SkinX

GET-On the App Store

SkinX Team

4 ธันวาคม 2567

Biostimulators สารเติมเต็มสร้างคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรงอย่างปลอดภัย

Biostimulators

Key Takeaway

 

  • Biostimulator (หรือ Collagen biostimulator) คือ สารเติมเต็มที่ช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตคอลลาเจนมากขึ้นเพื่อทดแทนการผลิตคอลลาเจนที่ลดลงตามอายุ
  • Biostimulators ช่วยฟื้นฟูชั้นผิวให้แข็งแรงมากขึ้น พร้อมลดปัญหาความหย่อนคล้อยบนใบหน้า ทำให้รู้สึกกระชับและเต่งตึง
  • Biostimulators แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ แบบมีสารไฮยาลูรอนิกเป็นส่วนประกอบ และแบบไม่มีสารไฮยาลูรอนิกเป็นส่วนประกอบ
  • หลังฉีด Collagen Biostimulators จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนประมาณช่วงสัปดาห์ที่ 4 ขึ้นอยู่กับการ
สารบัญบทความ

ทำความรู้จักเกี่ยวกับสาร Biostimulators

Biostimulator (ไบโอสติมูเลเตอร์) คือ สารเติมเต็มที่ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวเกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนขึ้น ทำให้ภายในชั้นผิวผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้นตามกลไกของร่างกาย โดยวัตถุดิบที่ใช้ผลิต Biostimulators มักเป็นสารที่สามารถย่อยสลายได้เองจึงมีปลอดภัยต่อร่างกายสูง

หลักการทำงานของ Biostimulators

Biostimulators มีส่วนช่วยให้ร่างกายกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้อย่างไร? 

 

ในช่วงวันแรกที่ฉีด Biostimulators เข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ตัวสารจะช่วยเติมเต็มชั้นผิวให้เรียนเนียนขึ้นเล็กน้อย จากนั้นสารจะค่อย ๆ ถูกดูดซึมเข้าในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวบริเวณที่ฉีดสารค่อย ๆ ยุบตัวลง ทำให้ใบหน้าอาจมีริ้วรอยขึ้นตามเติม

 

แต่เมื่อสาร Biostimulator ซึมเข้าชั้นผิวแล้ว จะไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตเส้นใยคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ขึ้น ทำให้โครงสร้างผิวค่อย ๆ ได้รับการฟื้นฟู ซึ่งส่งผลให้ผิวที่หย่อนคล้อยดูกระชับขึ้น และกระตุ้นให้ผิวสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนสม่ำเสมอ และแข็งแรงอย่างเป็นธรรมชาติ

Biostimulators มีกี่ชนิด แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร?

Biostimulator มีอะไรบ้าง

Biostimulator มีอะไรบ้าง? ในเบื้องต้นสามารถแบ่งชนิดของ Biostimulators ออกเป็น 2 ชนิดหลัก คือ แบบมีสารไฮยาลูรอนิกประกอบ และแบบไม่มีสารไฮยาลูรอนิกประกอบ

Biostimulators ที่มี HA เป็นสารประกอบ

Biostimulators ที่มีไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) เป็นสารประกอบ คือ สารกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในผิวโดยมีไฮยาลูรอนิกเป็นส่วนประกอบ จึงมีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้เล็กน้อย เน้นการฉีดปริมาณเพื่อเติมเต็มมากกว่า เช่น Profhilo ที่เป็นกรดไฮยาลูรอนิกเข้มข้น

Biostimulators ที่ไม่มีสารประกอบ HA เป็นสารประกอบ

Biostimulators ที่ไม่มีไฮยาลูรอนิกเป็นสารประกอบ คือ สารกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนให้กับผิวโดยปราศจากสารไฮยาลูรอนิก Biostimulator ชนิดนี้มีจุดเด่นช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสารที่มักนำมาฉีดกระตุ้นคอลลาเจนมีดังนี้

 

  • PLLA

PLLA (Poly-L-lactic acid) คือ พอลิเมอร์สังเคราะห์จากพืชที่สามารถย่อยสลายในร่างกายได้อย่างปลอดภัย จึงมักถูกนำมาใช้ในการแพทย์ เช่น ไหมเย็บแผลแบบละลาย แผ่นยึดกระดูก และในส่วนของหัตถการความงาม PLLA ก็ถูกนำมาใช้กระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารคอลลาเจน ทำให้ผิวที่มีปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้รับการเติมเต็ม

 

  • PCL

PCL (Polycaprolactone) คือ พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่มักนำมาใช้ในการแพทย์อย่างเช่นการทำกระดูกอ่อนเทียม เพราะ PCL มีความแข็งแรงทนทานสูง สามารถย่อยสลายตัวเองได้อย่างปลอดภัยได้โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง นอกจากนี้ PCL มักถูกนำมาใช้ทางด้านเสริมความงาม เช่น ร้อยไหมกระชับผิว ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูผิวให้ดูฟูมากขึ้น

 

  • CaHA 

Calcium Hydroxyapatite (CaHA) คือ แร่ธาตุแคลเซียม เหมือนกับที่มีอยู่ในร่างกาย เช่น ฟัน และกระดูก ซึ่งจะถูกนำมาสังเคราะห์และฉีดเข้าสู่ผิวเพื่อช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย จากนั้น CaHA จะกระตุ้นให้เซลล์บริเวณที่ฉีดเกิดกระบวนการผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น เมื่อมีคอลลาเจนที่เพียงพอจึงทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียน กระจ่างใส

Biostimulators มีส่วนช่วยเรื่องใดบ้าง

เมื่อร่างกายอยู่ในช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป ระบบการทำงานต่าง ๆ จะเสื่อมสภาพลง การผลิตคอลลาเจนในร่างกายเองก็ลดลงด้วยเช่นกัน แต่ปริมาณที่คอลลาเจนที่สลายตัวยังคงเท่าเดิมอยู่ จะเห็นได้ว่าเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้นผิวจะดูไม่เรียบเนียน ผิวหมองคล้ำง่ายกว่าแต่ก่อน และมีความหย่อนยานลงหลังจากที่มีอายุเพิ่มขึ้น 

 

ดังนั้นการฉีด Biostimulators จึงเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าให้ผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนความสามารถในการผลิตคอลลาเจนที่สูญเสียไปจากอายุที่มากขึ้น นอกจากนี้แล้ว Biostimulator ยังมีส่วนช่วยในเรื่อง…

 

  • ลดริ้วรอยเล็ก ๆ 
  • ลดร่องลึกที่ปรากฏบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม
  • แก้ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียน เช่น รูขุมขนกว้าง
  • เพิ่มความกระชับให้กับใบหน้า ให้ผิวเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น

“ความต่างระหว่าง Biostimulators และ Filler Filler เป็นการฉีดสารบนผิวเพื่อเติมเต็มใบหน้าให้ดูกระชับ เต่งตึง และช่วยกักเก็บน้ำให้ผิวดูชุ่มชื้นได้ทันที แต่ Biostimulators จะเป็นการฉีดสารบนผิวเพื่อกระตุ้นให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน แม้ว่าช่วงวันแรก ๆ ที่ฉีดผิวจะดูกระชับ แต่หลังจากนั้นผิวจะยุบตัวลงชั่วคราว เมื่อสารซึมเข้าสู่ผิวแล้วก็จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อก็จะทำให้ผิวกลับมากระชับและริ้วรอยน้อยลงได้อีกครั้ง”

ฉีด Biostimulators กระตุ้นคอลลาเจนมีหัตถการใดบ้าง

หลังจากที่ทราบความแตกต่างของ Biostimulators แต่ละชนิดรวมถึงประโยชน์ของ Biostimulator แล้ว หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่ามีหัตถการใดบ้างที่นับว่าเป็น Biostimulators? ในที่นี้ทาง SkinX ได้รวบรวมวิธีกระตุ้นคอลลาเจนที่เป็นที่นิยมให้สามารถตัดสินใจเลือกหัตถการที่เข้ากับตนเองที่สุดได้ ดังนี้

Sculptra

Sculptra คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน PLLA ซึ่งถือว่าเป็น Original Collagen Biostimulator ที่ได้รับการรองรับจาก FDA (องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา) โดยทั่วไปแล้วจะนำ Sculptra มาฉีดเข้าสู่ผิวบริเวณที่ต้องการเพื่อกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้สามารถผลิตคอลลาเจนได้ตามปกติ จึงช่วยให้ริ้วรอยที่ผิวดูจางลง ใบหน้าดูกระชับมากขึ้น และยังมีส่วนช่วยลดเซลลูไลท์ได้เช่นเดียวกับการทำ Thermage

 

การฉีด Sculptra ในแต่ละครั้งใช้ปริมาณ 10 CC (1 ขวด) เมื่อฉีดสารเข้าสู่ชั้นผิวจะเห็นว่าผิวดูเรียบเนียนขึ้นทันที ในระหว่างนั้นผิวอาจจะมีริ้วรอยกลับขึ้นอีกครั้งเพราะสารที่ฉีดจะซึมในเซลล์ผิว แต่เมื่อผ่านไป 1-3 เดือนจะเห็นว่าริ้วรอยดูจางลงและผิวเรียบเนียนขึ้น นั่นเป็นผลจาก PLLA Sculptra สามารถกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้ดี (66.5%) โดยประสิทธิภาพของ Sculptra จะคงประสิทธิภาพอยู่นาน 2 ปี

Radiesse

Radiesse คือ การนำ CaHA ซึ่งเป็น Biostimulators มาใช้เป็นสารกระตุ้นให้ร่างกายสามารถผลิตสารที่จำเป็นต่อผิว 5 ชนิด ได้แก่ คอลลาเจนชนิดที่ 1, คอลลาเจนชนิดที่ 3, อีลาสติน, Proteoglycan (โปรตีนช่วยกักเก็บน้ำ) และ Angiogenesis (การสร้างหลอดเลือดใหม่) ซึ่งหลังจากฉีดแล้วจะเห็นว่าผิวหน้ากลับมากระชับ เต่งตึงได้ราวกับย้อนเวลากลับไป

 

การฉีด Radiesse ในแต่ละครั้งใช้ปริมาณขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด (เฉลี่ย 1.5-3 CC) เข้าสู่ผิวหนังเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน อีลาสติน (260%) และ สารอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อผิวให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น จึงช่วยทำให้ผิวหนังมีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ริ้วรอยและร่องลึกดูจางลง ทำให้ผิวมีความเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผลลัพธ์ของ Radiesse จะคงอยู่ 2 ปี

Gouri

Gouri คือ สาร PCL ที่ปกติแล้วจะนำสารนี้มาใช้เป็นไหมละลาย แต่นำสารนี้มาผลิตในรูปแบบคอลลาเจนแบบฉีดเพื่อให้สารเข้าสู่ชั้นผิวได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเซลล์ผลิตเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินเพื่อช่วยให้ผิวหน้ามีความกระชับเต่งตึง ปรับสภาพผิวที่ไม่เรียบเนียนจากริ้วรอยและความหมองคล้ำให้กลับมากระจ่างใสเรียบเนียนได้อีกครั้ง และช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิว

 

การฉีด Gouri จะใช้ครั้งละประมาณ 1-2 CC ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการกระตุ้นเซลล์ผิว โดยเมื่อฉีดสารเข้าสู่ชั้นผิวแล้ว สารจะกระจายตัวไปยังผิวบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ร่องรอยค่อย ๆ ลดลงและส่งผลให้ผิวกลับมามีความกระชับได้เป็นอย่างดี ซึ่ง Gouri จะแสดงประสิทธิภาพเต็มที่ 1 ปี

Rejuran

Rejuran คือ สาร Polynucleotide จาก DNA แซลมอน ที่ถูกนำมาใช้กระตุ้นชั้นผิวให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจน และยังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสาร Growth factor ซึ่งเป็นสารที่ตอบโจทย์ต่อการแก้ไขปัญหาผิวเสื่อมโทรมจากรอยสิว หลุมสิว และรอยแผลเป็นต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

 

การฉีด Rejuran จะใช้ครั้งละประมาณ 2-4 CC โดยจะต้องฉีดซ้ำทุก ๆ 3 เดือนเพื่อคงประสิทธิภาพของสาร โดยเมื่อฉีด Rejuran เข้าสู่ชั้นผิวแล้ว ในช่วงแรกจะเห็นว่าผิวหนังจะดูมีความชุ่มชื้นกระจ่างใสมากขึ้น และริ้วรอยจะลดลงเล็กน้อย แต่เมื่อได้รับการฉีดซ้ำจะเห็นว่าริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยระยะผลลัพธ์ของ Rejuran จะอยู่ที่ 3-6 เดือน

หลังฉีด Biostimulators ต้องดูแลตนเองอย่างไร

ฉีด Biostimulators

หลังจากฉีด Biostimulators กระตุ้นคอลลาเจนแล้ว อาจพบอาการข้างเคียง เช่น ปวด บวมแดง ซึ่งสามารถหายเองได้ในไม่กี่วัน แต่เพื่อให้สารที่ฉีดแสดงประสิทธิภาพอย่างปลอดภัยจะต้องดูแลตนเองเพิ่มเติม ดังนี้

 

  • ปฏิบัติตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • งดทาครีม ทาเครื่องสำอางบริเวณที่ฉีดคอลลาเจนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • งดการแกะ เกา บีบ หลังจากฉีดสารอย่างน้อย 2-3 วัน หากพบอาการบวมสามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการได้
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 7 วัน
  • งดการออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกอย่างน้อย 7 วัน
  • งดสัมผัสกับความร้อน เช่น ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ซาวน่า อย่างน้อย 7 วัน
  • งดทำหัตถกรรมอื่น ๆ เช่น เลเซอร์ หรือหัตถการที่ปล่อยคลื่นพลังงานเพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของสารที่ฉีดเข้าไป

 

หมายเหตุ : หลังฉีดกระตุ้นคอลลาเจนหากพบผลข้างเคียง เช่น ผิวอักเสบ ติดเชื้อ ให้พบแพทย์เพื่อตรวจสอบและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Biostimulators

ฉีด Biostimulators เริ่มเห็นผลตอนไหน?

ส่วนมากแล้วการฉีด Biostimulators แต่ละวิธีจะเห็นผลทันทีที่ฉีด แต่จะเริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้นหลังจากฉีดกระตุ้นคอลลาเจนไปแล้ว 1-3 อาทิตย์ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ โดยความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ ผิวหน้าดูกระชับมากขึ้นและริ้วรอยดูจางลง

ฉีด Biostimulators มีโอกาสเจอผลข้างเคียงไหม?

เมื่อฉีด Collagen Biostimulators แล้วอาจเจอผลข้างเคียง เช่น อาการปวด บวมแดง ซึ่งเป็นอาการทั่วไปที่สามารถพบได้หลังจากฉีด Biostimulators แต่ถ้าพบอาการอื่น ๆ เช่น อักเสบ ผิวเปลี่ยนสี ที่อาจเกิดจากการติดเชื้อ ให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร็ว

Biostimulators vs Filler ฉีดแบบไหนดีกว่ากัน?

Biostimulators vs Filler ฉีดแบบไหนดีกว่ากันนั้นขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่ต้องการฉีด เพราะสาร Biostimulators จะเน้นไปที่การกระตุ้นให้ผิวเกิดกระบวนการผลิตคอลลาเจน แต่ Filler จะเน้นไปที่การเติมเต็มผิวที่มีร่องลึกและริ้วรอยให้กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง

ราคาค่าฉีด Biostimulators เท่าไหร่?

ราคาค่าฉีด Biostimulators กระตุ้นคอลลาเจนจะขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่เลือกฉีด เช่น

  • Sculptra ราคาเริ่มต้น 20,000-40,000 บาท
  • Radiesse ราคาเริ่มต้น 30,000-50,000 บาท 
  • Gouri ราคาเริ่มต้น 10,000-20,000 บาท
  • Rejuran ราคาเริ่มต้น 9,000-15,000 บาท

Biostimulators สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม

สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ แต่ก่อนฉีด Biostimulators กระตุ้นคอลลาเจนควรปรึกษากับแพทย์ก่อน เพราะบางหัตถการอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของสาร

สรุปฉีด Biostimulators เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนอย่างเป็นธรรมชาติ

แม้ว่าร่างกายจะอายุเพิ่มขึ้น แต่ถ้ามีโครงสร้างชั้นผิวที่ดีก็จะทำให้ใบหน้ายังคงความอ่อนเยาว์ได้อยู่เสมอ แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเสื่อมสภาพของผิวได้ เพราะร่างกายไม่สามารถผลิตคอลลาเจนได้มีประสิทธิภาพเทียบเท่าแต่ก่อน ดังนั้นการฉีด Biostimulators จะช่วยให้ผิวสร้างคอลลาเจนด้วยตนเอง ส่งผลให้ผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก และช่วยให้ร่องรอยต่าง ๆ บนใบหน้าดูจางลงได้ด้วย 

 

สำหรับผู้ที่อยากฉีด Biostimulators แต่สงสัยว่าตนเองเหมาะกับวิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบไหนที่สุด เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX และคลิกจองเวลาที่ต้องการ ก็สามารถพบแพทย์เพื่อปรึกษาได้ทุกที่โดยไม่ต้องรอและไม่เหนื่อยล้ากับการเดินทางไกล

Reference

BRIDGET MARCH,  (2024, February 27).  SkinSchool: Polynucleotides are the latest innovation storming the injectables scene.  https://www.harpersbazaar.com/uk/beauty/skincare/a44771531/polynucleotides/

Davin Lim.  (n.d.).  Biostimulator Injections.  https://drdavinlim.com/biostimulator-injections/

Dermax.  (2024, February 28).  Devolux and Sculptra PLLA Collagen Biostimulator.  https://www.dermaxmed.com/devolux-and-sculptra-plla-collagen-biostimulator.html

Merz Aesthetics.  (January 7, 2018).  What Makes Radiesse Different from Juvéderm?.  https://www.healthline.com/health/radiesse-juvederm

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ใช้งานครั้งแรกปรึกษาฟรี
Tips & Tricks
สาระน่ารู้และข่าวประชาสัมพันธ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า