สิวและผิวหน้า
24 มิถุนายน 2568

สิว (Acne) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยกับทุกเพศ ทุกวัย เกิดจากภาวะผิดปกติบริเวณรูขุมขนและต่อมไขมันในรูขุมขน ซึ่งสิวมักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น เนื่องจากฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ สิวยังมีหลายประเภท เช่น สิวหัวปิด, สิวหัวเปิด, สิวตุ่มแดง, สิวหัวหนอง, สิวผด และสิวหัวช้าง โดยมีสาเหตุการเกิดและวิธีการรักษาแตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อเป็นสิวจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อใช้วิธีรักษาที่เหมาะสมนั่นเอง
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงกลไกการเกิดสิว และวิธีรักษาสิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อช่วยบรรเทาและป้องกันการเกิดสิวได้ ทำให้หน้ากลับมาเนียนใส เพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง
สรุป รักษาสิว ต้องทำอย่างไร
ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิว มีดังนี้
*C. acne (Cutibacterium acnes) หรือชื่อเก่าที่เรียกกันว่า P. acne (Propionibacterium acnes) คือเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ตามผิวหนังในรูขุมขนและต่อมไขมันของมนุษย์ เมื่อเชื้อ C. acne เพิ่มจำนวนมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะหลั่งสารต่าง ๆ ออกมาและทำให้ผิวหนังอักเสบ เพื่อต่อต้านแบคทีเรียชนิดนี้
เนื่องจากสิวมีหลายชนิด ทั้งสิวหัวปิด, สิวหัวเปิด, สิวตุ่มแดง, สิวหัวหนอง, สิวหัวช้าง และสิวอักเสบรุนแรง ในปัจจุบันจึงมีการพัฒนาวิธีรักษาสิวหลากหลายรูปแบบให้เหมาะกับสิวแต่ละประเภท และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจหาสาเหตุการเกิดสิว และเลือกใช้วิธีรักษาที่เหมาะสม
วิธีรักษาสิวแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
วิธีรักษาสิวด้วยยาทาภายนอก เป็นวิธีที่ง่าย สะดวก และประหยัด ซึ่งยาแต่ละชนิดเหมาะกับการรักษาสิวต่างกัน ดังนี้
เรตินอยด์ชนิดทา ใช้รักษาได้ครอบคลุมทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตัน แต่อาจทำให้ผิวไวต่อแสงและเกิดการระคายเคืองได้ง่าย เพราะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ผิวบอบบาง แพ้ง่าย
ยาปฏิชีวนะชนิดทารักษาสิว ปัจจุบันมีอยู่ 4 ชนิด ได้แก่
Benzoyl peroxide หรือ Benzac มีสรรพคุณและข้อดีดังนี้
เป็นกรดธรรมชาติที่ออกฤทธิ์เป็นยาต้านจุลชีพ นิยมใช้รักษาสิวที่มีความรุนแรงน้อยถึงปานกลาง โดยมีสรรพคุณดังนี้
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้กรดอะซีลาอิกทุกครั้ง เพราะหากใช้ผิดวิธีอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ แสบร้อน หรือเกิดแผลพุพองตามมาได้
เป็นกรดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
ทั้งนี้ Salicylic Acid อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังลอก และมีอาการแสบได้ หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป
สารสกัดจากธรรมชาติจากต้นไม้พื้นเมืองของประเทศออสเตรเลีย ส่วนใหญ่อยู่ในผลิตภัณฑ์รักษาโรคจากการติดเชื้อของผิวหนังหรืออาการอักเสบต่าง ๆ เช่น สิว, ผิวหนังอักเสบ, รังแค และเชื้อราที่เล็บ
การทานยาเพื่อรักษาสิวค่อนข้างมีข้อจำกัดและอาจจะมีผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่ายาทาภายนอก ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนรับประทานเพื่อความปลอดภัยของตนเอง การรักษาสิวด้วยวิธีทานยาสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบหลักๆ ได้แก่
การใช้ยาปฏิชีวนะและยาต้านเชื้อแบคทีเรียชนิดทานเพื่อรักษาสิว มีทั้งแบบรับประทานเดี่ยว ๆ และใช้เป็นยาสูตรผสมสองตัวร่วมกัน ขึ้นอยู่กับอาการความรุนแรงของสิวและดุลพินิจของแพทย์ ยาปฏิชีวนะชนิดทาน ได้แก่
ทั้งนี้ ข้อเสียของการใช้ยาปฏิชีวนะคือ ถ้าหากใช้ไปสักระยะอาจเกิดอาการดื้อยาได้
เป็นยาในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวที่มีความรุนแรงปานกลางไปจนถึงรุนแรงมาก และผู้ที่มีอาการดื้อยาจากการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยยา Isotretinoin ออกฤทธิ์ ดังนี้
แม้ว่า Istretinoin จะมีฤทธิ์ครอบคลุมในการรักษาสิว แต่ก็มีผลข้างเคียงเช่นเดียวกัน ซึ่งความรุนแรงของผลข้างเคียงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ทั้งนี้ วิธีลดสิวโดยยาทานและยาทาภายนอกทุกชนิด ควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตามฉลากบนกล่องอย่างเคร่งครัด เนื่องจากยาบางตัวสามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้หากใช้ผิดวิธี
การรักษาด้วยฮอร์โมน ใช้เพื่อลดการสร้างและต่อต้านฮอร์โมนแอนโดรเจน ที่มาจากทั้งรังไข่และต่อมหมวกไตหนึ่งในต้นเหตุของการเกิดสิว ซึ่งยาชนิดทานที่ใช้ควบคุมฮอร์โมนมี 2 ชนิด ได้แก่
ยาคุมกำเนิดชนิดทาน (Oral Contraceptives) นิยมใช้กับผู้หญิง โดยมีคุณสมบัติดังนี้
Gonadotropin - Releasing Hormone Agonists เป็นยาที่ทำลายวงจรการปล่อยฮอร์โมน Gonadotropin ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างฮอร์โมน Androgen จึงช่วยลดฮอร์โมน Androgen ได้
การรักษาสิวโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ต้องใช้ความชำนาญในการใช้เครื่องมือทางการแพทย์สำหรับการรักษา ได้แก่
เลเซอร์และการบำบัดด้วยแสง เป็นวิธีรักษาสิวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันและมีการพัฒนาอยู่ตลอด โดยมีข้อดี ดังต่อไปนี้
ในปัจจุบันเลเซอร์ที่ใช้รักษาสิวมีหลายชนิด ได้แก่
เลเซอร์วีบีม เป็นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ผ่านการส่งความร้อนลงไปยังผิวหนังแท้ เพื่อทำลายเส้นเลือดที่ผิดปกติให้เกิดการจัดเรียงตัวใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน จึงช่วยรักษาสิวและรอยแดงจากสิวได้
เลเซอร์ชนิดนี้สามารถรักษาให้รอยดำและรอยแดงจากสิวจางลง ทั้งยังช่วยรักษาสิวอักเสบ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่
เลเซอร์ชนิดนี้นิยมใช้รักษาสิวอุดตันให้ค่อย ๆ ยุบตัวลง เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการกดสิวที่อาจทำให้สิวอักเสบและมีอาการรุนแรงมากกว่าเดิม
เลเซอร์ชนิดนี้ช่วยรักษารอยแดงจากสิว ลดรอยแผลเป็นจากสิว รวมถึงช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นได้
เลเซอร์ชนิดนี้สามารถรักษารอยหลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิว และช่วยให้จุดด่างดำดูจางลงได้ ทั้งนี้ หลังการรักษาผิวอาจมีสีชมพูหรือแดงจัด หรือบางคนอาจมีผิวคล้ำหมองขึ้นชั่วคราว แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเอง
เป็นการรักษาสิวโดยใช้สารเคมีลอกผิวหนังชั้นนอกสุด เพื่อช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ Keratinocyte ในรูขุมขนเกาะตัวน้อยลง เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถใช้การรักษาแบบอื่นได้ เช่น ผู้ที่ตั้งครรภ์ไม่สามารถใช้ยาบางตัวได้
วิธีนี้ใช้รักษาได้เฉพาะสิวอุดตันหัวเปิด ซึ่งการกดสิวไม่ใช่วิธีรักษาจากต้นเหตุ และไม่สามารถลดการอัตราการเกิดสิวได้ จึงจำเป็นต้องรักษาควบคู่ไปกับวิธีอื่น ๆ เช่น การใช้ทายาหรือยาทาน
เป็นวิธีรักษาที่นิยมใช้กับสิวอักเสบและก้อนใต้ผิวหนัง โดยการฉีดสเตียรอยด์เข้าไปที่สิวโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้สิวยุบตัวได้เร็ว แต่อาจทำให้บางคนเกิดรอยแผลเป็นได้
การรักษาสิวโดยแพทย์จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์ก่อนทำการรักษา เพื่อตรวจดูอาการและสาเหตุของสิว รวมถึงเลือกวิธีรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวมากที่สุด
เนื่องจากสิวมีหลายประเภท ไม่ว่าจะสิวอุดตันหรือสิวอักเสบต่างก็มีประเภทแยกย่อยลงไปอีก ปัจจุบันจึงมีการรักษาสิวหลากหลายวิธีและให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อให้รักษาสิวได้อย่างตรงจุด จึงควรไปพบแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ด้านการรักษาสิว เพื่อหาสาเหตุของการเกิดสิวและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม เพื่อจัดการปัญหาสิวที่คอยกวนใจให้ลดลงได้
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบันทำให้การพบแพทย์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะมีแอปพลิเคชัน SkinX ที่รวบรวมแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังกว่า 210 ท่าน จากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ ที่จะมาให้คำปรึกษาปัญหาสิวได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ปรึกษาแพทย์ได้ทันที ไม่จำเป็นต้องรอ
แหล่งข้อมูลอ้างอิงบางส่วน
Goh, C., Cheng, C., Agak, G., Zaenglein, A.L., Graber, E.M., Thiboutot, D.M., & Kim, J. (n.d.). Acneiform Disorders. Fitzpatrick’s Dermatology 9 TH Edition (1391-1404). McGraw-Hill Education.
DermNet NZ Staff, (n.d.) Acne treatment. DermNet NZ. https://dermnetnz.org/topics/acne-treatment
Mayo Clinic Staff, (2020, Aug 06). Acne-Diagnosis and treatment. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/acne/diagnosis-treatment/drc-20368048
Burke, D & Coelho, S. (2022, Feb 23). Everything You Want To Know About Acne. Healthline. https://www.healthline.com/health/skin/acne
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูทั้งหมด