ฉีดสิว เป็นหนึ่งในวิธีรักษาสิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวมีขนาดเล็กลงอย่างรวดเร็วและยุบตัวได้ไวยิ่งขึ้น สำหรับใครที่อยากรู้ว่าการฉีดสิวคืออะไร? บทความนี้ SkinX จะพาคุณมารู้จักทุกข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดสิว ฉีดลดสิวเหมาะกับสิวแบบไหน ฉีดสิวมีผลข้างเคียงไหม ควรเตรียมตัวก่อนฉีดลดสิวอย่างไร? พร้อมแนะนำแนวทางเลือกคลินิกฉีดสิว เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจก่อนเข้ารับบริการ
Key Takeaways
- ฉีดสิวเป็นการรักษาสิวโดยใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ฉีดไปที่บริเวณตุ่มสิวโดยตรงเพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการบวมแดง
- การฉีดลดสิว ช่วยให้สิวยุบไวภายใน 24-72 ชั่วโมงหลังฉีด โดยผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของสิวของแต่ละบุคคล
- วิธีฉีดสิวเหมาะกับการรักษาสิวประเภทสิวอักเสบ เช่น สิวหัวหนอง สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ หรือสิวซีสต์
- หลังฉีดสิวอาจเกิดผลข้างเคียงอย่างรอยแดงหรืออาการบวมบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ และจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
สารบัญบทความ
ฉีดสิว คืออะไร?
การฉีดสิว (Acne Injection) คือการรักษาสิวโดยใช้สารลดการอักเสบฉีดไปที่บริเวณตุ่มสิวโดยตรง เพื่อยับยั้งการอักเสบและลดอาการบวมแดง ทำให้สิวยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยสารที่นิยมใช้ฉีดสิวส่วนใหญ่เป็นสารกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบได้ดี เหมาะกับการรักษาสิวอักเสบ เช่น สิวหัวหนอง หรือสิวหัวช้าง เป็นต้น
ฉีดสิวกี่วันถึงจะยุบ

ฉีดสิว กี่วันหาย? โดยทั่วไปแล้ว หลังรักษาสิวด้วยวิธีฉีดสิว สิวจะยุบลงภายใน 24-72 ชั่วโมง โดยจะรู้สึกได้ว่าเม็ดสิวค่อย ๆ อ่อนนุ่มขึ้น และยุบตัวลงจนเรียบเนียนใกล้เคียงกับเนื้อผิวปกติ ทั้งนี้ ระยะเวลาที่สิวยุบตัวนั้น อาจขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของสิวแต่ละบุคคลด้วย
การฉีดสิว เหมาะกับสิวแบบไหน
การฉีดสิวเหมาะกับการรักษาสิวอักเสบ (Inflammatory Acne) ที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง มักมีอาการบวมแดง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ ดังนี้
- สิวหัวหนอง (Pustules) เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนร่วมกับการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้มีหนองอยู่ภายใน การฉีดยาลดการอักเสบช่วยให้สิวแห้งและยุบเร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดรอยแดงหรือรอยดำหลังสิวหาย
- สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ (Nodules) มักเรียกว่า “สิวหัวช้าง” หรือ “สิวไต” เป็นสิวอักเสบรุนแรงที่ลึกถึงชั้นหนังแท้ มีลักษณะเป็นก้อนแข็งและเจ็บ การฉีดสิวช่วยลดการอักเสบ ทำให้ตุ่มยุบเร็ว และลดความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น
- สิวซีสต์ (Cystic Acne) เป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ที่มีการติดเชื้อในชั้นผิวลึก มักปวดและอาจทิ้งรอยแผลเป็นถาวร การฉีดสิวช่วยลดขนาดสิว บรรเทาอาการปวด และลดโอกาสเกิดแผลเป็นในระยะยาว
ฉีดสิวเหมาะกับใครบ้าง
การฉีดหน้าลดสิวเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวและมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีสิวอักเสบรุนแรง มีอาการบวม แดง ปวด หรือเจ็บ การฉีดสิวช่วยลดการอักเสบ ทำให้สิวยุบลงเร็ว และบรรเทาอาการไม่สบายได้
- ผู้ที่ต้องการให้สิวยุบตัวอย่างเร่งด่วน เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวบริเวณใบหน้า เช่น สิวที่แก้มหรือสิวที่หน้าผาก และต้องการให้ผิวเรียบเนียนก่อนวันสำคัญ เช่น งานถ่ายภาพ หรืองานประชุม
- ผู้ที่รักษาสิวด้วยวิธีทั่วไป แล้วยังไม่ดีขึ้น เช่น ใช้ยาทาหรือยารับประทานรักษาสิวแล้วไม่ตอบสนอง การฉีดสิวอาจช่วยลดขนาดและการอักเสบของสิวได้เร็วขึ้น
- ผู้ที่กังวลเรื่องรอยสิวหรือแผลเป็น การฉีดสิวช่วยลดระยะเวลาการอักเสบ ทำให้โอกาสเกิดรอยแดงหรือรอยแผลเป็นหลังสิวหายลดลง
ฉีดสิวไม่เหมาะกับใคร
ฉีดสิว แม้จะเป็นวิธีรักษาที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการให้สิวยุบลงรวดเร็ว แต่อาจไม่เหมาะกับกลุ่มคนต่อไปนี้
- ผู้ที่กลัวเข็มฉีดยา หรือกลัวเจ็บจากการใช้เข็มฉีดสิว
- ผู้ที่มีประวัติแพ้สเตียรอยด์ การฉีดสิวอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรืออาการแพ้ตามมาได้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด หรือโรคเกี่ยวกับผิวหนังทุกชนิด ควรปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าก่อนรับบริการ
- ผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย อาจมีอาการแพ้ เกิดการระคายเคือง หรือเกิดผื่นแดงหลังฉีดสิว
- ผู้ที่มีสิวหัวดำหรือสิวหัวขาว ซึ่งไม่ถือเป็นสิวอักเสบ การรักษาด้วยวิธีฉีดสิวอักเสบอาจไม่ได้ผล และยังอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร การฉีดสิวมักใช้สารยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือทารกที่ดื่มนมมารดาได้
การเตรียมตัวก่อนฉีดสิว ทำอย่างไร

สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิวด้วยการฉีดสิว ก่อนเข้ารับบริการควรเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้
- แจ้งประวัติสุขภาพกับแพทย์ รวมถึงโรคประจำตัว ยาที่ใช้เป็นประจำ และประวัติการแพ้ยา เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมของการฉีดยา
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3–7 วันก่อนเข้ารับบริการ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการอักเสบหรือการสมานแผลล่าช้า
- งดหัตถการที่ผิวบริเวณจะฉีดสิว เช่น เลเซอร์ ขัดผิว หรือแว็กซ์ อย่างน้อย 3–5 วันก่อนเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดผลไม้ (AHA, BHA) หรือสครับ อย่างน้อย 3 วันก่อนการฉีดสิว
- หากมีแผลเปิด การติดเชื้อ หรือผื่นอักเสบในบริเวณที่จะฉีด ควรรักษาให้หายก่อนเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
ขั้นตอนการฉีดสิว มีอะไรบ้าง
ปกติแล้วการฉีดสิวจะใช้เวลาไม่นาน โดยมีขั้นตอนการฉีดหน้ารักษาสิว ดังต่อไปนี้
- แพทย์ทำความสะอาดผิวบริเวณที่ต้องการฉีดสิว
- แพทย์กำหนดและผสมปริมาณยาในสัดส่วนที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการ
- แพทย์จะใช้เข็มค่อย ๆ ฉีดยาผสมสเตียรอยด์ไปที่ตุ่มสิวโดยตรง ซึ่งในบางกรณีอาจมีการกดสิวร่วมด้วยก่อนฉีด
- เจ้าหน้าที่จะใช้ผ้าก๊อซชิ้นเล็ก ๆ แปะไปตามตำแหน่งที่ฉีดสิวให้
การดูแลตัวเองหลังฉีดสิว ควรทำอย่างไร
หลังการรักษาสิวด้วยวิธีฉีดสิว แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวหลังรักษา เพื่อลดโอกาสเกิดการติดเชื้อหรือรอยแผลเป็นตามมา ซึ่งวิธีดูแลผิวอย่างเหมาะสม หลัก ๆ แล้วมีดังนี้
- ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด เพื่อลดบวมและอาการเจ็บ
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด และทาครีมกันแดด SPF 50+ เป็นประจำ
- ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิวสูตรอ่อนโยนที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic)
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันหรือแอลกอฮอล์สูง ซึ่งอาจระคายเคืองผิว
- รักษาความสะอาดของผิวหน้าและของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอน และโทรศัพท์มือถือ
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นสิว เช่น การบีบสิว ความเครียด การนอนดึก และอาหารมันหรือหวานจัด
ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดสิว
การฉีดสิวมีข้อดี-ข้อเสียที่ต้องทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ ดังนี้
ข้อดีของการฉีดสิว
- ช่วยให้สิวยุบลงอย่างรวดเร็วภายใน 24-72 ชั่วโมงหลังฉีด
- ช่วยลดอาการอักเสบของสิว
- บรรเทาอาการเจ็บจากสิวอักเสบรุนแรงได้ดี
- ลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นหรือทิ้งรอยดำไว้หลังสิวหาย
ข้อเสียของการฉีดสิว
- ไม่เหมาะสำหรับสิวไม่อักเสบ เช่น สิวหัวดำหรือสิวหัวขาว
- อาจเกิดการอักเสบซ้ำหลังสิวยุบ
- อาจทำให้ผิวบาง รอยด่างขาว (hypopigmentation) หรือรอยบุ๋มบริเวณที่ฉีด
- อาจเกิดก้อนไตแข็งใต้ผิว หรือหลุมสิวหลังสิวแห้ง
- อาจรู้สึกเจ็บขณะฉีด
- ในบางรายอาจเกิดสิวใหม่จากการตอบสนองต่อสเตียรอยด์ (steroid-induced acne) อย่างสิวสเตียรอยด์
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดสิว

หลังฉีดสิวอาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ เช่น รอยแดงหรืออาการบวมบริเวณที่ฉีด มักเกิดจากการอักเสบชั่วคราวของผิวและจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน นอกจากนี้ ยังอาจพบรอยด่างบนผิวหรือผิวยุบตัวในบางกรณีจากการตอบสนองต่อยาที่ใช้ฉีด แต่โดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นและผิวจะกลับมามีสภาพปกติภายในไม่กี่เดือน
เลือกฉีดสิวที่ไหนดี
ผู้ที่จะใช้บริการฉีดสิว การเลือกคลินิกทำหัตถการถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ โดยปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกคลินิกฉีดสิว มีดังนี้
- คลินิกได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย
- ทีมแพทย์มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการฉีดสิว
- อุปกรณ์ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดเชื้อ
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือจากผู้ใช้บริการจริง
ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการฉีดสิวที่คลินิก สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังออนไลน์เพื่อประเมินปัญหาสิวว่าเหมาะกับการรักษาด้วยวิธีฉีดสิวหรือไม่ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชันพบหมอผิวหนัง SkinX ที่รวบรวมทีมแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจากสถานพยาบาลชั้นนำ มาให้คุณปรึกษาปัญหาสิวได้ทุกที่ ในเวลาที่คุณสะดวก
คำถามที่พบได้บ่อย (FAQs)
ฉีดสิว ดีไหม ?
สำหรับใครที่ต้องการรักษาสิวอักเสบ การฉีดสิวถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะช่วยให้สิวยุบตัวไว ภายใน 24-72 ชั่วโมง ทั้งยังบรรเทาอาการปวดและบวมจากการอักเสบของสิวได้เป็นอย่างดี
ฉีดสิวอันตรายไหม ฉีดบ่อย ๆ ได้ไหม ?
การฉีดสิวไม่อันตรายหากเข้ารับบริการกับแพทย์ผิวหนังที่มีประสบการณ์ ทั้งนี้ ไม่ควรฉีดสิวบ่อยเกินไป เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น ผิวบางและแพ้ง่ายขึ้น ผิวเกิดรอยด่างหรือยุบตัว
ฉีดสิวราคาเท่าไหร่ แพงไหม ?
การฉีดสิว ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 200-1,500 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวและยาที่ใช้ ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ แนะนำให้สอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนทุกครั้ง
ฉีดลดสิว ดีไหม? รักษาสิวอย่างเหมาะสม ปรึกษาแพทย์ผิวหนังออนไลน์ได้เลยที่ SkinX
ฉีดสิวเป็นการรักษาสิวประเภทสิวอักเสบโดยใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ฉีดไปที่บริเวณตุ่มสิวโดยตรงเพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการบวมแดง ทำให้สิวยุบไวภายใน 24-72 ชั่วโมงหลังฉีด ทั้งนี้ ผลลัพธ์อาจขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของสิวของแต่ละบุคคล
ปรึกษาปัญหาสิวที่คอยกวนใจกับแพทย์ผิวหนังแบบออนไลน์ได้ทุกที่ ไม่ต้องรอนานกับ SkinX แอปพลิเคชันปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยเภสัชและแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ พร้อมรับคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาสิวที่เหมาะสมโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปคลินิก มีบริการส่งยาให้ถึงบ้าน อยู่ที่ไหนก็หาหมอได้! ปรึกษาก่อน จ่ายทีหลัง รู้ค่าใช้จ่ายก่อนเข้ารับบริการ
แอปพลิเคชัน ปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการ
ครบ จบ เคลียร์ใน 15 นาที!
- FB : SkinX พบแพทย์ผิวหนังออนไลน์
- IG : skinx.thailand
- Line : @skinx.official
- TikTok : skinxthailand
- X : @skinxthailand
- Tel : 02 038 5505
- E-mail : service@skinx.app
อ้างอิง
Hopp, D. (2021, July 17). What I Wish I’d Known Before I Got My First Cortisone Shot. Skin Wellness Dermatology. https://skinwellness.com/learn/what-i-wish-id-known-before-i-got-my-first-cortisone-shot/
Frothingham, S. (2020, September 4). Do Cortisone Shots Work for Acne?. Healthline. https://www.healthline.com/health/do-cortisone-shots-work-for-acne
Clista, B. (2024, November 13). Do Cortisone Shots for Acne Work?. GoodRx Logo. https://www.goodrx.com/health-topic/dermatology/cortisone-shot-for-acne?srsltid=AfmBOoqhRkD2v-YHqV0ZhcezlHaZ4aemv80psIAhX-v_eAzRT6cBWIi0