สรุปข้อควรรู้ก่อนทำ Fractional RF ฟื้นฟูผิวด้วยคลื่นวิทยุ
ใครที่หน้าเป็นหลุมสิว เริ่มมีริ้วรอย หน้าไม่เรียบเนียนอย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ในปัจจุบันมีนวัตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่เห็นผลลัพธ์ที่ดี เร็ว และคงผลลัพธ์ได้นานอยู่หลายตัว ในบทความนี้ SkinX เราขอแนะนำเทคโนโลยี Fractional RF ช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลายพร้อมกับลดผลข้างเคียงหลังทำหัตถการได้ดี ก่อนจะทำ Fractional RF มีข้อควรรู้อะไรบ้าง สามารถอ่านได้ในบทความนี้เลย
SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ เรามีแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางคอยให้คำปรึกษาแก่คุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถคลิกเข้าแอปและจองเข้าพบแพทย์ได้ทันที สำหรับผู้ใช้บริการครั้งแรกสามารถขอคำปรึกษากับแพทย์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
Fractional RF คือ
Fractional RF คือ การนำคลื่นความถี่วิทยุมาใช้ในการแก้ไขและบำรุงผิวพรรณ โดยคลื่นความถี่วิทยุนี้สามารถทะลวงผ่านชั้นหนังกำพร้าลงไปถึงชั้นหนังแท้เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างผิวหนัง คอลลาเจนและอิลาสตินที่สร้างขึ้นมาใหม่จะไปเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย ไม่ว่าจะหลุมสิว ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ทำให้ร่องรอยเหล่านี้ดูตื้นขึ้น ผิวภายนอกจึงดูเรียบเนียนกว่าเดิม นอกจากนี้ Fractional RF ยังสามารถแก้ไขความผิดปกติของเม็ดสีผิว ทำให้สีผิวดูสม่ำเสมออีกด้วย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคลื่น RF ได้ที่ : RF คลื่นความถี่วิทยุสลายไขมัน ยกผิวกระชับ ห่างไกลริ้วรอย
Fractional RF ต่างจาก Fractional CO2 (CO2 laser) อย่างไร
วิธีการรักษาด้วย Fractional RF กับ Fractional CO2 (CO2 laser) แตกต่างกันอย่างไร?
Fractional RF เป็นการใช้คลื่นความถี่วิทยุ RF ยิงเข้าไปสู่ชั้นใต้ผิวหนังและอาศัยความต้านทานของคลื่นวิทยุต่อเนื้อเยื่อในการแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเพื่อเข้าไปปรับปรุงและกระตุ้นชั้นโครงสร้างผิวหนัง ทำให้ผิวชั้นนอกได้รับผลกระทบน้อยกว่าและคลื่นความถี่วิทยุยังสามารถลงไปสู่ชั้นใต้ผิวได้ลึก อีกทั้งรูปแบบการกระจายพลังงานของคลื่นวิทยุ RF ยังเป็นลักษณะพีระมิดตั้ง ทำให้พลังงานกระจายได้ทั่วชั้นใต้ผิวโดยที่ส่งผลกระทบต่อผิวชั้นนอกน้อยกว่า
แต่ Fractional CO2 หรือเลเซอร์เป็นการใช้แสงเลเซอร์ยิงลงสู่ใต้ผิวเฉพาะจุด ทำให้เกิดการบาดเจ็บของผิวหนังชั้นลึกเพื่อกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนเพื่อซ่อมแซมและสร้างผิวใหม่ โดยเลเซอร์จะทำให้รู้สึกเจ็บขณะทำและผิวด้านนอกเสียหายมากกว่า Fractional RF
อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ Fractional CO2 เพิ่มเติมได้ที่ : CO2 Laser เทคโนโลยีรักษาปัญหาสิว ไฝ กระ ติ่งเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Fractional RF ทำงานอย่างไร
Fractional RF มีหลักการทำงานโดยการปล่อยคลื่นความถี่วิทยุความถี่ต่ำลงสู่ชั้นผิวหนังกำพร้าลงไปถึงชั้นผิวหนังแท้ ปกติแล้วเนื้อเยื่อเราจะมีความต้านทานที่แตกต่างกัน ยิ่งมีความต้านทานมากยิ่งก่อให้เกิดความร้อนได้สูง คลื่นพลังงานความถี่วิทยุที่ลงไปชั้นใต้ผิวหนังและเจอกับค่าต้านทานของเนื้อเยื่อจึงกลายเป็นพลังงานความร้อน
เมื่อเนื้อเยื่อเจอกับพลังงานความร้อนจะทำให้โครงสร้างคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพถูกทำลายและเกิดการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินที่แข็งแรงขึ้นมาใหม่เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูผิว ผลลัพธ์ที่ได้จึงทำให้ชั้นผิวใหม่แข็งแรง ดูกระชับ ริ้วรอยลดลง ผิวเรียบเนียนขึ้น
ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ Fractional RF อยู่ 2 แบบ คือ Fractional RF NON-Needle Technology และ Fractional RF Micro Needle Technology
Fractional RF NON-Needle Technology คือ
Fractional RF NON-Needle Technology คือเทคโนโลยี Fractional RF แบบไม่ใช้เข็มช่วยในการส่งคลื่นความถี่วิทยุ โดยหัวทิปของเครื่อง Fractional RF กลุ่มนี้จะเป็นหัวสัมผัส ภายในหัวทิปแต่ละแถวจะมีการจ่ายคลื่น RF ประจุลบและประจุบวกสลับกัน ทำให้พลังงานที่ลงสู่ใต้ผิวจะเป็นลักษณะ Dual Matrix หรือประจุวิ่งสลับกันไปมาทำให้ความต้านทานกับเนื้อเยื่อลดลง ลดอาการเจ็บปวดขณะทำได้
Fractional RF Micro Needle Technology คือ
Fractional RF Micro Needle Technology (FRM) คือเทคโนโลยี Fractional RF ที่มีการนำเข็มขนาดเล็กมาก ๆ มาเพื่อเป็นตัวส่งผ่านคลื่นความถี่วิทยุลงสู่ชั้นใต้ผิวหนังโดยตรง ทำให้คลื่นพลังงานสามารถลงไปถึงชั้นหนังแท้ได้ลึกและแม่นยำ รูปแบบคลื่นความถี่วิทยุที่ยิงลงไปจะอยู่เฉพาะจุด ไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง สามารถควบคุมการปล่อยพลังงานได้หลายระดับและยังถนอมผิวชั้นบนได้ดีอีกด้วย
“มีงานวิจัยได้ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการรักษาปัญหาผิวด้วยเทคโนโลยี fractional RF microneedle โดยทดสอบกับผู้ป่วยที่มาเป็นอาสาสมัครชาวไทย 55 ราย พบว่า 74% ของผู้ป่วยรู้สึกพึงพอใจมากเมื่อได้รับการรักษาด้วย fractional RF microneedle ไปแล้ว 3 ครั้งและผลทางคลินิกพบว่าผลลัพธ์ที่ดีสามารถคงอยู่ได้นาน 3-5 เดือนเป็นอย่างน้อย อีกทั้งยังไม่พบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระหว่างการศึกษาครั้งนี้อีกด้วย จึงสามารถสรุปได้ว่าการรักษาด้วย fractional RF microneedle ให้ประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีและมีความปลอดภัย”
ทั้งสองแบบมีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น Fractional RF NON-Needle Technology หรือ Fractional RF Micro Needle Technology ก็เป็นการรักษาปัญหาผิวด้วยการใช้คลื่นความถี่วิทยุที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่ชั้นใต้ผิวโดยตรงในขณะที่พลังงานจะไม่ไปทำอันตรายกับผิวชั้นนอกมากเท่ากับการทำเลเซอร์ แต่ทั้งสองแบบก็มีข้อดีเฉพาะตัวดังนี้
- Fractional RF NON-Needle Technology ช่วยแก้ปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ริ้วรอยได้ดีประมาณหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะส่งพลังงานได้ไม่ลึกเท่ากับ Fractional RF Micro Needle Technology แต่เหมาะกับผู้ที่มีอาการกลัวเข็มและระดับความเสียหายของผิวไม่มากนัก
- Fractional RF Micro Needle Technology ช่วยแก้ปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ริ้วรอยได้ดีมาก สามารถแก้ปัญหาได้ลึกกว่าการใช้ Fractional RF NON-Needle Technology อีกทั้งยังปรับระดับความลึกได้ตามต้องการเพื่อแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันได้อย่างตรงจุด และสามารถยิงหลายระดับพร้อมกันในครั้งเดียว
Fractional RF ดีอย่างไร
Fractional RF ดีอย่างไร?
- Fractional RF เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหาผิวตั้งแต่ชั้นลึก ทำให้ผลลัพธ์ที่ดีเกิดขึ้นตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก
- Fractional RF ช่วยถนอมผิวชั้นบนได้ดีกว่า เกิดผลข้างเคียงเป็นรอยดำและบาดแผลที่ผิวน้อยกว่า
- Fractional RF สามารถทำได้กับสีผิวทุกระดับ
- Fractional RF มีความเจ็บที่น้อย ฟื้นตัวได้ไว ไม่ต้องพักฟื้น
Fractional RF เหมาะกับใคร
Fractional RF เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวเหล่านี้
- Fractional RF เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว รอยแผลเป็น
- Fractional RF เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
- Fractional RF เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่กระชับ หย่อนคล้อย มีริ้วรอย
- Fractional RF เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวแตกลาย
ใครไม่เหมาะที่จะทำ Fractional RF
ถึงแม้ว่าคุณจะมีปัญหาผิวที่เหมาะสมแก่การทำ Fractional RF แต่หากคุณมีข้อจำกัดเหล่านี้ การทำ Fractional RF อาจไม่เหมาะสมสำหรับคุณ
- เป็นผู้ป่วยที่มีโรคทางผิวหนังและเป็นแผลเปิดบริเวณที่ต้องการรักษาด้วย Fractional RF
- เป็นผู้ป่วยโรคหัวใจที่ใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าอยู่
- เป็นผู้ป่วยที่มีอุปกรณ์โลหะฝังอยู่บริเวณที่ต้องการรักษาด้วย Fractional RF
- เป็นผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- เป็นผู้ที่เพิ่งผ่านการลอกผิวด้วยวิธีอื่นมาไม่เกิน 3 เดือน
Fractional RF ทำจุดไหนได้บ้าง
Fractional RF สามารถทำได้หลากหลายจุดไม่ว่าจะเป็นบริเวณใบหน้า ลำคอ ท้องแขน หน้าท้อง ต้นขา เป็นต้น เพื่อยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย แต่ส่วนใหญ่ Fractional RF มักนิยมทำกับบริเวณใบหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้างไม่เรียบเนียน
การเตรียมตัวก่อนทำ Fractional RF
ก่อนเข้ารับการทำหัตถการ Fractional RF สามารถเตรียมตัวเบื้องต้นได้ดังนี้
- รักษาความสะอาดผิวหน้าเป็นประจำ
- หากในช่วงก่อนวันทำหัตถการ Fractional RF เกิดมีสิวขึ้นห้ามกดแกะบีบสิวเองโดยเด็ดขาด
- ควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวจากแสงแดดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำหัตถการ Fractional RF
- สามารถรับประทานอาหารก่อนทำหัตถการ Fractional RF ตามปกติ
ขั้นตอนการทำ Fractional RF
ในวันเข้ารับบริการหัตถการ Fractional RF จะมีขั้นตอนคร่าว ๆ ดังนี้
- เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวบริเวณที่ต้องการทำหัตถการให้เรียบร้อย
- แพทย์จะนำหัวทิปของอุปกรณ์ Fractional RF แนบไปยังบริเวณที่ต้องการรักษา เครื่องจะส่งพลังงานคลื่นความถี่วิทยุจากหัวทิปลงสู่ใต้ผิวหนัง (สำหรับ Fractional RF Micro Needle Technology ที่หัวทิปจะมีเข็มขนาดเล็กมาก ๆ อยู่ทำหน้าที่ในการเปิดผิวและนำส่งคลื่นวิทยุลงสู่ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก) ขณะทำอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
- เมื่อเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่เข้ามาทำความสะอาดผิวให้ก่อนจะให้กลับบ้าน
การดูแลตัวเองหลังทำ Fractional RF
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีหลังทำหัตถการ Fractional RF สามารถดูแลตนเองตามข้อแนะนำนี้
- หลังทำหัตถการ Fractional RF อาจมีรอยแดง แต่รอยแดงนี้จะค่อย ๆ จางหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง
- ผู้เข้ารับบริการสามารถทาครีมบำรุงและแต่งหน้าได้ตามปกติ สำหรับ Fractional RF micro needle Technology ให้หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุดและควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเป็นประจำ
- ไม่ควรล้างหน้าอย่างรุนแรงและควรจะใช้เจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยนเพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
- ในช่วงแรกหลังทำหัตถการ Fractional RF ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามิน A และ C รวมถึงสารกลุ่ม AHA
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้มากพอในแต่ละวัน
- หากหลังทำหัตถการเกิดสะเก็ดขึ้นบริเวณที่รักษา ห้ามแกะเกาสะเก็ดออกและรอให้สะเก็ดหลุดเอง
ผลข้างเคียงจากการทำ Fractional RF
Fractional RF เป็นเทคโนโลยีที่ใช้รักษาปัญหาผิวได้อย่างปลอดภัยและให้ผลข้างเคียงที่น้อยมาก ๆ หลังทำ Fractional RF อาจพบผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยบวมแดง รู้สึกเจ็บใต้ผิว หรือหากใช้ Fractional RF Micro Needle Technology ก็อาจมีรอยเข็มเล็ก ๆ ตามผิว ซึ่งอาการเหล่านี้จะจางหายไปเอ
คำถามที่พบได้บ่อย
Fractional RF กี่ครั้งเห็นผล
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจนแนะนำการเข้ามารับบริการ Fractional RF ประมาณ 4-5 ครั้ง อาจน้อยหรือมากกว่านี้ได้ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวเดิมของแต่ละบุคคล
Fractional RF ราคาเท่าไหร่
Fractional RF ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000-5,000 บาทต่อการทำ 1 ครั้ง แต่การทำ Fractional RF เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนก็มักจะไม่จบเพียง 1 ครั้ง หลายสถานพยาบาลจึงมักจะมีโปรโมชัน Fractional RF เป็นคอร์สราคาพิเศษ ช่วยให้คุณประหยัดกว่าจ่ายเป็นรายครั้ง
Fractional RF เห็นผลเร็วไหม
Fractional RF สามารถเห็นความแตกต่างได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยจะเห็นความแตกต่างก่อนและหลังทำไปประมาณ 2 สัปดาห์ แต่เพื่อให้การทำ Fractional RF สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าควรจะเข้ารับการทำ Fractional RF ประมาณ 4-5 ครั้งหรือตามคำแนะนำของแพทย์
Fractional RF เจ็บไหม
Fractional RF เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผิวหนังชั้นในโดยที่ส่งผลกระทบต่อผิวชั้นนอกน้อย ทำให้มีความรู้สึกเจ็บน้อยกว่า
สรุป
Fractional RF คือเทคโนโลยีในการรักษาปัญหาผิวด้วยการใช้คลื่นความถี่วิทยุ RF กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกายและซ่อมแซมให้ผิวกลับมามีลักษณะที่ดีขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จึงทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดลง สีผิวดูสม่ำเสมอ โดยที่ Fractional RF ยังเป็นหัตถการที่ปลอดภัย เกิดผลข้างเคียงที่ต่ำกว่าอีกด้วย
สนใจการทำ Fractional RF อยากขอคำปรึกษาจากแพทย์ผิวหนัง? ที่ SkinX เรามีแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางคอยให้คำปรึกษาแก่คุณทุกที่ทุกเวลา พิเศษกว่า ที่ SkinX เรามีดีลหัตถการราคาพิเศษ ช่วยให้คุณได้ทำหัตถการราคาประหยัดกว่าอีกด้วย
Reference
Fractional RF. (n.d.). VBB GENTEK. https://www.vbbgentek.com/en/fractional-radiofrequency
Thanasarnaksorn, W., Siramangkhalanon, V., Duncan, D. I., & Belenky, I. (2018). Fractional ablative and nonablative radiofrequency for skin resurfacing and rejuvenation of Thai patients. Journal of cosmetic dermatology, 17(2), 184–192. https://doi.org/10.1111/jocd.12413