SkinX

GET-On the App Store

SkinX Team

6 ตุลาคม 2565

หน้าไม่เรียบเนียน ปัญหาผิวที่ทำให้ขาดความมั่นใจ

หน้าไม่เรียบเนียน

หน้าไม่เรียบเนียน บางครั้งมีผลในด้านรูปลักษณ์ ความสวยงาม เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนไม่มั่นใจในตัวเอง นอกจากนี้การที่ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเป็นตุ่ม อาจเกิดจากโรคผิวหนังบางอย่างที่ควรจะต้องรักษา ซึ่งเป็นปัญหาด้านสุขภาพด้วย


ผิวหน้าไม่เรียบเนียน เป็นตุ่ม เป็นผด รูขุมขนกว้าง เกิดจากอะไร? มีวิธีการรักษาหรือป้องกันอย่างไรบ้าง? ในบทความนี้ SkinX จะมาตอบทุกคำถามเกี่ยวกับหน้าไม่เรียบเนียน

หน้าไม่เรียบเนียน คืออะไร?

หน้าไม่เรียบเนียน คือผิวหน้าที่มีปัญหาบางอย่าง จนทำให้ผิวหน้ามีริ้วรอย มีตุ่มนูน รูขุมขนกว้าง แห้งลอก หรือมันเยิ้ม มีรอยแผลเป็น รอยแดง รอยดำ ส่งผลให้เสียความมั่นใจ หรืออาจจะรู้สึกว่าต้องแต่งหน้าทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ซึ่งปัญหาผิวที่ทำให้หน้าไม่เรียบเนียน ได้แก่

 

  • สิว (Acne Vulgaris)

สิว เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการผลัดเซลล์ผิวผิดปกติและสาเหตุอื่นๆ จนเกิดการอุดตันที่รูขุมขน ปัญหาสิวบนใบหน้ามีหลากหลายชนิด แบ่งตามลักษณะของการอุดตัน และความรุนแรงของการอักเสบ ได้แก่

 

– สิวไม่อักเสบหรือสิวหัวดำ (Comedones) ได้แก่ สิวอุดตันหัวดำหรือสิวหัวเปิด (Open Comedone), และสิวอุดตันหัวขาวหรือสิวหัวปิด (Closed Comedone) ทำให้หน้าไม่เนียนเป็นเม็ดเล็กๆ เป็นตุ่ม

 

สิวอักเสบ (Inflammatory acne) ได้แก่ สิวตุ่มแดง (Papule), สิวหัวหนอง (Pustule), และสิวหัวช้าง (Nodule) เป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก และขนาดใหญ่บนใบหน้า สามารถรักษาได้ยากกว่าสิวอุดตัน

 

  • รอยสิว

รอยสิว เป็นปัญหาที่ตามมาหลังจากสิวหาย ซึ่งสามารถทำให้ผิวไม่เรียบเนียนได้เหมือนกับการเกิดสิว อีกทั้งรอยสิวบางประเภทยังสามารถรักษาได้ยากกว่าสิวอีกด้วย โดยรอยสิวจะมีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่

 

– รอยแดง (Post – Inflammatory Erythema) เป็นร่องรอยการซ่อมแซมเนื้อเยื่อหลังการอักเสบ

 

– รอยดำ (Post – Inflammatory Hyperpigmentation) เป็นร่องรอยการอักเสบที่เกิดจากการกระตุ้นเมลาโนไซต์ (Melanocytes) ทำให้ผิวหนังบริเวณที่อักเสบ หลังจากหายแล้วจะมีสีเข้มกว่าผิวในส่วนอื่น ซึ่งเป็นความผิดปกติที่เกิดที่ผิวหนังในชั้นหนังแท้ ทำให้รักษาได้ยาก

 

อ่านต่อได้ในบทความ : รอยดำรอยแดงบนใบหน้า คืออะไรกันแน่

 

– รอยหลุมสิว (Atrophic Scars) เป็นรอยสิวที่จะยุบลงไปในผิวจนผิวไม่เรียบเนียน เกิดจากการอักเสบรุนแรงจนร่างกายไม่สามารถสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาทดแทนได้ทั้งหมด หรืออาจเกิดพังผืดใต้ผิวหนัง สามารถรักษาได้ยาก

 

– รอยแผลเป็นนูน (Keloid Scars) เกิดจากการอักเสบรุนแรงจนถึงชั้นหนังแท้ สามารถรักษาได้ยากเช่นเดียวกัน

 

  • โรคผิวหนังอื่นๆ
 
หน้าไม่เนียนเป็นเม็ดเล็กๆ

โรคผิวหนังอื่นๆก็สามารถทำให้เกิดตุ่มนูน และการอักเสบได้เหมือนกับสิว โรคผิวหนังบางโรคในภาษาไทยก็เรียกว่าสิว เนื่องจากอาการของโรคจะเป็นตุ่มนูน หรือมีรอยแดงเหมือนกับสิว แต่ในความเป็นจริงแล้วโรคผิวหนังเหล่านั้นมีสาเหตุการเกิดที่ต่างจากสิว และมีการรักษาที่ต่างกัน ซึ่งโรคผิวหนังต่างๆที่ทำให้หน้าไม่เรียบเนียน ตัวอย่างเช่น

– ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) ส่วนใหญ่เกิดจากจุลชีพบนใบหน้า (Microbiome) ไม่สมดุล ทำให้จุลชีพกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีมากเกินไปจนก่อให้เกิดการอักเสบที่ผิวหน้าได้ ซึ่งผิวหนังอักเสบจะทำให้เกิดรอยแดง ผิวลอกเป็นขุย หรือเกิดผื่นบวมคันได้

– ซีสต์ (Cyst) สามารถทำให้ผิวหน้าไม่เรียบ ผิวขรุขระได้ในกรณีที่เกิดซีสต์ใต้ผิวหนังในชั้นตื้นๆ ซีสต์จะเป็นถุงน้ำ ภายในบรรจุของเหลว ของแข็ง หรืออากาศ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตามเนื้อเยื่อต่างๆ โดยซีสต์ชนิดที่มักจะเกิดบนผิวหน้าชั้นตื้นๆ คือ สิวข้าวสาร (Milia) ซึ่งเป็นซีสต์ที่เกิดจากการสะสมของเคราตินใต้ผิวหนัง ลักษณะเป็นตุ่มนูนคล้ายสิวไม่มีหัว หรือสิวอุดตันหัวปิด

– เนื้องอก (Neoplasms) เป็นเนื้อเยื่อที่แบ่งตัวผิดปกติ เนื้องอกชนิดที่พบบ่อย ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน คือสิวหิน (Syringoma) ที่เป็นเนื้องอกต่อมเหงื่อ มักเกิดใต้ดวงตา ลักษณะเป็นตุ่มขนาดเล็กสีขาว ซึ่งสามารถรักษาด้วยการจี้ออกหรือตัดออกได้

สิวสเตียรอยด์ เป็นสิวชนิดหนึ่งที่เกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์ทั้งแบบรับประทาน และแบบทา ต่อเนื่องกันนานจนเกินไป จนทำให้เกิดความผิดปกติอาการคล้ายโรคสิว หรืออาการคล้ายผิวหนังอักเสบ

สิวผด (Acne Aestivalis หรือ Acne Mallorca) อาการหน้าเป็นผดไม่เนียน เป็นสิวชนิดหนึ่งที่เกิดจากปัจจัยกระตุ้น อย่างเครื่องสำอางอุดตันที่รูขุมขน

 

  • ปัญหารูขุมขน

ปัญหารูขุมขนทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนได้ ทั้งรูขุมขนกว้างและรูขุมขนอุดตัน รูขุมขนกว้างเกิดจากการขยายของต่อมไขมัน นอกจากจะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนแล้วยังทำให้หน้ามันและเป็นสิวง่ายขึ้นด้วย


ส่วนรูขุมขนอุดตัน อาจเกิดจากสิ่งสกปรกอุดตัน หรือเกิดการอุดตันจากเซลล์ผิว เคราติน หรือไขมัน ทำให้หน้าไม่เรียบเนียนรูขุมขนกว้าง เห็นจุดรูขุมขนชัดขึ้น และอาจก่อให้เกิดสิวได้

 

  • ขนบนใบหน้า

ขนบนใบหน้าส่วนใหญ่แล้วเป็นขนอ่อน แต่จากลักษณะพันธุกรรมทำให้หลายคนมีเส้นขนที่ใบหน้าค่อนข้างหนา และทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนได้ อีกปัญหาหนึ่งเกี่ยวกับเส้นขนที่พบได้คือ “สิวเสี้ยน (Trichostasis Spinulosa)” ที่เกิดจากต่อมรากขนทำงานผิดปกติ จนสร้างขนขึ้นมามากเกินไป เส้นขนเหล่านั้นจะเกาะตัวรวมกันกับเคราตินและไขมันจนมีลักษณะคล้ายเสี้ยน เมื่อสิวเสี้ยนขึ้นบนใบหน้าจะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนได้มาก

“หลายคนอาจเคยรูขุมขนอุดตันเหมือนเป็นสิวที่จมูก ลักษณะเป็นจุดสีดำ จึงอาจจะเคยเรียกว่าเป็นสิวเสี้ยน แต่ในความเป็นจริงแล้วอาการดังกล่าวเรียกว่า “Sebaceous Filament” ที่เกิดจากเส้นใยไขมันรวมตัวกันและเกาะอยู่ในรูขุมขน ไม่ใช่สิวเสี้ยนแต่อย่างใด”

  • ผิวไม่สมดุล
ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเป็นตุ่ม

ปัญหาผิวไม่สมดุล นอกจากจะทำให้ ผิวหน้า ไม่เรียบเนียนแล้ว ยังก่อให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมาได้ด้วย โดยปัญหาผิวที่ไม่สมดุล ได้แก่

 

– ผิวหน้าแห้ง เกิดจากการที่ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น เกิดได้จากทั้งพฤติกรรมการดื่มน้ำ การนอนหลับ ความเครียด การไม่ดูแลผิวหน้า และปัญหาพันธุกรรม หากผิวแห้งมากจะทำให้ผิวหน้าลอกเป็นขุย หน้าหยาบกร้าน เกิดริ้วรอยง่าย และอาจจะทำให้ผิวหนังผลิตไขมันขึ้นมามากกว่าปกติเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำจนหน้ามันได้ด้วย

 

ผิวหน้ามัน เกิดจากผิวแห้งมากจนผิวไม่สมดุล และสามารถเกิดจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปได้ด้วย ซึ่งผิวมันเป็นต้นเหตุของปัญหาผิวหน้าไม่เรียบมากมาย เช่น โรคสิว, สิวอักเสบจนเกิดรอยสิว, ผิวหนังอักเสบบางชนิด, และรูขุมขนกว้าง

 

  • ริ้วรอย

ปัญหาริ้วรอยเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งอายุ ลักษณะของผิวตามพันธุกรรม และผิวแห้ง ซึ่งริ้วรอยนี้นอกจากทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนแล้ว ยังทำให้ดูมีอายุมากอีกด้วย

 

ริ้วรอย สามารถรักษาได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ แล้วฟิลเลอร์คืออะไร อันตรายหรือไม่? : ฟิลเลอร์

หน้าไม่เรียบเนียน เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง?

ปัญหาผิวต่างๆที่ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน เกิดจากหลากหลายสาเหตุ ดังนี้

 

  • อายุ

ผิวหนังของเรา ก็เป็นอวัยวะที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุได้เหมือนกันอวัยวะอื่นๆ เมื่อยังอายุน้อย ผิวหนังจะเรียบเนียน เต่งตึง จากการมีคอลลาเจนและไฟเบอร์ต่างๆในผิวจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นรอยแผลเป็นได้ยากกว่า เนื่องจากร่างกายยังสามารถฟื้นฟูเนื้อเยื่อได้ดีอยู่


เมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยรุ่น ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ผิวก็มีการเปลี่ยนแปลง เป็นสิวได้ง่ายขึ้น หน้ามัน รูขุมขนกว้าง เริ่มมีรอยสิวได้ง่าย ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเท่าเดิม


เมื่ออายุมากขึ้น เริ่มมีริ้วรอย แผลหายยากขึ้น เริ่มเป็นโรคผิวหนังมากขึ้น ก็จะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนมากกว่าเดิม ทั้งฝ้า กระ สิวข้าวสาร สิวหิน และโรคผิวหนังอื่นๆ

 

  • พันธุกรรม

พันธุกรรมเป็นตัวกำหนดลักษณะของผิวหลายอย่าง ทั้งลักษณะรูขุมขน ลักษณะเส้นขน ความยากง่ายของการเกิดรอยสิว ระดับฮอร์โมน ความไวต่อสิ่งกระตุ้น ทำให้บางคนผิวมัน ผิวแห้ง เป็นริ้วรอย เป็นสิว หรือเป็นโรคผิวหนังอื่นๆได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

 

  • ฮอร์โมน

ฮอร์โมนบางชนิด โดยเฉพาะฮอร์โมนในกลุ่มแอนโดรเจน (Androgen) มีผลกับผิวอย่างมาก หากฮอร์โมนในกลุ่มดังกล่าวโดยเฉพาะ Dihydrotestosterone (DHT) มีมากเกินไป ฮอร์โมนดังกล่าวจะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผิวหน้าเสียสมดุล หน้ามัน เกิดสิว ผิวหนังอักเสบ รูขุมขนกว้าง และปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาจนหน้าไม่เรียบเนียน


นอกจากนี้ฮอร์โมนอื่นๆ ก็มีผลกับผิวเช่นกัน อย่างเช่นฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid Hormone) มีผลต่อการกักเก็บน้ำของผิว, ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) มีผลต่อการสร้างเม็ดสีและการสร้างคอลลาเจน เป็นต้น


สิวฮอร์โมนคืออะไร ฮอร์โมนส่งผลให้เกิดสิวได้อย่างไร? : สิวฮอร์โมน

 

  • จุลชีพบนผิวหน้าเสียสมดุล

บนผิวของเราจะมีจุลชีพอาศัยอยู่หลายสายพันธุ์ ในสภาวะปกติ จุลชีพเหล่านี้จะควบคุมจำนวนของกันและกันไม่ให้มีสายพันธุ์ใดขยายตัวมากเกินไป ทำให้ผิวมีสุขภาพดี แต่เมื่อใดก็ตามมีสิ่งกระตุ้นเข้ามาทำให้จุลชีพบางสายพันธุ์ขยายตัวมากกว่าปกติ จนทำให้เกิดปัญหาผิวอย่างโรคสิว หรือผิวหนังอักเสบ ก็จะส่งผลให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเหมือนที่เคย

 

  • พฤติกรรมการดูแลผิว
ผิวไม่เรียบเนียน

ผิวหน้าเป็นบริเวณที่ต้องการการบำรุง หากบำรุงผิวหน้าสม่ำเสมอ ผิวหน้าก็จะเรียบเนียน แต่หากไม่รักษาความสะอาด ปล่อยให้ผิวแห้ง หรือเป็นสิว เป็นโรคผิวหนังโดยไม่รักษา ก็จะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเท่าที่ควร

 

  • พฤติกรรมอื่นๆที่ส่งผลกับสุขภาพผิว

พฤติกรรมการกิน การนอน การใช้ชีวิต แม้กระทั่งความเครียดสามารถส่งผลกับสภาพผิวได้ในทางอ้อม ทั้งการถูกแสงแดดที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ การทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์บางอย่างส่งผลกับการทำงานของต่อมไขมัน ดื่มน้ำไม่เพียงพอจนผิวแห้ง การใช้ยา และความเครียดมีผลกับฮอร์โมนจนเกิดปัญหาผิวที่ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน

 

  • สิ่งแวดล้อม

สิ่งแวดล้อมที่มีผลทำให้ผิวไม่เรียบเนียนได้มากที่สุด คือแสงแดด เนื่องจากรังสี UV (Ultraviolet) ในแสงแดด มีผลกระตุ้นให้โครงสร้างของผิวเปลี่ยนไป จนเกิดผลเสียต่างๆกับผิว ทั้งทำให้ผิวไหม้ เม็ดสีผิดปกติจนเกิดฝ้า กระ ทำลายคอลลาเจนในโครงสร้างผิวทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย เหนี่ยวนำให้เกิดสิวหิน และโรคผิวหนังอื่นๆ ไปจนถึงมะเร็งผิวหนังด้วย ซึ่งนอกจากจะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนแล้ว ยังอันตรายต่อสุขภาพมาก


นอกจากแสงแดดแล้ว ฝุ่นควัน และสิ่งสกปรกในอากาศยังสามารถทำให้เกิดสิวได้ นอกจากนี้ อากาศที่แห้งจนเกินไป ก็ทำให้ผิวแห้งได้มากกว่าปกติ จนหน้าลอกเป็นขุยได้เช่นกัน

วิธีดูแลผิวหน้าไม่เรียบเนียน

การดูแลเพื่อรักษาผิวหน้าไม่เรียบเนียน อยากหน้าเนียนละเอียด ควรเริ่มจากการพิจารณาว่าตนเองมีปัญหาผิวอะไรบ้าง แล้วจึงรักษาที่ต้นเหตุของปัญหาผิวต่างๆ ต่อไป เพราะปัญหาผิวแต่ละอย่างมีวิธีการแก้ไขที่ต่างกัน เราจึงควรรู้ในเบื้องต้นว่าวิธีแก้ไขปัญหาผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน มีอะไรบ้าง

ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

อยากหน้าเนียนละเอียด

อยากหน้าเรียบเนียนสามารถใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นการดูแลผิวในเบื้องต้น สารสกัดหรือสารสังเคราะห์ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจไม่ได้ให้ผลดีเท่ากับการใช้ยาทาภายนอก แต่ก็มีข้อดีคือข้อจำกัดในการใช้น้อยกว่า อีกทั้งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางตัวสามารถแก้ปัญหาผิวหลายอย่างได้พร้อมกันอีกด้วย


ตัวอย่างส่วนผสมที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อทำให้ผิวเรียบเนียน ได้แก่

 

วิตามินบีสาม หรือ ไนอะซินาไมด์ (Vitamin B3 or Niacinamide) – ช่วยลดริ้วรอย รอยดำจางลง ทำให้ผิวชุ่มชื้น ทำให้ผิวที่เป็นสิวและผิวหนังอักเสบดีขึ้นได้ด้วย


วิตามินซี (Vitamin C) – วิตามิน C ที่นำมาใช้กับครีมบำรุงผิวมีหลายตัวมาก ที่เรามักจะเห็นบ่อยๆ คือ Ascorbic Acid ช่วยให้ผิวสร้างคอลลาเจนได้ดีขึ้น ทำให้รอยดำจางลง ปกป้องผิวจากการกระตุ้นโดยแสงแดด แต่อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย


– วิตามินอี หรือ โทโคฟีรอล (Vitamin or Tocopherol) – เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน ช่วยป้องกันผิวจากรังสี UVB ทั้งยังสามารถปรับผิวให้เนียนนุ่มขึ้นได้ด้วย


– กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) – เป็นสารช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นที่มีอยู่ในผิวอยู่แล้ว จึงช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียนจากผิวแห้ง


– กลีเซอรีน (Glycerin) – เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่มีอยู่ในผิวหนังของเราอยู่แล้ว ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ทั้งยังป้องกันการระคายเคืองได้ด้วย


– อาร์บูติน (Arbutin) – ช่วยลดรอยดำจากสาเหตุต่างๆ


– กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) – ออกฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ ช่วยให้การผลัดเซลล์ผิวเป็นไปอย่างปกติ อีกทั้งยังทำให้ผิวดูสว่างขึ้นได้ด้วย


– ทรีออยล์ (Tea Tree Oil) – เป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค และต้านการอักเสบ จึงมักนำมาใช้กับเวชสำอางเพื่อรักษาสิว


– โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) – ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และยังเป็นส่วนผสมที่นิยมนำมาใช้เพื่อลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น


– กรดแลคติก (Lactic Acid) – เป็นกรดธรรมชาติชนิด AHA ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น


– กรดไกลโคลิก (Glycolic acid) – เป็นกรดธรรมชาติชนิด AHA ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ฝ้า กระ จางลง ควรใช้ร่วมกับครีมกันแดดเพราะอาจทำให้ผิวบางลง ไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย


– กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) – เป็นกรดธรรมชาติชนิด BHA สามารถแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ทั้งช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ต้านการอักเสบ นิยมใช้ร่วมกับยาทาภายนอกที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียเพื่อรักษาสิวโดยเฉพาะสิวอุดตัน

“AHA และ BHA คืออะไร? AHA และ BHA คือกรดที่ได้มาจากธรรมชาติ AHA มักจะได้มาจากผลไม้ นม ถั่ว และน้ำตาล ส่วน BHA จะได้มาจากเปลือกของต้นไม้ชนิดหนึ่ง AHA และ BHA มีคุณสมบัติทางเคมีที่แตกต่างกัน แต่จะนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวโดยให้สรรพคุณที่คล้ายกัน คือจะช่วยลดริ้วรอย รอยดำ รอยแดง ทั้งยังช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อีกด้วย”

นอกจากครีมบำรุงผิวต่างๆ ที่ควรเลือกใช้ตามปัญหาผิวที่ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนแล้ว สิ่งที่ควรใช้ไม่ว่าจะมีปัญหาผิวแบบใดก็ตามคือครีมกันแดด เนื่องจากแสงแดดเป็นสาเหตุของปัญหาผิวหลายอย่าง ที่ทำให้ผิวเสียในระยะยาว ผิวหมองลง ทั้งยังเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังที่อันตรายอย่างมะเร็งผิวหนังอีกด้วย การใช้ครีมกันแดดก็สามารถป้องกันปัญหาผิวที่เกิดจากแสงแดดได้ในระดับหนึ่ง

ใช้ยาสำหรับทาภายนอก

ยาสำหรับใช้ทาภายนอก สามารถใช้เพื่อรักษาผิวหน้าไม่เรียบเนียนได้ ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาจะใช้รักษาปัญหาผิวที่นับว่าเป็นโรคผิวหนัง อย่างเช่น โรคสิว (Acne Vulgaris) ทั้งสิวอักเสบ สิวไม่อักเสบ สิวเสี้ยน สิวข้าวสาร ผิวหนังอักเสบ และอื่นๆ


กรณีเป็นโรคสิว ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ ในเบื้องต้นจะใช้ยาทาในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Retinoids) เนื่องจากเป็นยาที่ผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย ทั้งยังออกฤทธิ์รักษาสิว และป้องกันการเกิดสิวเพิ่มได้จากหลายสาเหตุ เช่น ช่วยลดการอุดตัน และต้านการอักเสบ
ยาอีกตัวหนึ่งที่นิยมใช้ร่วมกัน คือ Benzoyl peroxide ยาดังกล่าวสามารถฆ่าเชื้อโรคหรือจุลชีพที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ โดยที่ไม่ทำให้เชื้อดื้อยา


ทั้งนี้ยาทั้งสองตัวยังคงมีข้อจำกัดในการใช้ ทำให้ผิวบางลง ระคายเคืองได้ง่าย ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือเภสัชกรก่อนการใช้ยา อีกทั้งยังควรใช้ร่วมกับครีมกันแดด เพื่อไม่ให้ผิวที่บางลงจากยาถูกแสงแดดโดยตรง


นอกจากใช้รักษาสิวแล้ว ยาทาในกลุ่มอนุพันธุ์วิตามินเอ (Retinoids) ยังนิยมใช้เพื่อรักษาหรือบรรเทาโรคผิวหนังอื่นๆ ด้วย เช่น สิวเสี้ยน และสิวข้าวสาร


ส่วนผิวหนังอักเสบมีหลายชนิด สามารถเกิดได้จากทั้งจุลชีพบนผิวหนังเสียสมดุลและภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองต่อจุลชีพเหล่านั้นมากเกินไป ซึ่งยาที่ใช้จะมีตั้งแต่ยาฆ่าเชื้อเพื่อควบคุมปริมาณจุลชีพ ไปจนถึงยาสเตียรอยด์ที่เป็นยากดภูมิคุ้มกัน


ทั้งนี้การใช้ยาต่างๆ เพื่อรักษาโรคผิวหนัง จำเป็นต้องปรึกษาเภสัชกร หรือบางอย่างอาจต้องอยู่ภายใต้การควบคุมโดยแพทย์ เนื่องจากผลข้างเคียงที่อันตราย ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนังจนทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาที่ต้นเหตุ จะได้มีสุขภาพผิวและร่างกายที่ดีต่อไป

หัตถการต่างๆ

หน้าไม่เรียบเนียนรูขุมขนกว้าง

หัตถการที่ช่วยรักษาผิวไม่เรียบมีหลากหลายวิธี บางวิธีใช้รักษาโรคผิวหนัง บ้างใช้ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ด้วยเหตุผลด้านความสวยงามมากกว่าด้านสุขภาพ และบางวิธีก็ใช้ได้กับทั้งเหตุผลด้านสุขภาพและความงาม ตัวอย่างของหัตถการที่นิยมทำกันมาก ได้แก่

 

  • การกดสิวโดยแพทย์ผิวหนัง

การกดสิว จะทำโดยการใช้เข็ม เลเซอร์ หรือการใช้ไฟฟ้าสะกิดที่ผิวหนังให้เปิดออกเล็กน้อย แล้วจึงกดของแข็ง หรือของแข็งกึ่งเหลวที่อยู่ด้านในออกมา ซึ่งการกดสิว นิยมใช้เพื่อรักษาสิวอุดตัน สิวข้าวสาร สิวหิน สิวเสี้ยน และโรคผิวหนังอื่นๆ

 

แต่การกดสิวไม่นิยมใช้รักษาสิวอักเสบ เนื่องจากการกดเอาหนองหรือหัวสิวออกขณะที่ผิวยังอักเสบจะทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น และสิวอาจจะอักเสบมากกว่าเดิมได้

 

  • การบำบัดด้วยแสง

การบำบัดด้วยแสง จะหมายรวมถึงการทำเลเซอร์ด้วย ซึ่งการบำบัดด้วยแสงนี้สามารถใช้ได้ทั้งกับการรักษาโรคผิวหนัง และปรับผิวหน้าไม่เรียบเนียนจากหลายๆ สาเหตุให้ดีขึ้นได้ ทั้งฆ่าเชื้อสิว ลบรอยดำ รอยแดงจากสิว กรอผิวเพื่อรักษาหลุมสิว รักษาซีสต์และเนื้องอกผิวหนัง กระชับรูขุมขน กำจัดขนบนใบหน้าและสิวเสี้ยน ลดความมัน อีกทั้งยังสามารถลดริ้วรอยได้ด้วย

 

การบำบัดด้วยแสงในปัจจุบันมีหลายชนิด เพื่อใช้รักษาปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนที่แตกต่างกัน ทำให้การรักษาแต่ละอย่างมีความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงที่แตกต่างกันไปด้วย ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อพูดคุยถึงวิธีการรักษาปัญหาผิวไม่เรียบเนียนที่เหมาะสมกับตนเองต่อไป

ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง SkinX

การปรึกษาแพทย์เป็นเรื่องสำคัญมากหากผิวหน้าไม่เรียบเนียน เนื่องจากการที่ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเกิดได้จากปัญหาผิวหนังหลายอย่าง ปัญหาผิวหนังบางชนิดมีลักษณะอาการที่คล้ายกัน แต่มีกระบวนการรักษาที่แตกต่างกัน การวินิจฉัยปัญหาผิวหนังอย่างถูกต้องจึงสำคัญมาก และควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


นอกจากนี้ปัญหาผิวหนังบางอย่างอาจเกิดจากปัจจัยภายในร่างกาย ทำให้แม้จะซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมาใช้แล้วอาการก็จะไม่ดีขึ้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุของอาการผิวหน้าไม่เรียบเนียน และรักษาที่ต้นเหตุต่อไป


หลายคนเข้าใจว่าการปรึกษาแพทย์ผิวหนังควรทำก็ต่อเมื่อเป็นโรคผิวหนังที่อันตรายเท่านั้น ความจริงแล้วไม่ใช่เลย จะเป็นโรคผิวหนังหรือปัญหาผิวหน้าใดๆ ก็ตาม หากทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ อยากแก้ไข ก็สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้แล้ว


ผู้ที่สนใจปรึกษาแพทย์ผิวหนัง สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX เพื่อเลือกแพทย์ที่ต้องการปรึกษาได้เลย ไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องเดินทาง ก็สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้ทุกที่ ดาวน์โหลดตอนนี้ ปรึกษากับแพทย์ผิวหนังครั้งแรกได้ฟรี!

การป้องกันการเกิดผิวหน้าไม่เรียบเนียน

วิธีแก้ผิวหน้าไม่เรียบ
  • รักษาความสะอาดของผิวหน้าอยู่เสมอ

  • รักษาสมดุลของร่างกายโดยรวม โดยการทานอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และผ่อนคลายความเครียด เพราะความเจ็บป่วยบางอย่างหรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจากร่างกายเสียสมดุล มีผลทำให้ผิวไม่เรียบเนียนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม

  • ดื่มน้ำให้มากเท่าที่ร่างกายต้องการ ทำให้ผิวสุขภาพดีขึ้น

  • ดูแลผิวให้สุขภาพดี โดยการทำผิวให้ชุ่มชื้น ควบคุมความมันบนใบหน้า และใช้ครีมกันแดดเป็นประจำในปริมาณที่เหมาะสม

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก่อนใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง และลดโอกาสแพ้สาร จนเกิดผื่นหรือเกิดสิวขึ้น

  • ปรึกษาแพทย์เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นบนผิวหน้า

คำถามที่พบบ่อย

หน้าไม่เนียนทําไง

หากมีปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียน ขั้นตอนแรกที่ควรทำคือการหาสาเหตุ ว่าผิวหน้าไม่เรียบเนียนเกิดจากปัญหาผิวใด แล้วค่อยหาวิธีการรักษาปัญหานั้น ซึ่งวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ เนื่องจากปัญหาผิวหลายๆ อย่างมีลักษณะคล้ายกัน แต่ต้นเหตุของปัญหาและการรักษาต่างกัน จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์


ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียนควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยปัญหาผิว และให้ความรู้เรื่องวิธีการรักษาอย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อรักษาปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนอย่างถูกต้อง

หน้าแห้งรูขุมขนกว้าง เกิดจากอะไร

หน้าแห้งรูขุมขนกว้าง ส่วนใหญ่จะเกิดจากผิวขาดความชุ่มชื้น ทำให้รูขุมขนพยายามสร้างไขมันขึ้นมาเคลือบผิว เพื่อลดการสูญเสียน้ำ การที่ต่อมไขมันสร้างไขมันมาก จะทำให้ขยายขึ้นจนเกิดเป็นรูขุมขนกว้างได้นั่นเอง


ดังนั้นวิธีการแก้ไขคือควรดื่มน้ำมากๆ และใช้ครีมบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว อย่างเช่นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิคและกลีเซอรีน เป็นต้น

สรุป

ผิวหน้าไม่เรียบเนียน สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ จะเกิดขึ้นเพียงอย่างเดียวหรือหลายอย่างพร้อมๆกันได้ ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาที่ต้นเหตุต่อไป


ปรึกษาแพทย์เมื่อมีปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียน เป็นสิว รอยสิว ฝ้า กระ หรือปัญหาผิวอื่นๆ ที่ไม่ทราบสาเหตุ สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ก็สามารถเลือกปรึกษาแพทย์ผิวหนังกว่า 210 ท่านได้ทันที ไม่ต้องเดินทางไปสถานพยาบาล ปรึกษาได้ทุกที่ ทุกเวลา ดาวน์โหลดวันนี้ ปรึกษาครั้งแรกฟรี! เพราะผิวดี ไม่ต้องรอ!

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก

 

Explained ingredients worth looking at. INCI Decoder. https://incidecoder.com/ingredients 

 

Longhurst, A. (2019, June 18). How to Get Smooth Skin Through Healthy Living, OTC Products and
        Treatments. Healthline. https://www.healthline.com/health/smooth-skin

ปรึกษาแพทย์ออนไลน์
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ใช้งานครั้งแรกปรึกษาฟรี
Tips & Tricks
สาระน่ารู้และข่าวประชาสัมพันธ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า