่น RF จะช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น ดูเล็กลง และผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- ชั้นหนังแท้ : คลื่น RF จะไปทำให้โครงสร้างใต้ผิวหนังเกิดการเรียงตัวใหม่ และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินที่เป็นหนึ่งในโครงสร้างผิวหนังเพิ่ม ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ยืดหยุ่น และกระชับ
- ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง : คลื่น RF จะไปทำลายเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันส่วนเกินลดลง กระชับ สัดส่วนดีขึ้น
และเพื่อให้ไขมันส่วนเกินสลายตัวดีขึ้น เครื่อง RF จะมีระบบนวดเพื่อเร่งการแตกตัวของไขมัน อีกทั้งยังช่วยให้สบายผิวมากขึ้นขณะทำหัตถการ
“ความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อยิงคลื่น RF หรือคลื่นวิทยุเกิดจากความต้านทานของเนื้อเยื่อภายในร่างกายต่อกระแสไฟฟ้า ซึ่งเนื้อเยื่อแต่ละชนิดนั้นมีค่าความต้านทานที่แตกต่างกัน สำหรับเนื้อเยื่อไขมันนั้นจะมีค่าความต้านทานสูงกว่าเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ เวลายิงพลังงาน RF ระดับเดียวกันลงชั้นใต้ผิวหนังที่มีทั้งเนื้อเยื่อไขมันและกล้ามเนื้อ สำหรับไขมันที่มีความต้านทานสูงกว่าจึงสามารถทำให้เกิดความร้อนสูงกว่าเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อนั่นเอง
ดังนั้นเมื่อยิงพลังงาน RF ลงสู่ผิวหนังทำให้บริเวณชั้นไขมันเกิดความร้อนสูงกว่าเนื้อเยื่อบริเวณอื่นและทำให้เซลล์ไขมันตายโดยที่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ น้อย”
RF ดีอย่างไร ทำไมจึงควรเลือก RF เป็นหัตถการที่แก้ไขปัญหาผิวของคุณ?
การรักษาแก้ไขปัญหาผิวทางการแพทย์ในปัจจุบันนั้นมีตัวเลือกอยู่มากมาย ซึ่งหัตถการแต่ละอย่างนั้นต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน สำหรับ RF หรือ Radio Frequency นั้นก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย ดังนี้
- RF แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ให้กลับมากระชับ เต่งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- RF สามารถกระชับรูขุมขนที่กว้างให้แคบและเล็กลง ผิวจึงดูเรียบเนียนขึ้น
- คลื่นวิทยุความถี่สูง RF นั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ผิวหลังรักษาจึงแข็งแรงและยืดหยุ่น
- RF สามารถปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น กรอบหน้าชัด
- RF สลายไขมัน กำจัดเซลลูไลท์ ลดไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังได้ เนื่องจากความร้อนที่เกิดจากคลื่นวิทยุความถี่สูงจะทำให้เกิดความร้อนที่ชั้นไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัว จากนั้นร่างกายก็จะกำจัดไขมันที่แตกตัวแล้วออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ
- RF เป็นหัตถการที่ไม่ใช้การผ่าตัด ไม่มีการเจาะดูด จึงไม่เกิดแผลตามผิว เจ็บตัวน้อยกว่า
- RF สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีได้ในระยะเวลาไม่นาน และสามารถคงผลลัพธ์ได้ประมาณ 4-6 เดือน
หากเทียบการทำหัตถการกลุ่มที่แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย การทำ RF นั้นเป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ดีพอสมควรเมื่อเทียบกับราคาที่มักไม่แพงเท่าหัตถการอื่น ๆ
ยกกระชับผิว สลายไขมันด้วย RF เหมาะกับใคร
มาดูกันว่าการทำ RF หรือ Radio Frequency เหมาะกับใครบ้าง และใครที่สามารถทำหัตถการนี้ได้บ้าง เพื่อให้ผลลัพธ์การรักษาที่พึงพอใจที่สุด และสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างปลอดภัย
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น หน้า V-Shape
- ผู้ที่มีเหนียงใต้คาง และมีไขมันส่วนเกิน
- ผู้ที่เคยผ่านการผ่าตัดดูดไขมันแล้วแต่ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
นอกจากนี้การทำ RF ยังเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีข้อจำกัดบางประการ ดังนี้
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด
- ผู้ที่ไม่ต้องการใช้ยาฉีดในการรักษาปัญหาผิว หรือผู้ที่กลัวเข็ม
- ผู้ที่ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดและไม่สามารถเข้ารับการทำหัตถการด้วยวิธีอื่น ๆ ที่มีข้อจำกัดบางประการ เช่น การสลายไขมันด้วยความเย็น การทำ Hifu เป็นต้น
- ผู้ที่ไม่ต้องการเจ็บตัวมาก
- ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น
- ผู้ที่อยากปรับสภาพผิวแต่มีงบจำกัด
ใครไม่เหมาะที่จะทำ RF
การกระชับผิวด้วยการทำ RF มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากไม่มีการผ่าตัด ฉีด เจาะดูด แต่การใช้คลื่นวิทยุ RF ในการแก้ไขปัญหาผิวนั้นยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้การทำ RF นั้นไม่สามารถทำได้กับทุกคน ดังนี้
- ผู้สูงอายุที่ผิวบางมาก
- ผู้ป่วยที่รับประทานยาต้านอักเสบ (เนื่องจากยาอาจส่งผลในการสร้างคอลลาเจนใหม่)
- ผู้ที่ติดเครื่องกระตุ้นหัวใจหรือมีอุปกรณ์ไฟฟ้าฝังในร่างกาย
- ผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ผิวไวต่อความร้อน
อยากแก้ไขปัญหาผิว ใช้ RF ทำจุดไหนได้บ้าง
หัตถการ Radio Frequency หรือ RF นี้สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาผิวได้ทุกจุดบนใบหน้าและตามร่างกายเลย เช่น เหนียงใต้คาง กรอบหน้า ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอบดวงตา คิ้ว หน้าผาก คอ ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง และส่วนอื่น ๆ ที่ต้องการ
RF ต่างจากเครื่องทำหัตถการอื่นอย่างไร
นอกจากการทำ RF ก็ยังมีหัตถการอื่น ๆ ที่ช่วยให้ผิวกระชับ ลดสัดส่วน ฟื้นฟูสภาพผิวได้เช่นกัน ในหัวข้อนี้เราจะมาดูกันว่าข้อแตกต่างของ RF กับเครื่องมือชนิดอื่นนั้นต่างกันอย่างไร
RF ต่างจาก hifu อย่างไร
RF และ Hifu เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ความร้อนในการลงไปแก้ไขปัญหาผิวเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นที่มาของความร้อน ความสามารถในการลงไปแก้ไขปัญหาผิว ผลลัพธ์หลังการรักษานั้นแตกต่างกัน ดังนี้
- แหล่งที่มาของความร้อนที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาผิว
สำหรับการทำ RF นั้นจะใช้คลื่นความถี่วิทยุยิงลงไปใต้ผิวหนัง ลักษณะการกระจายของคลื่นพลังงานจะกระจายออกเป็นวงกว้าง แต่สำหรับการทำ Hifu นั้นจะใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูงในการยิงพลังงานลงใต้ผิวหนัง โดยลักษณะของพลังงานที่ยิงลงไปนั้นจะเป็นแบบจุด ซึ่งจำเพาะเจาะจงต่อบริเวณที่ต้องการ
- ความลึกของพลังงานที่ลงสู่ชั้นใต้ผิวหนัง
คลื่นวิทยุ RF สามารถส่งพลังงานได้ลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง แต่การทำ Hifu นั้นสามารถส่งพลังงานได้ลึกมากถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างผิวหนังอย่างมาก
- ผลลัพธ์ที่ได้หลังรับการรักษาและความคงตัวของผลลัพธ์
คลื่นวิทยุ RF สามารถแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย ไม่กระชับของผิวหน้า กระชับรูขุมขนให้หน้าเรียบเนียนและยังสามารถสลายไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง ทำให้สัดส่วนดูเล็กลงอีกด้วย แต่หัตถการ RF นั้นจะคงผลลัพธ์ได้ประมาณ 4-6 เดือน (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล)
สำหรับการทำ Hifu นั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย ริ้วรอยแห่งวัยได้ดี ให้ผิวกระชับ เรียบเนียนขึ้นจากชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นล่างสุดที่เป็นเหมือนฐานโครงสร้างของผิวหนัง ผลลัพธ์จึงอาจทำให้เห็นผลยกกระชับได้นานถึง 12 เดือน
สนใจการทำ Hifu หัตถการยกกระชับผิว ไปทำความรู้จักกันได้ที่ : ทำความรู้จักเครื่อง Hifu มีกี่ยี่ห้อ แตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
RF ต่างจาก Thermage อย่างไร
Thermage คือเครื่องในกลุ่ม RF และเป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องมือยกกระชับผิวที่ใช้คลื่น RF ในการแก้ไขปัญหาผิว ที่ทำงานโดยการใช้คลื่นวิทยุแบบขั้วเดียวที่ทำให้สามารถลงเข้าไปแก้ปัญหาผิวได้ลึกกว่าแบบสองขั้ว และเหมาะกับการสลายไขมันใต้ผิวหนังที่เป็นส่วนเกินและทำให้ผิวกระชับได้ดี
นอกจากนี้เครื่องมือที่ใช้คลื่น RF ยังมีอยู่หลายแบรนด์หลายยี่ห้อที่อาจใช้รูปแบบพลังงาน RF แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละแบบนั้นเหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวที่ต่างกัน เช่น
- พลังงาน RF แบบขั้วเดียว (Monopolar RF) เหมาะกับการยกกระชับและกำจัดไขมันส่วนเกิน แต่เพราะพลังงานสามารถไปได้ลึกกว่าแบบสองขั้วจึงอาจทำให้รู้สึกเจ็บขณะทำกว่า
- RF แบบสองขั้ว (Bipolar RF) เหมาะกับการยกกระชับผิวชั้นบน ผิวหน้า และรู้สึกเจ็บปวดขณะทำน้อยมาก
- Tripolar RF การทำงานจะเป็นการผสาน Monopolar RF และ Bipolar RF ไว้ในเครื่องเดียวกัน
- RF แบบหลายขั้ว (Multipolar RF) สามารถส่งพลังงานได้ลึกและคุมทิศทางพลังงานได้ดี แต่ใช้พลังงานน้อยทำให้ขณะทำ RF จะรู้สึกเจ็บน้อย
ก่อนทำ RF จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ก่อนทำหัตถการ RF จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ RF
- หากมีบาดแผลหรือผิวหนังอักเสบจะต้องแจ้งแพทย์และรอจนกว่าจะหายดีก่อนจึงจะทำหัตถการ RF ได้
- หากมีโรคประจำตัว หรือกำลังรับประทานยาจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนทำหัตถการ RF เนื่องจากโรคบางโรคไม่สามารถทำหัตถการ RF ได้และยาบางชนิดก็ส่งผลให้ผลลัพธ์หลังรักษาไม่น่าเป็นที่พึงพอใจ
- หากมีประวัติทำหัตถการที่เกี่ยวกับผิวหนัง บริเวณที่ต้องการทำ RF ควรจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ เนื่องจากอาจต้องมีการเว้นระยะห่างของการทำหัตถการเพื่อความปลอดภัย
ขั้นตอนการทำ RF
การแก้ไขปัญหาผิวด้วย Radio Frequency หรือ RF นั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการรักษา โดยมีขั้นตอนการรักษาหลัก ๆ ดังนี้
- เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวบริเวณที่ต้องการทำหัตถการ RF ให้สะอาด ก่อนจะทายาชาลงไปและทิ้งไว้ให้ยาชาออกฤทธิ์
- แพทย์ใช้หัวจ่ายพลังงานจากเครื่อง RF มาคลึงนวดบริเวณที่ต้องการทำ RF โดยหัวจ่ายพลังงานของเครื่อง RF บางรุ่นนั้นมีหัวเฉพาะที่เหมาะสมกับพื้นที่ต่าง ๆ เช่น หัวทิปสำหรับลำตัว หัวทิปสำหรับดวงตา เป็นต้น
- ระหว่างที่คลื่น RF ลงใต้ผิวหนังอาจรู้สึกร้อนและเจ็บได้บ้างเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างไรก็ตามหากรู้สึกร้อนและเจ็บมากควรจะแจ้งให้แพทย์ทราบ
การดูแลตัวเองหลังทำ RF
ถึงผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการทำ RF นั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการ แต่เพื่อให้การทำ RF ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจที่สุดนั้นควรจะต้องดูแลตนเองหลังทำ RF ดังนี้
- หลังทำ RF เพื่อการสลายไขมันควรจะต้องดื่มน้ำให้มากอย่างน้อยวันละ 3-4 ลิตร เพื่อให้ร่างกายขับของเสียที่เกิดจากคลื่น RF ไปสลายไขมันออกไปจากร่างกาย และหลังจากนั้นให้ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นไม่ขาดน้ำ
- สามารถทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและกันแดดได้ตามปกติ
- งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เนื่องจากสารอนุมูลอิสระจะไปขัดขวางการฟื้นฟูของผิว และยังเป็นตัวเร่งให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพอีกด้วย
- อาจหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว รวมถึงการใช้สครับผิว เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองและอักเสบง่ายขึ้น
- สามารถทำหัตถการ RF ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ เป็นต้น โดยอาจขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อน
ผลข้างเคียงจากการทำ RF
Radio Frequency หรือ RF นั้นเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามการทำ RF ก็สามารถพบผลข้างเคียง เช่น อาการแสบร้อนใต้ผิว ผิวบวมแดงได้ ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน
แต่ในบางครั้งก็สามารถพบอาการผิวไหม้จากความร้อนที่มากเกินไปได้หากใช้เครื่อง RF ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือรับการรักษากับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์
ดังนั้นก่อนรับการรักษาควรจะต้องดูว่าเครื่อง RF ที่นำมาให้บริการนั้นได้รับรองจาก FDA และอย. ไทยหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
สรุป
Radio Frequency หรือ RF เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แก้ไขปัญหาผิวไม่กระชับ หย่อนคล้อย หรือปัญหารูขุมขนกว้างหน้าไม่เรียบเนียนโดยการส่งคลื่นวิทยุความถี่สูง RF ลงไปและเกิดความร้อนใต้ผิวหนัง ความร้อนจะไปช่วยในการจัดระเบียบโครงสร้างใต้ผิวเพื่อให้ผิวแข็งแรงขึ้น และยังสามารถสลายไขมันใต้ผิวหนังได้อีกด้วย ผลลัพธ์ที่ได้จึงทำให้ผิวเต่งตึง กระชับ เรียบเนียน และไขมันส่วนเกินลดลง
อยากแก้ไขปัญหาผิวด้วย RF? แนะนำปรึกษากับแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางได้ที่แอปพลิเคชัน SkinX เราเป็นตัวกลางที่ทำให้คุณและแพทย์ผิวหนังได้พบกันง่ายกว่าเดิม พิเศษสำหรับผู้ใช้งานใหม่สามารถขอคำปรึกษากับแพทย์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
อ้างอิง
Dayan, E. Burns, AJ. Rohrich, RJ. &Theodorou, SJ. (2020). The Use of Radiofrequency in Aesthetic Surgery. Plastic and Reconstructive Surgery – Global Open, 8(8): e2861. https://journals.lww.com/prsgo/Fulltext/2020/08000/The_Use_of_Radiofrequency_in_Aesthetic_Surgery.16.aspx
Rohrich, RJ. Schultz, KP. Chamata, ES. Bellamy, JL. & Alleyne, B. (2022). Minimally Invasive Approach to Skin Tightening of the Face and Body: Systematic Review of Monopolar and Bipolar Radiofrequency Devices. Plastic and Reconstructive Surgery, 150(4): 771-780. https://journals.lww.com/plasreconsurg/Abstract/2022/10000/Minimally_Invasive_Approach_to_Skin_Tightening_of.11.aspx
Yetman, D. (2020, July 17). What is Radiofrequency Skin Tightening? Healthline. https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/radio-frequency-skin-tightening