ควบคุมน้ำหนัก
24 มิถุนายน 2568

พุงย้อย พุงป่อง และลงพุง เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง เราจึงต้องหาวิธีลดพุงที่เหมาะสมกับตัวเอง เนื่องจากปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง อีกทั้งการมีไขมันสะสมในช่องท้องมากเกินไป มีความเสี่ยงต่อการมีพุง และเกิดโรคต่าง ๆ ได้
หลายคนมีวิธีลดพุงที่ผิดวิธี ทั้งการออกกำลังกายอย่างหนัก การอดอาหาร หรือการรับประทานยาลดน้ำหนัก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวิธีลดพุงอย่างผิดวิธี ในบทความนี้ SkinX จะมาแนะนำวิธีลดพุงอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการลดพุงด้วยตัวเอง หรือการทำหัตถการลดพุง รวมไปถึงการแยกประเภทพุงแบบต่าง ๆ ที่สามารถสำรวจตัวเองได้จากบทความนี้
SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางผ่านออนไลน์ ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่ที่ไหนก็พบแพทย์ได้ทันทีเสมือนมีแพทย์มาหาคุณถึงบ้าน สำหรับผู้ใช้งานใหม่สามารถขอคำปรึกษากับแพทย์ผิวหนังผ่านแอป SkinX ได้ไม่มีค่าใช้จ่าย
สำหรับคนที่อยากลดพุง ลดหน้าท้อง เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับตัวเอง สามารถดูวิธีลดพุงฉบับคนไม่มีเวลาที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองดังนี้
วิธีลดพุงวิธีแรก และเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การรับประทานอาหารแบบคุมแคลอรี่ วิธีนี้เป็นการรับประทานอาหารโดยจำกัดจำนวนแคลอรี ให้ร่างกายได้รับพลังงานในปริมาณที่น้อยกว่าความต้องการต่อวัน
ซึ่งวิธีนี้ทำให้เกิดพลังงานที่ขาดดุล (Calorie Deficit) และเป็นการบังคับช่วยให้ร่างกายเอาไขมันที่สะสมไว้มาใช้เป็นพลังงานทดแทน จึงช่วยลดพุงที่สะสมบริเวณไขมันช่องท้องและไขมันส่วนเกินได้ อาหารที่เหมาะสมต่อการคุมแคลอรี่ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช นอกจากนี้ควรงดอาหารแปรรูป ของมัน และของทอดรวมด้วย จะทำให้คุณสามารถลดพุงได้ดียิ่งขึ้น
การรับประทานอาหารที่มีรสหวาน หรือมีส่วนประกอบของน้ำตาลที่มากเกินไป ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น มีพุง อีกทั้งยังทำให้ไขมันในช่องท้องสะสมเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากการน้ำตาลในเลือดสูงเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แนะนำให้มีการบริโภคน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือประมาณ 24 กรัมเท่านั้น ทั้งนี้ควรเช็กปริมาณน้ำตาลก่อนบริโภคอาหารและเครื่องดื่มในแต่ละวัน ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นวิธีลดพุงที่ได้ผลเช่นกัน
การเลือกรับประทานผักและผลไม้ช่วยที่มีไฟเบอร์และใยอาหารสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ พืชตระกูลถั่ว เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลดพุง เพราะนอกจากจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของร่างกายดีขึ้น ยังสามารถดักจับสารพิษต่าง ๆ อีกทั้งมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันสะสมในร่างกายได้อีกด้วย
สลัดและซุป เป็นอาหารที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ และมีแคลอรีต่ำ หากเริ่มการรับประทานอาหารด้วย 2 สิ่งนี้ จะทำให้เราอิ่มและรับประทานอาหารอื่น ๆ ได้น้อยลง วิธีลดพุงนี้จึงสามารถควบคุมการรับประทานอาหารเกินประมาณที่ควรจะได้รับ และป้องกันการเกิดไขมันสะสมได้
วิธีลดพุงนอกเหนือจากอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำแล้วนั่นก็คือ อาหารที่มีโปรตีนสูงและไขมันน้อย จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้นานขึ้น และลดความอยากอาหารรสหวานลง
อีกทั้งการรับประทานโปรตีนยังช่วยลดพุงและลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น ซึ่งวิธีการรับประทานโปรตีนที่เหมาะสมในแต่ละวันคือ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อ 1 วัน* (หากมีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม ควรรับประทานโปรตีนวันละ 50 กรัม) ทั้งนี้ควรเลือกโปรตีนที่มีไขมันน้อย เช่น อกไก่ ปลาแซลมอน และเว้นการรับประทานโปรตีนที่มีไขมันเยอะอย่างเนื้อหมูสันคอ เนื้อวัวที่มีไขมันแทรกเยอะ เพราะนอกจากจะได้โปรตีนสูงแล้วเรายังได้ไขมันสูงด้วยเช่นกัน
*สำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตประจำวันปกติ หากเป็นผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอแนะนำให้รับประทานโปรตีนให้ได้ 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อ 1 วัน
น้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกายที่ขาดไม่ได้ การดื่มน้ำก็มีส่วนช่วยให้ลดพุง และทำให้ร่างกายสดชื่นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารจะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และลดการรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นอีกด้วย ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่สูงก่อนรับประทานอาหาร เช่น น้ำผลไม้ หรือน้ำอัดผล เพราะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอิ่ม แต่ทำให้เราได้รับแคลอรีมากเกินความจำเป็น อาจส่งผลให้เกิดการสะสมของไขมันส่วนเกินได้
การขยับร่างกายระหว่างวัน หรือการหากิจกรรมทำในเวลาที่ว่างช่วยเพิ่มการเผาผลาญแคลอรีได้ การเคลื่อนไหวให้มากขึ้นยังช่วยส่งเสริมกล้ามเนื้อและเป็นวิธีลดพุงได้อีกด้วย เหมือนคำนิยามที่หลายคนอาจจะคุ้นหูกันของ สสส.อย่าง “แค่ขยับ เท่ากับ ออกกำลังกาย” ในส่วนของกิจกรรมที่สามารถทำได้ง่าย ๆ เช่น การใช้บันไดแทนลิฟต์ หรือการยืดเส้นยืดสายเมื่อนั่งเป็นเวลานาน
การออกกำลังกายแบบเข้มข้นเป็นช่วง (High intensity interval training : HIIT) คือ การออกกำลังกายแบบหนักในระยะเวลาหนึ่ง สลับกับการออกกำลังกายแบบเบาในช่วงเวลาหนึ่ง ตัวอย่างเช่น การเดินออกกำลังกายเป็นเวลา 3 นาที จากนั้นสลับมาเป็นวิ่งเวลา 30 วินาที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันและลดพุง เพราะถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระชับรูปร่างได้เป็นอย่างดี
วิธีลดพุงที่ขาดไม่ได้คือ การออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอจะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ อย่างเช่น การเดิน วิ่ง หรือว่ายน้ำ จะช่วยให้ร่างกายได้เผาผลาญแคลอรี ช่วยลดไขมันในร่างกาย และกระชับกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการออกกำลังกายยังเป็นการลดพุงที่ดี และยั่งยืนต่อร่างกายอีกด้วย
นอกจากวิธีลดพุงที่กล่าวไปข้างต้น การทำหัตถการก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถลดพุงได้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกิน ไขมันหน้าท้องสะสม แต่ไม่สามารถคุมอาหาร และไม่มีเวลาออกกำลังกาย สามารถเลือกดูหัตถการต่าง ๆ ได้
การทำ HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) เป็นการยกกระชับผิวหนังผ่านคลื่นโฟกัสอัลตราซาวนด์ลงไปในผิวชั้นลึก มีการปล่อยพลังงานอย่างสม่ำเสมอและคงที่ระหว่างยิง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว และสร้างเนื้อเยื่อใหม่ที่กระชับขึ้นมา เหมาะสำหรับผิวหนังที่เริ่มหย่อนคล้อย และบริเวณที่ต้องการสลายไขมัน เช่น ต้นแขน เอว หรือหน้าท้อง การทำ HIFU จึงเป็นหนึ่งวิธีลดพุงได้ในเบื้องต้น
การทำ Thermage FLX คือ เทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วยยกกระชับผิวและกระตุ้นคอลลาเจน ผ่านการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุขั้วเดียวยิงลงไปยังชั้นผิว เพื่อกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่และยกกระชับคอลลาเจนที่มีอยู่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าและผิวกายไม่กระชับ อีกทั้งยังสามารถใช้ได้กับผู้ที่มีปัญหาหน้าท้องไม่กระชับ ไขมันบริเวณรอบเอว หรือคุณแม่ที่หน้าท้องหย่อนยานจากการตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่ต้องการจะลดพุงอีกด้วย
การทำ CoolSculpting คือการสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นวิธีการลดไขมันโดยการใช้อุณหภูมิต่ำในระดับที่เย็นกว่าจุดเยือกแข็ง เพื่อทำลายเซลล์ไขมันที่อยู่ภายใต้ผิวหนังให้ตายและหดตัวลง จากนั้นเซลล์ที่ตายแล้วจะถูกขับออกผ่านระบบน้ำเหลืองตามธรรมชาติ การทำ CoolSculpting สามารถกำจัดไขมันสะสมได้ถึง 25% โดยที่ไม่ต้องเจาะหรือดูดไขมัน จึงเหมาะต่อการลดพุงที่เห็นผลลัพธ์เร็ว และไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น
การทำ HIFEM (High-Intensity Focused Electromagnetic Technology) คือการใช้แม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นสูงยิงเข้าไปในชั้นผิวหนัง จนไปถึงชั้นไขมันและชั้นกล้ามเนื้อ โดยการทำงานของเทคโนโลยีนี้จะส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมีการหดตัวให้ผลลัพธ์คล้ายกับตอนที่ออกกำลังกาย อีกทั้ง HIFEM ยังสลายไขมันส่วนเกินได้ในเวลาเดียวกัน จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับสัดส่วนและมีร่างกายแข็งแรงเช่นเดียวกันการออกกำลังกาย
การทำ RF (Radio Frequency) คือการใช้เทคโนโลยีเข้าไปจัดระเบียบโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังใหม่โดยใช้คลื่นความถี่วิทยุ อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ผิวหนังกลับมากระชับ เรียบเนียนขึ้น และที่สำคัญ RF สร้างความร้อนจากคลื่นวิทยุทำให้ไขมันแตกตัว และขับไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายได้ ทำให้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินต้นเหตุของการมีพุงได้อีกด้วย
“พุง” คือสิ่งที่เป็นแหล่งสะสมไขมันในช่องท้องที่มีลักษณะเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถแบ่งประเภทของพุงออกได้เป็น 5 แบบได้ ดังนี้
พุงประเภทนี้เกิดขึ้นตามชื่อเรียก คือเกิดขึ้นจากความเครียดสะสม ไขมันในช่องท้องนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ด้านหน้าท้องบริเวณสะดือ และจะมีความแข็งกว่าปกติ จึงเกิดความผิดปกติต่อร่างกาย ควรจะรับมือกับความเครียด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ
พุงประเภทนี้เกิดขึ้นจากฮอร์โมนการมีฮอร์โมนแปรปรวน ไขมันในช่องท้องนี้จะอยู่ในช่วงล่างของท้อง การจะลดพุงในส่วนนี้ จะต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำให้มากขึ้น เช่น อะโวคาโด ปลา ถั่ว และไข่ ส่วนใหญ่ในผู้หญิงจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือน หน้าท้องจึงมีส่วนที่ยื่นออกมามากผิดปกติ
พุงประเภทนี้เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดี หรือเกิดจากการแพ้อาหารบางชนิด จึงทำให้เมื่ออาหารเข้าไปในร่างกายแล้วอาหารไม่ย่อย โดยปกติแล้วพุงชนิดนี้ท้องจะแบนในตอนเช้า แต่จะป่องในช่วงบ่ายเนื่องจากมีแก๊สในลำไส้มากเกินไป จะกำจัดพุงประเภทนี้ได้ต้องอาศัยการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอมากขึ้น และลดเครื่องดื่มที่มีฟองหรือน้ำอัดลม
พุงประเภทนี้เกิดจากการรับประทานแอลกอฮอล์มากเกินไป และขาดการออกกำลังกาย จึงมีแคลอรี่สะสมในร่างกายอยู่มาก มีลักษณะเป็นก้อนกลมบริเวณหน้าท้อง การจะกำจัดพุงประเภทนี้ทำได้ด้วยการออกกำลังกายโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง และลดปริมาณในการดื่มแอลกอฮอล์ในแต่ละครั้ง
พุงประเภทนี้เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับคุณแม่ที่เพิ่งผ่านการตั้งครรภ์มาไม่นาน บริเวณหน้าท้องจะมีไขมันเกาะและอาจจะเกิดภาวะสุขภาพที่ร้ายแรงที่เรียกว่า กล้ามเนื้อหน้าท้องแยก (Diastasis Recti) และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา เช่น ปัญหาทางเดินปัสสาวะ และระบบย่อยอาหาร กำจัดหน้าท้องลักษณะนี้ได้ด้วยการรับประทานอาหารที่เป็นไขมันดี เช่น ปลา ถั่ว และน้ำมันมะกอก
แม้ว่าปัญหาไขมันหน้าท้องส่วนเกินจะเป็นปัญหาที่ไม่ร้ายแรง แต่ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้เช่นกัน มาดูกันว่าใครบ้างที่ต้องเริ่มลดพุง
“การเริ่มลดพุง ควรศึกษาและหาวิธีลดพุงที่เหมาะสมกับรูปร่างของตัวเอง ไม่หักโหม และต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กัน”
พุง เป็นปัญหาที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเอง ซึ่งวิธีลดพุงก็มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร ลดแป้ง ลดน้ำตาล รับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย รวมถึงดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพื่อควบคุมปริมาณอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน อีกทั้งการออกกำลังกายก็เป็นวิธีลดพุงที่สำคัญ ในเผาผลาญไขมันส่วนเกินในช่องท้องได้
SkinX แอปฯ ที่จะช่วยให้การพบแพทย์ผิวหนังนั้นง่ายดายยิ่งขึ้น เพียงแค่เข้าแอปฯ ก็สามารถนัดพบแพทย์ และขอรับคำปรึกษาได้ ผู้ใช้งานใหม่สามารถดาวน์โหลด SkinX และรับคำปรึกษาครั้งแรกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
อ้างอิง
18 ways to get a flat stomach. (2023). MedicalNewsToday. https://www.medicalnewstoday.com/articles/324636
Collins, S. (2022). The Truth About Belly Fat. WebMD. https://www.webmd.com/diet/features/the-truth-about-belly-fat
HIFU คืออะไร? ช่วยยกกระชับจริงไหม? ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับไฮฟู. (2023). SkinX. https://skinx.app/content/lift-up/get-to-know-hifu.
Midland, N. (2022). 5 Types Of Bellies And How To Get Rid Of Them. BetterMe. https://betterme.world/articles/5-types-of-bellies/
RF คลื่นความถี่วิทยุสลายไขมัน ยกผิวกระชับ ห่างไกลริ้วรอย. (2023). SkinX. https://skinx.app/content/lipid/radio-frequency
ทำ Thermage ที่ไหนดี? เลือกให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ชัดเจนตามที่คาดหวัง. (2023). SkinX. https://skinx.app/content/lift-up/thermage-clinic
ทำความรู้จักวิธีสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting ช่วยลดหุ่นได้จริงหรือ? (2023). SkinX. https://skinx.app/content/lipid/coolsculpting
ปั้นหุ่นเฟิร์มด้วย HIFEM เทคโนโลยีเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สลายไขมัน. (2023). SkinX. https://skinx.app/content/lipid/hifem
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูทั้งหมด