ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? ช่วยเรื่องใด รู้ปัจจัยเสี่ยงก่อนฉีดครั้งแรก
ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการรักษาทางด้านความงาม โดยการฉีดเพื่อลดริ้วรอย แก้ไขปัญหาบนใบหน้า ร่องแก้ม รวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ผิวหน้าเรียบ อิ่มฟู เต่งตึงขึ้น หรือฉีดบริเวณปากเพื่อให้ริมฝีปากอวบอิ่มขึ้น
ในบทความนี้ SkinX จะพาไปทำความรู้จักกับข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ว่า ฟิลเลอร์คืออะไร มีกี่ประเภท บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง ฟิลเลอร์ราคาเท่าไรต่อ CC ฟิลเลอร์ควรฉีดเท่าไรถึงจะพอดี ขั้นตอนการปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์
Key Takeaway
- การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คือ การฉีดสารเติมเต็มเข้าสู่ผิวหน้าบริเวณต่าง ๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอย ร่องลึกบริเวณใบหน้าให้ดูเรียบเนียน ผิวดูชุ่มชื้น และเต่งตึงขึ้น
- บริเวณที่มักได้รับความนิยมในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขผิวและปรับรูปหน้า จะได้แก่บริเวณใต้ตา, ปาก, คาง, ร่องแก้ม, จมูก, ขมับ และหน้าผาก
- ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่านอย. ไทยอัปเดตล่าสุดปี 2024 มี 10 ยี่ห้อ ได้แก่ Juvederm, Restylane, Neuramis, Belotero, e.p.t.q., Perfectha, YVOIRE, Revanesse Ultra, Definisse และ FLORE
ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร?
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าสู่ผิวหน้าบริเวณต่าง ๆ เช่น ปาก, ใต้ตา, ร่องแก้ม, หน้าผาก, ขมับ เป็นต้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยและร่องลึกบริเวณใบหน้าให้ผิวดูเรียบเนียน ชุ่มชื้น และเต่งตึงขึ้น รวมไปถึงการฉีดฟิลเลอร์ยังช่วยยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้ดูได้สัดส่วนมากขึ้น
โดยฟิลเลอร์ที่ใช้ในประเทศไทยปัจจุบัน เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ซึ่งสารตัวนี้มีคุณสมบัติในการช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น (Hydration) และทดแทนคอลลาเจน รวมไปถึงไฮยาลูรอนที่ร่างกายสูญเสียไปเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น การฉีดสาร Hyaluronic Acid เข้าสู่ผิวจึงช่วยเติมเต็มชั้นผิวหนังให้มีความยืดหยุ่น เต่งตึง เรียบเนียน ดูสุขภาพดี รวมถึงช่วยลดเลือนริ้วรอยได้
ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะทำการประเมินปัญหาผิว หรือปัญหาที่ต้องการแก้ไขก่อนการฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมตามแต่ละบุคคล รวมถึงแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ และรุ่นฟิลเลอร์ที่ควรใช้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น Botox, Hifu, Ulthera และ Thermage เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์เพื่ออะไร?
ฉีดฟิลเลอร์ช่วยอะไรบ้าง ฉีดฟิลเลอร์เพื่ออะไร? ตามธรรมชาติแล้วผิวของคนเราจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพตามอายุที่มากขึ้น และปัญหาผิวจะเริ่มตามมา ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย, ร่องลึก, หน้าตอบ, แก้มตอบ หรือริ้วรอยใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid จะช่วยลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย ช่วยเติมเต็มร่องลึกตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า ชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต เพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้กับผิว
นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ยังสามารถปรับรูปหน้าให้ดูสมมาตร ดูมีสัดส่วนขึ้น เป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถฉีดฟิลเลอร์มือ เพื่อแก้ปัญหามือแห้ง มือเหี่ยวย่นได้อีกด้วย
“หากฟิลเลอร์สลายหมดจะไม่ทำให้หน้าแก่ลง การฉีดฟิลเลอร์จะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดมีน้ำหล่อเลี้ยงมากขึ้น ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น คอลลาเจนและอิลาสตินก็จะถูกสร้างขึ้นด้วย หลังฟิลเลอร์สลายหมดผิวก็จะดูสุขภาพดีกว่าตอนยังไม่ได้ฉีดฟิลเลอร์ เพราะคอลลาเจนและอิลาสตินยังคงอยู่ในร่างกาย”
ประเภทของฟิลเลอร์มีกี่แบบ?
ฟิลเลอร์ (Filler) มี 3 ประเภท ได้แก่
1. Temporary Filler (ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว)
Temporary Filler หรือ ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว คือ ฟิลเลอร์ที่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และเป็นชนิดเดียวที่ผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั่นคือ ฟิลเลอร์ชนิดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) สามารถอยู่ได้ประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ เมื่อฟิลเลอร์สลายตัวก็สามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ
2. Semi Permanent Filler (ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร)
Semi Permanent Filler หรือ ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร คือ ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้หมด 100% ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรจะมีความปลอดภัยน้อยกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว สามารถอยู่ได้นานประมาณ 2-5 ปี ตัวอย่างฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร เช่น สารแคลเซียม, ไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxyapatite), สาร PLLA (Poly-L-lactic acid) และ สาร Polyalkylimide เป็นต้น
สารเติมเต็มในกลุ่มฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรอาจเกิดผลข้างเคียงได้ เนื่องจากไม่สามารถสลายได้หมด เมื่อฉีดไปนาน ๆ อาจเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือการอักเสบตามมา ทำให้รักษาหรือแก้ไขได้ยาก ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรนี้มีใช้ในต่างประเทศ แต่ยังไม่ผ่านอย. ในประเทศไทย
3. Permanent Filler (ฟิลเลอร์แบบถาวร)
Permanent Filler หรือ ฟิลเลอร์แบบถาวร คือ ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้ เป็นฟิลเลอร์ที่อยู่แบบถาวร และเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านอย. โดยสารเติมเต็มในกลุ่มฟิลเลอร์แบบถาวรนี้ เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน สาร PMMA (Polymethyl-methacrylate microspheres) หลังฉีดไปแล้วผิวจะไม่สามารถดูดซึมได้ ทำให้ตกค้างอยู่ในชั้นผิว
ฟิลเลอร์แบบถาวรหรือที่เรียกว่าฟิลเลอร์ปลอมนี้ มีผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อยผิดรูป หรือกลายเป็นพังผืด การรักษาทำได้โดยผ่าตัดออกหรือขูดออกเท่านั้น ไม่มียาฉีดสลายฟิลเลอร์ ผู้ที่จะฉีดฟิลเลอร์จึงไม่ควรฉีดสารเติมเต็มชนิดนี้
สารเติมเต็มในฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง?
Hyaluronic Acid
สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) จัดอยู่ในกลุ่มสารฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ร่างกายสามารถย่อยสลายเองได้ ซึ่งสารชนิดนี้จะจับตัวกับน้ำและพองขึ้นเป็นเจล มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง ดูชุ่มชื้น โดยสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน และเป็นฟิลเลอร์ชนิดเดียวที่ผ่านอย. ไทย
ฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid มีอยู่ในฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อ เช่น Juvederm, Restylane, Belotero, Neuramis, Yvoire เป็นต้น
สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับ Hyaluronic Acid สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ : ไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) สารเติมเต็มที่ช่วยให้ผิวอิ่มฟูได้จริงไหม?
Poly-L-lactic acid (PLLA)
สารเติมเต็ม Poly-L-lactic Acid หรือ PLLA เป็นสารเติมเต็มที่อยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แต่ไม่สามารถย่อยได้หมด 100% สารเติมเต็ม PLLA อยู่ได้นาน 2-5 ปี สารชนิดนี้ถูกใช้ในการแพทย์ เช่น ไหมละลาย ตะปูเกลียวยึดกระดูก เป็นต้น
Calcium Hydroxyapatite
สารเติมเต็ม Calcium Hydroxyapatite หรือ สารแคลเซียม ไฮดรอกซีอะพาไทต์ จัดอยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร สามารถละลายได้บางส่วนแต่ก็ยังมีตกค้างอยู่ใต้ชั้นผิว หากปล่อยทิ้งไว้นานหลายปีอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ต้องทำการผ่าตัดขูดออกเท่านั้น นอกจากนี้ สารเติมเต็มชนิดนี้ยังมักนำมาใช้ในการเติมหน้าอกและสะโพกอีกด้วย
Polyalkylimide
สารเติมเต็ม Polyalkylimide หรือพลาสติกสังเคราะห์ เป็นสารเติมเต็มที่อยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร มักใช้สำหรับรอยย่นลึก เช่น ร่องจมูกหรือรอยแผลเป็น สามารถย่อยสลายได้บางส่วน แต่ก็ยังมีสารตกค้างอยู่ใต้ชั้นผิว หากต้องการนำฟิลเลอร์ออกต้องทำการขูดออกเท่านั้น ไม่สามารถฉีดยาสลายฟิลเลอร์ได้
Polymethyl-methacrylate microspheres (PMMA)
สารเติมเต็มโพลีเมธิลเมธาไครเลต (PMMA) หรือ พลาสติกสังเคราะห์ เป็นฟิลเลอร์แบบถาวร ไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ มีลักษณะเป็นเม็ดกลมเรียบ ขนาดเล็กมาก สาร PMMA นี้ยังเป็นวัสดุสำหรับผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เลนส์แก้วตาเทียม (Intraocular Lens : IOL) หรือ Bone Cement เป็นต้น
คุณสมบัติต่างๆ ของฟิลเลอร์
- ความแข็ง (Elasticity)
ฟิลเลอร์ที่มีค่าความแข็งสูงจะเหมาะกับการฉีดเพื่อปรับโครงหน้าในชั้นกระดูก ฉีดยกผิวชั้นลึก มีความทนต่อแรงกดในแนวตั้ง จึงเหมาะแก่การฉีดบริเวณคาง จมูก หรือฉีดเพื่อดึงหน้า ปรับโครงหน้าเป็นต้น
- ความยืดหยุ่น (Resilient)
ฟิลเลอร์ที่มีค่าความยืดหยุ่นสูงจะทนต่อการขยับ ทนต่อแรงบิดในแนวนอน จึงเหมาะแก่การฉีดผิวบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ เช่น มุมปาก ร่องแก้ม แก้มตอบ
- ความกระจายตัว (Tissue Integration)
ฟิลเลอร์ที่มีความกระจายตัวจะเหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง ผิวบาง เพื่อให้ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วมีความเรียบเนียนไปกับผิว ไม่เป็นก้อน
- ค่าอุ้มน้ำ (Water Holding)
ฟิลเลอร์ที่มีค่าอุ้มน้ำสูง เมื่อฉีดไปแล้วจะฟูมาก จึงเหมาะกับฉีดบริเวณร่องแก้ม ขมับ ไม่เหมาะกับการฉีดใต้ตา เพราะจะเห็นความบวมได้ชัดเจน
- จำนวนการเชื่อมพันธะ (Crosslink)
ฟิลเลอร์ที่มีจำนวนพันธะเยอะจะอยู่ได้นานขึ้น สลายได้ช้าลง และอุ้มน้ำน้อยลง ฟูน้อยลง มีค่ากระจายตัวปานกลาง ทนต่อแรงบิดแนวนอนได้ดี จึงเหมาะแก่การฉีดบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เด่นด้านเทคโนโลยี Crosslink คือ ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm
- ขนาดเม็ดของฟิลเลอร์ (Particle size)
ฟิลเลอร์ที่มีขนาดเม็ดฟิลเลอร์ใหญ่จะอยู่ได้นานขึ้น และมีค่าความแข็งสูง การกระจายตัวต่ำ แต่จะไม่ทนต่อแรงบิดในแนวนอน หากฉีดในตำแหน่งที่มีการขยับบ่อย ๆ จะอยู่ได้ไม่นาน ฟิลเลอร์ที่มีขนาดเม็ดใหญ่จึงเหมาะกับการยกหน้าในผิวชั้นลึกได้ดีที่สุด โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ Restylane จะโดดเด่นในเทคโนโลยีด้านนี้ เรียกว่า เทคโนโลยี NASHA เนื่องจากใช้การขดเส้นใยของ HA ร่วมกับการใส่ Crosslink ทำให้ฟิลเลอร์เป็นเม็ดละเอียด เนื้อฟิลเลอร์จึงมีค่าความแข็งสูง เหมาะกับการยกพยุงผิว
เนื้อฟิลเลอร์มีกี่แบบ
เนื้อฟิลเลอร์โดยทั่วไปแล้วจะมีลักษณะแตกต่างกันไป เนื่องจากฟิลเลอร์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อมีเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่เหมือนกัน จึงทำให้คุณสมบัติทางกายภาพแตกต่างกัน โดยเนื้อฟิลเลอร์จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง
ฟิลเลอร์เนื้อแข็งจะมีลักษณะเนื้อเจลเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากกว่าฟิลเลอร์เนื้อชนิดอื่น ๆ เมื่อบีบออกมาแล้วสามารถเห็นเป็นเส้น จึงทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็งแรง คงตัวได้ดี สามารถใช้ยกผิวในชั้นกระดูกได้
ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เช่น Juvederm Voluma, Restylane Perlane Lift, Belotero Volume และ Perfectha Subskin
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มจะมีลักษณะเป็นเนื้อเจลคล้ายเยลลี่ เนื้อนุ่ม ไม่เป็นก้อน เนื้อไม่เหลว และไม่เป็นน้ำเหมือนฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มเหมาะสำหรับฉีดในชั้นไขมัน
ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เช่น Juvederm Ultra Plus, Restylane Classic, Belotero Balance
- ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด
ฟิลเลอร์เนื้อละเอียดจะมีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความบางเบาคล้ายน้ำ เนื้อเหลวมากกว่าฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เหมาะสำหรับฉีดในผิวชั้นตื้น และเหมาะกับการเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ โดยการฉีดฟิลเลอร์เนื้อละเอียดจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้
ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เช่น ฟิลเลอร์ Juverderm Volite, Restylane Vital Light, Belotero soft
บริเวณที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้
บริเวณไหนที่ฉีดฟิลเลอร์ได้? ฟิลเลอร์เหมาะกับการฉีดบนใบหน้า โดยจุดที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ คือ บริเวณใต้ตา, ปาก, คาง, ร่องแก้ม, จมูก, ขมับ และหน้าผาก
ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเห็นผล? หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลได้ทันที และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังจากผ่านไป 7-14 วัน การฉีดฟิลเลอร์มีข้อดีคือ ฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid จะสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างภายในร่างกาย
ฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา, ตาลึก, ตาโหล, ถุงใต้ตา และขอบตาดำ ให้กลับมาสดใส ผิวใต้ตาดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น และเต่งตึงมากขึ้น รวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์ยังแก้ปัญหาใต้ตายุบตัวของกระดูกและเนื้ออีกด้วย
สำหรับการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc ก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้การเติมฟิลเลอร์ใต้ตากี่ cc นั้น ขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาของแต่ละบุคคล ก่อนการเข้ารับหัตถการควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินปัญหาก่อน และหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถเห็นผลได้ทันที
โดยทั่วไปแล้วฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ รุ่นของฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเองหลังฉีด อีกทั้งยังควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มากประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น เพราะผิวใต้ตาเป็นบริเวณที่ละเอียดอ่อนมาก หากแพทย์ขาดความชำนาญ อาจทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดได้
ฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยที่ริมฝีปาก, ริมฝีปากบาง, ขอบปากคล้ำ, ปากแห้ง, ตกร่อง รวมถึงมุมปากตก ฟิลเลอร์ปากจึงช่วยเติมเต็มร่องปากให้ดูชุ่มชื้น อวบอิ่ม ไม่แห้ง และตกร่อง รวมไปถึงการฉีดฟิลเลอร์ปาก ยังสามารถปรับขนาดโครงสร้างปากให้เป็นรูปทรงที่สวยงามได้
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปากจะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล หลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะเห็นผลทันที โดยทั่วไปฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเองหลังฉีด
ฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คางจะช่วยแก้ปัญหาคางสั้น, คางเบี้ยว, คางไม่เท่ากัน, คางตัด รวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์คางจะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูสมมาตรขึ้น ได้สัดส่วนมากขึ้น ดูเรียวสวย โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์คาง จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1 cc หรือมากกว่า ตามปัญหาของแต่ละบุคคล หลังฉีดฟิลเลอร์คางสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน โดยฟิลเลอร์คางอยู่ได้แค่ 1-2 ปี ต่อการฉีด 1 ครั้ง หากไม่มีการมาเติมฟิลเลอร์ เนื้อฟิลเลอร์ก็จะสลายไปเองตามธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยแก้ปัญหาการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา และการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น และยังช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด รวมถึงแก้ปัญหาผิวแห้ง ชั้นผิวบางลง หลังทำสามารถเห็นผลได้ทันที
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 2 cc หรือมากกว่า ตามปัญหาของแต่ละบุคคล โดยฟิลเลอร์ร่องแก้มจะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน แล้วแต่ยี่ห้อและรุ่นที่เลือก
ฟิลเลอร์จมูก
การฉีดฟิลเลอร์จมูกจะช่วยเพิ่มความคมของสันจมูกหรือปลายจมูกขึ้นเล็กน้อย สำหรับการฉีดฟิลเลอร์จมูก จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1 cc สามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน
การฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกเป็นบริเวณที่ต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญการของแพทย์ เนื่องจากมีเส้นเลือดสำคัญอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งฟิลเลอร์จมูกยังไม่เหมาะกับคนที่วางแผนจะเสริมจมูกในอนาคต เพราะอาจเกิดปัญหาการยึดเกาะของแท่งซิลิโคนได้ หากฉีดฟิลเลอร์จมูกไปแล้วอยากผ่าตัดเสริมจมูก จะต้องขูดฟิลเลอร์ที่กระดูกจมูกตามแนวที่วางซิลิโคนออกก่อนเพื่อให้ซิลิโคนยึดเกาะจมูกได้ดีมากขึ้น
ฟิลเลอร์ขมับ
การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะช่วยปรับใบหน้าโดยรวมให้ดูสมดุล ได้สัดส่วนมากขึ้น ช่วยเติมเต็มบริเวณขมับตอบ ขมับลึก โดยไม่ต้องผ่าตัด นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ขมับยังช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยหางตาให้เต่งตึงขึ้น ชุ่มชื้นขึ้นได้อีกด้วย
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ขมับจะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc ตามปัญหาของแต่ละบุคคล โดยฟิลเลอร์ขมับจะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่เลือก
ฟิลเลอร์หน้าผาก
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยแก้ปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ มีร่องลึก รอยบุ๋มที่หน้าผาก ให้นูนขึ้น ฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยย่นที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc หรือมากกว่า ตามปัญหาของแต่ละบุคคล หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอาจมีอาการบวมได้เป็นปกติ แต่จะหายไปเองเมื่อผ่านไปประมาณ 7-14 วัน และฟิลเลอร์หน้าผากสามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่เลือกใช้
ยี่ห้อฟิลเลอร์ ที่ผ่าน อย. (อัปเดตปีล่าสุด)
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นมีเทคโนโลยี และคุณสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกัน จึงเหมาะแก่การฉีดในจุดที่แตกต่างกัน โดยฟิลเลอร์ที่ผ่านอย. ในประเทศไทยจะต้องเป็นชนิด Hyaluronic acid เท่านั้น
สามารถอ่านข้อมูลเต็มได้ที่บทความ : รวมทุกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. ต้องรู้!
Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อฟิลเลอร์สามารถอุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับของผิวหน้าได้ดี มีอัตราการบวมน้ำน้อย ส่งผลให้ผลลัพธ์หลังฉีด ผิวมีความเรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อีกทั้งยังมีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ช่วยให้ลดความเจ็บปวดบริเวณที่ฉีด
ในปัจจุบันฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm ที่ได้รับอย. มีทั้งหมด 7 รุ่น ดังนี้
- Juvederm Ultra Plus XC อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Ultra XC อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- Juvederm Volift อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Volite อยู่ได้นานถึง 9-12 เดือน
- Juvederm Volbella อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Volux อยู่ได้ประมาณ 18-24 เดือน
Restylane
ฟิลเลอร์ Restylane เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน ที่ช่วยเติมเต็มใบหน้าที่เกิดริ้วรอย มีร่องลึกให้เต็มขึ้นและดูเรียบเนียน และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้ยาวนาน นอกจากนี้ ยังเหมาะกับการแก้ปัญหาริมฝีปากโดยเฉพาะ เพราะเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีความคงตัวสูง สามารถช่วยสร้างริมฝีปากให้อวบอิ่ม ชัดเจนขึ้น และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นอีกด้วย
ในปัจจุบันฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane ที่ได้รับอย. มีทั้งหมด 8 รุ่น ดังนี้
- Restylane Perlane Lyft อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- Restylane Classic Lidocaine อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- Restylane Vital Light อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
- Restylane Vital อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- Restylane Refyne อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน
- Restylane Volyme อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
- Restylane Defyne อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
Restylane Kysse อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
Neuramis
ฟิลเลอร์ Neuramis เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี ที่สามารถแก้ปัญหาบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับ เติมเต็ม และปรับรูปหน้า
ในปัจจุบันฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis มีทั้งหมด 3 รุ่น ที่ผ่านอย. ดังนี้
- Neuramis Deep อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Neuramis Deep Lidocaine อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Neuramis Volume Lidocaine อยู่ได้นานสูงสุดถึง 2 ปี
Belotero
ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่มีความคงตัวมาก สามารถใช้ฉีดเสริมกระดูกและเนื้อเยื่อผิวหนังที่ยุบตัวลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นได้
ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero ที่ได้รับอย. มีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน ดังนี้
- Belotero Volume อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
- Belotero Intense อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
- Belotero Balance อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน
- Belotero Soft อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
e.p.t.q.
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. (Epitique) เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีที่ใช้เพื่อลดเลือนริ้วรอยร่องลึก รอยพับบนใบหน้า และช่วยบรรเทาความเจ็บขณะฉีด มีความปลอดภัยสูง ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการแพ้ได้
ในปัจจุบันฟิลเลอร์ e.p.t.q. ที่ผ่านอย. มีทั้งหมดด้วยกัน 3 รุ่น ดังนี้
- e.p.t.q. S100 อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน
- e.p.t.q. S300 อยู่ได้ประมาณ 8 เดือน
- e.p.t.q. S500 อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
Perfectha Filler
ฟิลเลอร์ Perfectha เป็นฟิลเลอร์จากประเทศฝรั่งเศสที่มีคุณสมบัติช่วยเรื่องความชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยปรับรูปทรง และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้ดี นอกจากนี้ ยังมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีการกำจัดสารกระตุ้นการก่อมะเร็งให้อยู่ในขั้นที่ปลอดภัยที่สุด
ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Perfectha ที่ผ่านอย. ในประเทศไทย มีทั้งหมด 4 รุ่น ดังนี้
- Perfectha Subskin อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- Perfectha Deep อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Perfectha Derm อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Perfectha Complement อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
YVOIRE
ฟิลเลอร์ YVOIRE เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีที่มีความยืดหยุ่นสูง ดูเป็นธรรมชาติ สามารถยึดเกาะได้อย่างดี มีความคงทน ไม่สลายตัวง่าย และช่วยยกกระชับผิว
ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ YVOIRE ที่ผ่านอย. ในประเทศไทยมีทั้งหมด 3 รุ่น ดังนี้
- YVOIRE Classic Plus อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
- YVOIRE Volume Plus อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
- YVOIRE Contour อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
Revanesse Ultra
ฟิลเลอร์ Revanesse รุ่น Ultra เป็นฟิลเลอร์รุ่นเดียวจากประเทศแคนาดาที่ผ่านอย. ในประเทศไทย สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน โดยเนื้อเจลมีความหนืดสูง ใช้ในการรักษาริ้วรอยระดับปานกลางจนถึงระดับลึก
Difinisse
ฟิลเลอร์ Difinisse เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอิตาลี ที่เนื้อเจลมีความคงตัวดี ช่วยปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งตัวฟิลเลอร์ยังมีความบริสุทธิ์สูง ลดความเสี่ยงในการแพ้ และลดอาการบวมหลังฉีดได้อีกด้วย
ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Difinisse ที่ผ่านอย. ในประเทศไทยมีทั้งหมด 3 รุ่น ดังนี้
- Difinisse Core อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
- Difinisse Restore อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- Difinisse Touch อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน
FLORE
ฟิลเลอร์ FLORE เป็นฟิลเลอร์จากเกาหลี ที่เนื้อเจลมีความคงตัวสูง ทำให้จัดรูปทรงตามต้องการได้ง่าย และกลืนไปกับผิวได้ดี ฉีดแล้วผิวดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อีกทั้งยังสลายช้า ผลลัพธ์หลังฉีดอยู่ได้ค่อนข้างนาน
ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ FLORE ที่ผ่านอย. ไทยมีทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้
- FLORE Aqua-S อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน
- FLORE Max อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
- FLORE Max 1400 อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- FLORE N อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
- FLORE S อยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี? ก่อนฉีดฟิลเลอร์เราควรศึกษาข้อมูลสถานพยาบาลหรือคลินิกฉีดฟิลเลอร์ ดังนี้
- ควรเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ
- ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ ใช้ฟิลเลอร์แท้ สะอาด ปลอดภัย มีเครื่องมือและอุปกรณ์ฉุกเฉินในกรณีที่เกิดปัญหา เช่น การแพ้ยา เป็นต้น
- ควรเลือกแพทย์ประจำคลินิกที่มีใบรองรับมาตรฐานจากแพทยสภา สามารถเช็กประวัติแพทย์ได้ และควรเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและศัลยกรรมความงาม
- ควรเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่มีการติดตามผล และให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวก่อนและหลังทำอย่างใกล้ชิด สามารถปรึกษาแพทย์ที่ทำเคสได้
- มีการแสดงอัตราค่ารักษาพยาบาล ค่าหัตถการต่าง ๆ รวมไปถึงราคาฟิลเลอร์ และสามารถสอบถามอัตราค่ารักษาได้
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ควรเลือกอย่างไร
การเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดีที่สุด ควรเลือกจากสภาพผิว และจุดที่ต้องการปรับแก้ไข หรือเติมเต็มจากใบหน้าของตนเอง เพราะฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นเหมาะกับการฉีดในจุดที่แตกต่างกัน และที่สำคัญควรเลือกฟิลเลอร์ของแท้ ไม่ควรใช้ของเลียนแบบหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
ในอีกกรณีหนึ่ง แพทย์จะเป็นผู้แนะนำว่าผิวของเราเหมาะกับฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน รุ่นไหน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับตัวเรา และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์
การปฏิบัติตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ควรศึกษาข้อมูลที่จำเป็น เช่น การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย การเลือกหมอประจำคลินิก รวมไปถึงสังเกตฟิลเลอร์แท้ของแต่ละยี่ห้อ ไม่เลือกใช้ฟิลเลอร์ปลอม
ข้อควรปฏิบัติตัว 1 อาทิตย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดยาแอสไพริน NSAIDs เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Ponstan
- งดวิตามิน St. Johns Wort, Ginkgo biloba, Primrose oil, Garlic, Ginseng, และ Vitamin E เพราะสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดแข็งตัวช้าในระหว่างฉีดฟิลเลอร์ อาจเสี่ยงต่ออาการช้ำหลังฉีด
- งดสกินแคร์ชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น Retinoids, Retinol, Glycolic Acid ประมาณ 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์บริเวณต่าง ๆ
- งดการผลัดเซลล์ผิว การโกนขน ในบริเวณก่อนการทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์
- หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่รับประทานอื่น ๆ ควรเตรียมข้อมูลเพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
- หากมีคอร์สหัตถการเกี่ยวกับใบหน้า เช่น นวดหน้า เลเซอร์ต่าง ๆ ควรทำมาก่อนการฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 3 วัน
ข้อควรปฏิบัติตัว 24 ชั่วโมง ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง ก่อนทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์
- ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น ออกกำลังกายอย่างหนัก การเข้าห้องซาวน่า เป็นต้น
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ มีขั้นตอน การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ ดังนี้
หลังฉีดฟิลเลอร์ทันที
- อาจมีอาการปวด, บวมแดง, ระบม, เขียวช้ำ หรือคันบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการเกา แกะ นวด คลึง
- ประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรกดแรง
- ควรรับประทานยาฆ่าเชื้อทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จ
- งดเลเซอร์ร้อนที่ผิวชั้นลึก อย่างน้อย 1 เดือน
- รอยเข็มฟิลเลอร์สามารถโดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ
ช่วงกลางคืนหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง อาจมีอาการปวด สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดได้
- ไม่ควรนอนตะแคงใน 2-3 คืนแรกเพื่อป้องกันการกดทับที่บริเวณใบหน้า
- ควรนอนในห้องที่มีอุณหภูมิประมาณ 18-23 องศาเซลเซียส
- อาจมีอาการบวมเข็มได้ แต่อาการนี้จะหายไปภายใน 7-14 วัน และฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่
48 ชั่วโมงหลังจากฉีดฟิลเลอร์
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-3 วันหลังจากฉีดฟิลเลอร์
- สามารถทาครีมทับบริเวณรอยเข็มได้ หรือโดนน้ำได้ปกติ
ควรงดการนวด ถู สครับ สัมผัสที่ใบหน้าแรง ๆ ไม่ควรยิ้มกว้างเกินไป เพื่อให้ฟิลเลอร์ได้มีเวลาเซ็ตตัว - งดเท้าคาง ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์คาง
- หลังฉีดฟิลเลอร์หากรู้สึกว่าฟิลเลอร์เป็นก้อน ห้ามนวด ปั้น หรือคลึงใบหน้า เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสียรูปได้
3 วันหลังจากฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงบริเวณใบหน้าไม่ให้ถูกความร้อนโดยตรงจากการอาบน้ำ หรือไดร์เป่าผมร้อน ๆ
- ไม่ควรออกกำลังกายหนัก ๆ เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์เสียรูปทรงจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรง
- เริ่มขยับใบหน้าได้ตามปกติ แต่ยังไม่ควรกดแรง ๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
7-10 วันหลังจากฉีดฟิลเลอร์
- ไม่ควรประคบร้อน หากยังมีการบวม หรือเขียวช้ำอยู่
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดแรงจัด เพราะจะส่งผลต่อการคงตัวของสารที่ฉีด หากต้องเผชิญกับแสงแดดควรทากันแดดที่มีค่าประสิทธิภาพป้องกันรังสี UVA และ UVB สูง เป็นประจำ
14 วันหลังจากฉีดฟิลเลอร์
- สามารถขยับใบหน้า ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารได้ตามปกติ
- พยายามหลีกเลี่ยงความร้อน
- ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ นิ่มลงหลังจาก 2-3 สัปดาห์ ยกเว้นฟิลเลอร์รุ่นที่ฉีดในผิวชั้นลึก อาจจะยังคลำเจอเนื้อฟิลเลอร์ในผิวชั้นลึกได้อยู่
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง? ข้อควรรู้หลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี อยู่นานขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดฟิลเลอร์ที่มักพบได้
ภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดฟิลเลอร์นั้นเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย เช่น ขึ้นอยู่กับประเภทฟิลเลอร์ที่ใช้ ฟิลเลอร์แท้/ปลอม ความถูกต้องของการฉีด ความชำนาญของแพทย์ โดยส่วนใหญ่ภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดฟิลเลอร์มักไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่ในบางกรณีก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนี้
ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการฉีดฟิลเลอร์
- ภาวะฟกช้ำ เกิดจากเข็มผ่านเส้นเลือด
- เส้นเลือดอุดตัน อาจทำให้เกิดภาวะเนื้อตาย และอาจเข้าไปสู่เส้นเลือดที่เลี้ยงดวงตาทำให้ตาบอดได้
ภาวะแทรกซ้อนในระยะแรก
- อาจมีอาการปวด บวมแดง นูน เป็นก้อน
- การติดเชื้อเฉียบพลัน
ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
- เกิดตุ่ม ก้อน และบวม ใต้ผิวหนัง ในภายหลังจากการติดเชื้อหรือการแพ้
- มีหนองหรือน้ำเหลืองซึมจากการใช้ฟิลเลอร์ถาวร
ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน เช่น ซิลิโคนเหลว อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างร้ายแรง เส้นเลือดแตกหรืออุดตัน เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมเข้าไปในกระแสเลือดสู่สมอง รวมถึงการแพ้สารฟิลเลอร์ ที่อาจส่งผลต่อชีวิตได้
ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่
การฉีดฟิลเลอร์ ราคาในแต่ละจุดจะแตกต่างกัน รวมไปถึงยี่ห้อ รุ่น ที่เลือกใช้ก็จะมีราคาแตกต่างกันเช่นกัน โดยบริเวณยอดนิยมที่ฉีดฟิลเลอร์ มีทั้งหมด 7 จุด คือ ใต้ตา, ปาก, คาง, ร่องแก้ม, จมูก, ขมับ และหน้าผาก อีกทั้งฉีดฟิลเลอร์ราคาในแต่ละคลินิกก็แตกต่างกันไปตามโปรโมชัน ผู้ที่สนใจจะฉีดฟิลเลอร์ควรศึกษาราคาฉีดฟิลเลอร์ของแต่ละคลินิก
ตัวอย่างราคาฉีดฟิลเลอร์ต่อ 1 cc โดยประมาณ
- ราคาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาประมาณ 8,000 บาทขึ้นไป
- ราคาฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคาประมาณ 13,000 บาทขึ้นไป
- ราคาฉีดฟิลเลอร์คาง ราคาประมาณ 9,900 บาทขึ้นไป
- ราคาฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาประมาณ 9,900 บาทขึ้นไป
- ราคาฉีดฟิลเลอร์ขมับ ราคาประมาณ 11,000 บาทขึ้นไป
- ราคาฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ราคาประมาณ 14,000 บาทขึ้นไป
*ราคาฟิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่นที่ใช้ และโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก
ฟิลเลอร์ 1 CC คืออะไร อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : ฟิลเลอร์ 1 cc เหมาะกับการฉีดจุดไหนได้บ้าง ช่วยปรับรูปหน้าได้มากน้อยแค่ไหน?
ฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ไหม
ฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ไหม? หลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วหากต้องการฉีดสลายฟิลเลอร์ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ แต่ต้องเป็นฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid เท่านั้นถึงจะฉีดสลายออกหมด
การฉีดสลายฟิลเลอร์สามารถทำได้โดยการฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase บริเวณที่ต้องการจะแก้ไข โดยเอนไซม์ Hyaluronidase จะเข้าไปย่อยสลายกรดไฮยาลูโรนิกได้
ก่อนการฉีดสลายฟิลเลอร์แพทย์จะทำการสอบถามข้อมูลคนไข้เพื่อคำนวณปริมาณยาที่ต้องใช้ในการฉีดสลายฟิลเลอร์ เช่น ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ฉีดมา Serial No. ฟิลเลอร์เป็นของแท้หรือไม่ ฉีดในตำแหน่งใด ระยะเวลาการฉีด เป็นต้น
สนใจเรื่องการฉีดสลายฟิลเลอร์ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : การฉีดสลายฟิลเลอร์ ฉีดดีไหม ทำไมถึงต้องฉีด?
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม?
หากใช้ฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid จะมีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากเป็นการเลียนแบบสารที่มีในร่างกายมนุษย์ได้ และสามารถสลายหายไปเองได้ ทั้งนี้ต้องพิจารณาจากยี่ห้อฟิลเลอร์ ที่ต้องเป็นของแท้เท่านั้น และประสบการณ์ ความชำนาญของแพทย์ควบคู่กันไปด้วย เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะเลือดคั่ง (Hematoma) ที่เกิดจากการฉีดเข้าเส้นเลือด
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : ฉีดฟิลเลอร์อันตรายจริงไหม ควรฉีดฟิลเลอร์ดีไหม? คลายข้อสงสัย กับ SkinX
ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน กี่วันเห็นผล?
ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วันถึงจะหาย? โดยปกติแล้ว ผลข้างเคียงที่เกิดที่อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์คือ รอยแดงจากเข็ม ซึ่งจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน และรอยฟกช้ำจะหายไปได้เองภายใน 7-14 วัน รวมถึงอาจมีอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งจะหายบวมได้เองภายใน 7-14 วัน ฟิลเลอร์ถึงจะเข้าที่และค่อย ๆ เห็นผล
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : ฉีดฟิลเลอร์ บวมกี่วัน? ทำอย่างไรให้หายเร็ว?
ฟิลเลอร์ สามารถฉีดหลุมสิวได้ไหม?
การฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดหลุมสิวได้ ฟิลเลอร์หลุมสิวนับเป็นหนึ่งวิธีแก้ปัญหาหลุมสิวให้ตื้นขึ้น โดยใช้สารเติมเต็มชนิด Hyarulonic Acid ฉีดเข้าไปบริเวณหลุมสิว เพื่อให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ผิวดูอิ่มขึ้น เต่งตึงขึ้น โดยไม่ทิ้งรอยแผล รอยดำ ฟิลเลอร์หลุมสิวจะอยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือนก็จะค่อย ๆ สลายไปเอง หากไม่ได้มาเติมซ้ำ วิธีนี้จึงไม่ใช่การรักษาที่เหมาะสมในระยะยาว
ฟิลเลอร์ สามารถอยู่ได้นานแค่ไหน?
ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานแค่ไหน? โดยปกติแล้วระยะเวลาของฟิลเลอร์จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ รุ่นฟิลเลอร์ที่ฉีด ตำแหน่งที่ฉีด รวมไปถึงการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ แล้วเป็นสิวไหม?
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นสิวสามารถเกิดได้ตามปกติของสภาพผิว หรือปัจจัยแวดล้อม อีกหนึ่งกรณีคือหากฉีดฟิลเลอร์แล้วสิวขึ้น เป็นผื่น บวม แดง ผิวหนังเกิดการอักเสบอาจเกิดจากการแพ้ฟิลเลอร์ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยตรง
สรุปทุกข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ หรือ Filler คือ สารเติมเต็มที่ช่วยแก้ไขปัญหาบนใบหน้า โดยสารที่นิยมใช้คือ สารไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ไม่ว่าจะฉีดเพื่อเติมเต็มส่วนที่ลึก โหล ตอบ บนใบหน้าให้ดูสมส่วน หรือช่วยปรับ ยกกระชับใบหน้า รวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า และริมฝีปาก การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ ควรเลือกจากฟิลเลอร์ที่ได้รับอย. เท่านั้น ไม่ควรใช้ฟิลเลอร์ปลอมเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายตามมาได้
นอกเหนือจากนี้ ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งเพื่อประเมินปริมาณการใช้ฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับจุดที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์
สำหรับผู้ที่ต้องการปรึกษาปัญหาผิว ความสวยความงามต่าง ๆ รวมถึงอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์ว่าตนเองเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณไหน ผิวตนเองควรฉีดฟิลเลอร์ไหม เป็นสิวหนักมากแต่อยากฉีดฟิลเลอร์ ทำได้ไหม? หรือหัตถการความงามอื่น ๆ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX เพื่อพบกับแพทย์ออนไลน์โดยตรงได้เลย
พิเศษสำหรับผู้ที่ดาวน์โหลดแอปฯ SkinX ครั้งแรก ปรึกษากับแพทย์ผิวหนังฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ติดมือถือไว้เลย เพื่อพบกับโปรสกินแคร์ และดีลความงามจากคลินิกดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดีลโบหน้าเรียว ดีลเคลียร์สิว หน้าใส เพราะผิวดีไม่ต้องรอ!
อ้างอิง
Aging+Wrinkles. (n.d.). Restylane. https://www.restylaneusa.com/facial-anti-aging
Belotero Balance. (n.d.). Belotero. https://www.belotero.com/learn/
Dermal Fillers. (2022, June 4). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/22667-dermal-fillers
Patient brochures Restylane Kysse. (n.d.). Restylane. https://www.galderma.com/us/sites/default/files/2020-04/Restylane_Kysse-Patient_Brochure.pdf
Patient brochures Restylane Lyft. (n.d.). Restylane. https://www.galderma.com/us/sites/default/files/2019-04/Patient_Brochure_Restylane_Lyft_with_Lidocaine_US.pdf
Patient brochures Refyne. (n.d.). Restylane. https://www.galderma.com/us/sites/default/files/2019-04/Patient_Brochure_Restylane_Refyne_US.pdf
Patient brochures Defyne. (n.d.). Restylane. https://www.galderma.com/us/sites/default/files/2021-05/Restylane%20Defyne%20Mar%202021.pdf
Patient Safety information. (n.d.). Juvederm. https://www.juvederm.com/
Why e.p.t.q. (n.d.). Epitiquefiller. https://epitiquefiller.com/why-e-p-t-q/