skinx-logo
แพทย์ของเราบทความติดต่อเรา

สิวและผิวหน้า

ฉีดสิวคืออะไร ฉีดสิวบ่อย ๆ เป็นไรไหม? รวมทุกข้อควรรู้ก่อนฉีดลดสิว

4 ธันวาคม 2568

ฉีดสิวคืออะไร ฉีดสิวบ่อย ๆ เป็นไรไหม? รวมทุกข้อควรรู้ก่อนฉีดลดสิว

ฉีดสิว เป็นหนึ่งในวิธีรักษาสิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวมีขนาดเล็กลงอย่างรวดเร็วและยุบตัวได้ไวยิ่งขึ้น สำหรับใครที่อยากรู้ว่าการฉีดสิวคืออะไร? บทความนี้ SkinX จะพาคุณมารู้จักทุกข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดสิว ฉีดลดสิวเหมาะกับสิวแบบไหน ฉีดสิวมีผลข้างเคียงไหม ควรเตรียมตัวก่อนฉีดลดสิวอย่างไร? พร้อมแนะนำแนวทางเลือกคลินิกฉีดสิว เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจก่อนเข้ารับบริการ


Key Takeaways

  • ฉีดสิวเป็นการรักษาสิวโดยใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ฉีดไปที่บริเวณตุ่มสิวโดยตรงเพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการบวมแดง
  • การฉีดลดสิว ช่วยให้สิวยุบไวภายใน 24-72 ชั่วโมงหลังฉีด โดยผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของสิวของแต่ละบุคคล
  • วิธีฉีดสิวเหมาะกับการรักษาสิวประเภทสิวอักเสบ เช่น สิวหัวหนอง สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ หรือสิวซีสต์
  • หลังฉีดสิวอาจเกิดผลข้างเคียงอย่างรอยแดงหรืออาการบวมบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ และจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน

สารบัญบทความ


ฉีดสิว คืออะไร?

การฉีดสิว (Acne Injection) คือการรักษาสิวโดยใช้สารลดการอักเสบฉีดไปที่บริเวณตุ่มสิวโดยตรง เพื่อยับยั้งการอักเสบและลดอาการบวมแดง ทำให้สิวยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยสารที่นิยมใช้ฉีดสิวส่วนใหญ่เป็นสารกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบได้ดี เหมาะกับการรักษาสิวอักเสบ เช่น สิวหัวหนอง หรือสิวหัวช้าง เป็นต้น 


ฉีดสิวกี่วันถึงจะยุบ

ฉีดสิวกี่วันยุบ

ฉีดสิว กี่วันหาย? โดยทั่วไปแล้ว หลังรักษาสิวด้วยวิธีฉีดสิว สิวจะยุบลงภายใน 24-72 ชั่วโมง โดยจะรู้สึกได้ว่าเม็ดสิวค่อย ๆ อ่อนนุ่มขึ้น และยุบตัวลงจนเรียบเนียนใกล้เคียงกับเนื้อผิวปกติ ทั้งนี้ ระยะเวลาที่สิวยุบตัวนั้น อาจขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของสิวแต่ละบุคคลด้วย


การฉีดสิว เหมาะกับสิวแบบไหน

การฉีดสิวเหมาะกับการรักษาสิวอักเสบ (Inflammatory Acne) ที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง มักมีอาการบวมแดง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ ดังนี้

  • สิวหัวหนอง (Pustules) เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนร่วมกับการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้มีหนองอยู่ภายใน การฉีดยาลดการอักเสบช่วยให้สิวแห้งและยุบเร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดรอยแดงหรือรอยดำหลังสิวหาย
  • สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ (Nodules) มักเรียกว่า “สิวหัวช้าง” หรือ “สิวไต” เป็นสิวอักเสบรุนแรงที่ลึกถึงชั้นหนังแท้ มีลักษณะเป็นก้อนแข็งและเจ็บ การฉีดสิวช่วยลดการอักเสบ ทำให้ตุ่มยุบเร็ว และลดความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น
  • สิวซีสต์ (Cystic Acne) เป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ที่มีการติดเชื้อในชั้นผิวลึก มักปวดและอาจทิ้งรอยแผลเป็นถาวร การฉีดสิวช่วยลดขนาดสิว บรรเทาอาการปวด และลดโอกาสเกิดแผลเป็นในระยะยาว

ฉีดสิวเหมาะกับใครบ้าง

การฉีดหน้าลดสิวเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวและมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ 

  • ผู้ที่มีสิวอักเสบรุนแรง มีอาการบวม แดง ปวด หรือเจ็บ การฉีดสิวช่วยลดการอักเสบ ทำให้สิวยุบลงเร็ว และบรรเทาอาการไม่สบายได้
  • ผู้ที่ต้องการให้สิวยุบตัวอย่างเร่งด่วน เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวบริเวณใบหน้า เช่น สิวที่แก้มหรือสิวที่หน้าผาก และต้องการให้ผิวเรียบเนียนก่อนวันสำคัญ เช่น งานถ่ายภาพ หรืองานประชุม
  • ผู้ที่รักษาสิวด้วยวิธีทั่วไป แล้วยังไม่ดีขึ้น เช่น ใช้ยาทาหรือยารับประทานรักษาสิวแล้วไม่ตอบสนอง การฉีดสิวอาจช่วยลดขนาดและการอักเสบของสิวได้เร็วขึ้น
  • ผู้ที่กังวลเรื่องรอยสิวหรือแผลเป็น การฉีดสิวช่วยลดระยะเวลาการอักเสบ ทำให้โอกาสเกิดรอยแดงหรือรอยแผลเป็นหลังสิวหายลดลง

ฉีดสิวไม่เหมาะกับใคร

ฉีดสิว แม้จะเป็นวิธีรักษาที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการให้สิวยุบลงรวดเร็ว แต่อาจไม่เหมาะกับกลุ่มคนต่อไปนี้ 

  • ผู้ที่กลัวเข็มฉีดยา หรือกลัวเจ็บจากการใช้เข็มฉีดสิว
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้สเตียรอยด์ การฉีดสิวอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรืออาการแพ้ตามมาได้
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด หรือโรคเกี่ยวกับผิวหนังทุกชนิด ควรปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าก่อนรับบริการ
  • ผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย อาจมีอาการแพ้ เกิดการระคายเคือง หรือเกิดผื่นแดงหลังฉีดสิว
  • ผู้ที่มีสิวหัวดำหรือสิวหัวขาว ซึ่งไม่ถือเป็นสิวอักเสบ การรักษาด้วยวิธีฉีดสิวอักเสบอาจไม่ได้ผล และยังอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร การฉีดสิวมักใช้สารยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือทารกที่ดื่มนมมารดาได้ 

การเตรียมตัวก่อนฉีดสิว ทำอย่างไร

ฉีดลดสิว

สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิวด้วยการฉีดสิว ก่อนเข้ารับบริการควรเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้

  • แจ้งประวัติสุขภาพกับแพทย์ รวมถึงโรคประจำตัว ยาที่ใช้เป็นประจำ และประวัติการแพ้ยา เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมของการฉีดยา
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3–7 วันก่อนเข้ารับบริการ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการอักเสบหรือการสมานแผลล่าช้า
  • งดหัตถการที่ผิวบริเวณจะฉีดสิว เช่น เลเซอร์ ขัดผิว หรือแว็กซ์ อย่างน้อย 3–5 วันก่อนเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดผลไม้ (AHA, BHA) หรือสครับ อย่างน้อย 3 วันก่อนการฉีดสิว
  • หากมีแผลเปิด การติดเชื้อ หรือผื่นอักเสบในบริเวณที่จะฉีด ควรรักษาให้หายก่อนเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

ขั้นตอนการฉีดสิว มีอะไรบ้าง

ปกติแล้วการฉีดสิวจะใช้เวลาไม่นาน โดยมีขั้นตอนการฉีดหน้ารักษาสิว ดังต่อไปนี้ 

  1. แพทย์ทำความสะอาดผิวบริเวณที่ต้องการฉีดสิว
  2. แพทย์กำหนดและผสมปริมาณยาในสัดส่วนที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการ
  3. แพทย์จะใช้เข็มค่อย ๆ ฉีดยาผสมสเตียรอยด์ไปที่ตุ่มสิวโดยตรง ซึ่งในบางกรณีอาจมีการกดสิวร่วมด้วยก่อนฉีด
  4. เจ้าหน้าที่จะใช้ผ้าก๊อซชิ้นเล็ก ๆ แปะไปตามตำแหน่งที่ฉีดสิวให้

การดูแลตัวเองหลังฉีดสิว ควรทำอย่างไร

หลังการรักษาสิวด้วยวิธีฉีดสิว แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวหลังรักษา เพื่อลดโอกาสเกิดการติดเชื้อหรือรอยแผลเป็นตามมา ซึ่งวิธีดูแลผิวอย่างเหมาะสม หลัก ๆ แล้วมีดังนี้ 

  • ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด เพื่อลดบวมและอาการเจ็บ
  • หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด และทาครีมกันแดด SPF 50+ เป็นประจำ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิวสูตรอ่อนโยนที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic)
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันหรือแอลกอฮอล์สูง ซึ่งอาจระคายเคืองผิว
  • รักษาความสะอาดของผิวหน้าและของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอน และโทรศัพท์มือถือ
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นสิว เช่น การบีบสิว ความเครียด การนอนดึก และอาหารมันหรือหวานจัด

ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดสิว

การฉีดสิวมีข้อดี-ข้อเสียที่ต้องทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ ดังนี้ 

ข้อดีของการฉีดสิว 

  • ช่วยให้สิวยุบลงอย่างรวดเร็วภายใน 24-72 ชั่วโมงหลังฉีด
  • ช่วยลดอาการอักเสบของสิว
  • บรรเทาอาการเจ็บจากสิวอักเสบรุนแรงได้ดี
  • ลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นหรือทิ้งรอยดำไว้หลังสิวหาย 

ข้อเสียของการฉีดสิว 

  • ไม่เหมาะสำหรับสิวไม่อักเสบ เช่น สิวหัวดำหรือสิวหัวขาว
  • อาจเกิดการอักเสบซ้ำหลังสิวยุบ
  • อาจทำให้ผิวบาง รอยด่างขาว (hypopigmentation) หรือรอยบุ๋มบริเวณที่ฉีด
  • อาจเกิดก้อนไตแข็งใต้ผิว หรือหลุมสิวหลังสิวแห้ง
  • อาจรู้สึกเจ็บขณะฉีด
  • ในบางรายอาจเกิดสิวใหม่จากการตอบสนองต่อสเตียรอยด์ (steroid-induced acne) อย่างสิวสเตียรอยด์

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดสิว

ฉีดสิวอักเสบ

หลังฉีดสิวอาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ เช่น รอยแดงหรืออาการบวมบริเวณที่ฉีด มักเกิดจากการอักเสบชั่วคราวของผิวและจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน นอกจากนี้ ยังอาจพบรอยด่างบนผิวหรือผิวยุบตัวในบางกรณีจากการตอบสนองต่อยาที่ใช้ฉีด แต่โดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นและผิวจะกลับมามีสภาพปกติภายในไม่กี่เดือน


เลือกฉีดสิวที่ไหนดี

ผู้ที่จะใช้บริการฉีดสิว การเลือกคลินิกทำหัตถการถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ โดยปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกคลินิกฉีดสิว มีดังนี้ 

  • คลินิกได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย
  • ทีมแพทย์มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการฉีดสิว
  • อุปกรณ์ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดเชื้อ
  • มีรีวิวที่น่าเชื่อถือจากผู้ใช้บริการจริง 

ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการฉีดสิวที่คลินิก สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังออนไลน์เพื่อประเมินปัญหาสิวว่าเหมาะกับการรักษาด้วยวิธีฉีดสิวหรือไม่ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชันพบหมอผิวหนัง SkinX ที่รวบรวมทีมแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจากสถานพยาบาลชั้นนำ มาให้คุณปรึกษาปัญหาสิวได้ทุกที่ ในเวลาที่คุณสะดวก


คำถามที่พบได้บ่อย (FAQs)

ฉีดสิว ดีไหม ?

สำหรับใครที่ต้องการรักษาสิวอักเสบ การฉีดสิวถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะช่วยให้สิวยุบตัวไว ภายใน 24-72 ชั่วโมง ทั้งยังบรรเทาอาการปวดและบวมจากการอักเสบของสิวได้เป็นอย่างดี 

ฉีดสิวอันตรายไหม ฉีดบ่อย ๆ ได้ไหม ?

การฉีดสิวไม่อันตรายหากเข้ารับบริการกับแพทย์ผิวหนังที่มีประสบการณ์ ทั้งนี้ ไม่ควรฉีดสิวบ่อยเกินไป เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น ผิวบางและแพ้ง่ายขึ้น ผิวเกิดรอยด่างหรือยุบตัว 

ฉีดสิวราคาเท่าไหร่ แพงไหม ?

การฉีดสิว ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 200-1,500 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวและยาที่ใช้ ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ แนะนำให้สอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนทุกครั้ง


ฉีดลดสิว ดีไหม? รักษาสิวอย่างเหมาะสม ปรึกษาแพทย์ผิวหนังออนไลน์ได้เลยที่ SkinX

ฉีดสิวเป็นการรักษาสิวประเภทสิวอักเสบโดยใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ฉีดไปที่บริเวณตุ่มสิวโดยตรงเพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการบวมแดง ทำให้สิวยุบไวภายใน 24-72 ชั่วโมงหลังฉีด ทั้งนี้ ผลลัพธ์อาจขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของสิวของแต่ละบุคคล

 

ปรึกษาปัญหาสิวที่คอยกวนใจกับแพทย์ผิวหนังแบบออนไลน์ได้ทุกที่ ไม่ต้องรอนานกับ SkinX แอปพลิเคชันปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยเภสัชและแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ พร้อมรับคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาสิวที่เหมาะสมโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปคลินิก มีบริการส่งยาให้ถึงบ้าน อยู่ที่ไหนก็หาหมอได้! ปรึกษาก่อน จ่ายทีหลัง รู้ค่าใช้จ่ายก่อนเข้ารับบริการ 

 

แอปพลิเคชัน ปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการ 

ครบ จบ เคลียร์ใน 15 นาที!

  • FB : SkinX พบแพทย์ผิวหนังออนไลน์
  • IG : skinx.thailand
  • Line : @skinx.official
  • TikTok : skinxthailand
  • X : @skinxthailand
  • Tel : 02 038 5505
  • E-mail : service@skinx.app

อ้างอิง

Hopp, D. (2021, July 17). What I Wish I’d Known Before I Got My First Cortisone Shot. Skin Wellness Dermatology. https://skinwellness.com/learn/what-i-wish-id-known-before-i-got-my-first-cortisone-shot/

 

Frothingham, S. (2020, September 4). Do Cortisone Shots Work for Acne?. Healthline. https://www.healthline.com/health/do-cortisone-shots-work-for-acne

 

Clista, B. (2024, November 13). Do Cortisone Shots for Acne Work?. GoodRx Logo. https://www.goodrx.com/health-topic/dermatology/cortisone-shot-for-acne?srsltid=AfmBOoqhRkD2v-YHqV0ZhcezlHaZ4aemv80psIAhX-v_eAzRT6cBWIi0

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด
service card mobile

เริ่มใช้งาน SkinX

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเลย!

skinx-cta