ทำความรู้จัก “Sleep Test” การตรวจสอบคุณภาพในการนอนหลับ
การทำ Sleep Test เป็นหนึ่งในการตรวจสอบระบบการทำงานของร่างกายขณะหลับ ซึ่งหลายคนอาจกำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นการนอนกรน การสะดุ้งตื่นกลางดึก นอนไม่หลับหรือการนอนหลับไม่สนิท โดยปัญหาเหล่านี้หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลต่อคุณภาพในการนอนหลับ และทำให้คุณมีภาวะเสี่ยงต่อการหยุดหายใจขณะหลับ รวมถึงภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ในบทความนี้ SkinX จะมาแนะนำให้รู้จักกับ Sleep Test ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นหนึ่งทางเลือกในการตรวจเช็กสุขภาพของคุณ
SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางผ่านออนไลน์ ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่ที่ไหนก็พบแพทย์ได้ทันที สำหรับผู้ใช้งานใหม่สามารถขอคำปรึกษากับแพทย์ผิวหนังผ่านแอป SkinX ครั้งแรกได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
Sleep Test คืออะไร?
Sleep Study หรือ Sleep Test คือ การตรวจสอบการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายขณะนอนหลับ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ และวินิจฉัยหาความผิดปกติของร่างกายขณะนอนหลับ เช่น การหยุดหายใจขณะหลับ การนอนกรน หรือการสะดุ้งตื่นกลางดึก รวมถึงสามารถตรวจสอบพฤติกรรมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับของเราด้วย นอกจากนี้ การทำ Sleep Test ยังสามารถตรวจสอบระบบทางเดินหายใจ การทำงานของคลื่นไฟฟ้าในสมอง วัดระดับออกซิเจนในเลือดได้อีกด้วย ซึ่งการทำ Sleep Test ประกอบไปด้วย 4 ประเภทตามระดับความละเอียดในการรักษา ดังนี้
- ระดับที่ 1 การตรวจสุขภาพการนอนแบบสมบูรณ์โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดคืน (Comprehensive technician-attended polysomnography)
การตรวจสุขภาพการนอนระดับนี้ จะมีการตรวจวัดลมหายใจ, คลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อขา, คลื่นไฟฟ้าใต้คาง, คลื่นไฟฟ้าลูกตา, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และการตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด โดยการทำ Sleep Test ระดับนี้จะทำภายในห้องตรวจเฉพาะของโรงพยาบาล หรือในสถานที่ที่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตอาการตลอดทั้งคืนเท่านั้น - ระดับที่ 2 การตรวจสุขภาพการนอนหลับแบบสมบูรณ์ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดทั้งคืน(Comprehensive-unattended portable polysomnography)
การตรวจสุขภาพการนอนระดับนี้ เป็นการทำ Sleep test ที่บ้านได้ ซึ่งผู้ที่ต้องการตรวจสามารถเลือกที่อยู่อาศัยของตัวเองในการทำ Sleep Test ได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ แต่จะไม่มีเจ้าหน้าที่คอยสังเกตการณ์ตลอดทั้งคืน การตรวจสุขภาพการนอนหลับระดับนี้จะมีความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกับการตรวจระดับแรก แต่จะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางมายังสถานพยาบาล
- ระดับที่ 3 การตรวจสุขภาพการนอนหลับแบบจำกัดข้อมูล (Limited channel portable sleep test)
การตรวจสุขภาพการนอนระดับนี้ จะมีการตรวจวัดลมหายใจ, การวัดระดับออกซิเจนในเลือดการ,เคลื่อนไหวของหน้าอกและช่องท้อง, การวัดระดับเสียงกรน และการวัดคลื่นหัวใจร่วมด้วย นอกจากนี้ การทำ Sleep Testจะมีการตรวจสอบการนอนหลับจากระบบหลอดเลือดและประสาทอัตโนมัติ ซึ่งผลตรวจที่ได้อาจจะมีความแม่นยำน้อยกว่า 2 วิธีข้างต้น เนื่องจากไม่ได้มีการวัดคลื่นสมอง จึงไม่สามารถวินิจฉัยประสิทธิภาพในการนอน และระยะความลึกของการนอนหลับได้อย่างสมบูรณ์ - ระดับที่ 4 การตรวจระดับออกซิเจนในเลือด และหรือ วัดลมหายใจขณะหลับ (Single or dual channel portable sleep test)
การตรวจสุขภาพการนอนระดับนี้ เป็นการทำ Sleep Testที่มีความน่าเชื่อถือผลลัพธ์น้อยที่สุด เนื่องจากเป็นการตรวจเพียงบางส่วนเท่านั้น จึงไม่สามารถนำข้อมูลมาวินิจฉัยโรคภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ หรือโรคอื่น ๆ ได้ โดยที่ข้อมูลเบื้องต้นที่ผู้เข้ารับการตรวจจะได้ผลลัพธ์ไม่เกิน 3 อย่างเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถตรวจในระดับอื่นได้ (ใช้เป็นการ Screen ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเบื้องต้นได้ดี เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่ายและมีค่าใช้จ่ายน้อย โดยปกติผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากประวัติ เช่น มีอาการนอนกรน สะดุ้งเฮือกขณะนอนหลับ หรือนอนแล้วรู้สึกไม่สดชื่น เบื้องต้นการใช้ระดับที่ 4 เพื่อคัดกรองว่ามีปัญหาจริงหรือไม่เป็นวิธีที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ถ้าพบความผิดปกติ จึงค่อยไปตรวจเพิ่มเติมในระดับอื่น)
เตรียมตัวอย่างไรดีก่อนทำ Sleep Test?
หากใครกำลังมีอาการนอนน้อย ปวดหัว และกำลังเผชิญกับปัญหานอนหลับ ซึ่ง Sleep Test จะทำให้คุณได้ตรวจสอบการนอนหลับของตัวเอง อีกทั้งยังสามารถแก้นอนกรนหรือพฤติกรรมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับได้ เรามาดูวิธีการเตรียมตัวให้พร้อมกันเข้ารับการทำ Sleep Test กันว่าจะมีอะไรบ้าง
- พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเบื้องต้น เพื่อตรวจสอบและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาการนอนหลับของคุณ
- ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย ไม่รัดแน่นร่างกายจนเกินไป
- ควรอาบน้ำ สระผมก่อนเข้ารับการตรวจ รวมถึงงดการใช้น้ำมันและครีมใส่ผม เนื่องจากอาจทำให้การติดอุปกรณ์มีการตรวจสอบผิดพลาด และผลออกมาคลาดเคลื่อนได้
- งดการออกกำลังกายอย่างหนักในวันที่เข้ารับการตรวจ
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชา และกาแฟ
- หลีกเลี่ยงการนอนกลางวันในวันที่เข้ารับการตรวจ เนื่องจากอาจจะทำให้คุณภาพในการนอนหลับขณะตรวจไม่สมบูรณ์
- หากมีการรับประทานยาโรคประจำตัวหรืออาหารเสริม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการเข้ารับการตรวจ
- ทำจิตใจให้สบาย ลดความเครียดหรือวิตกกังวล เพราะอาจส่งผลกระทบต่อผลตรวจได้
ขั้นตอนในการทำ Sleep Test
หลังจากที่เราทราบวิธีการเตรียมตัวก่อนทำ Sleep Test แล้ว เรามาดูขั้นตอนในการทำ Sleep Test กันต่อว่าจะมีวิธีคร่าว ๆ ในการตรวจสอบการนอนหลับอย่างไร ดังนี้
- ผู้ที่ต้องการทำ Sleep Test ต้องมาพักค้างคืนที่สถานพยาบาลในช่วงเวลากลางคืน
- เจ้าที่หน้าที่จะติดอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตามความเปลี่ยนแปลงของร่างกายขณะหลับ
- เจ้าหน้าที่จะมีการบันทึกภาพและวิดีโอ เพื่อให้ผลการวินิจฉัยและตรวจสอบความผิดปกติทางพฤติกรรมที่อาจเกิดขึ้นขณะหลับ
- เจ้าหน้าที่ในห้องควบคุมจะมีเครื่องรับส่งสัญญาณที่เชื่อมต่อกับผู้เข้ารับการทำ Sleep Test และใช้ข้อมูลดังกล่าวส่งต่อให้ทีมแพทย์เฉพาะทางในการแปลผลในการรักษา
- เจ้าหน้าที่จะติดอุปกรณ์เพื่อรับสัญญาณไฟฟ้า ที่ใช้สายโลหะสัมผัสยึดติดกับบริเวณผิวหนังของร่างกายด้วยแผ่นแปะ โดยจะไม่มีการเจาะหรือฝังอุปกรณ์เข้าร่างกายของผู้เข้ารับการตรวจ
- เจ้าหน้าที่จะสวมหน้ากากให้กับผู้ที่ตรวจพบว่ามีการหยุดหายใจขณะหลับ CPAP คือ ตัวช่วยที่จะทำให้ร่างกายกลับมาหายใจอีกครั้ง
“เครื่องช่วยหายใจขณะนอนหลับ หรือ CPAP คือ เครื่องที่สร้างแรงดันอากาศให้กับผู้ใช้งาน เพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น เครื่อง CPAP นี้สามารถรักษาปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) และการนอนกรนได้อีกด้วย”
ประโยชน์ของการทำ Sleep Test
การทำ Sleep Test เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญในการวินิจฉัย และรักษาปัญหาการนอนหลับที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพต่าง ๆ ของร่างกายได้ เรามาดูประโยชน์ของการทำ Sleep Test ว่ามีข้อดีอย่างไรบ้าง ดังนี้
- Sleep Test ใช้วินิจฉัยโรคภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น
- Sleep Test ใช้วินิจฉัยอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ
- Sleep Test ใช้วินิจฉัยภาวะชักขณะนอนหลับ
- Sleep Test ใช้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติขณะนอนหลับ
เรียกได้ว่า Sleep Test นอกจากจะช่วยให้เรารู้พฤติกรรมในการนอนหลับของตัวเองแล้ว ยังทำให้เราสามารถวางแผนในการรักษาอย่างต่อเนื่องกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้อีกด้วย
ใครควรทำ Sleep Test บ้าง?
หลังจากที่ทราบประโยชน์ของการทำ Sleep Test กันไปแล้ว มาดูกันต่อว่าการทำ Sleep Test จะเหมาะกับใครบ้าง ดังนี้
- ผู้ที่มีอาการนอนกรนเสียงดังผิดปกติ
- ผู้ที่มีภาวะชักขณะนอนหลับ
- ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียในตอนกลางวัน ตื่นมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่น
- ผู้ที่หายใจลำบาก และสงสัยว่าตัวเองมีการหยุดหายใจขณะหลับ
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่ส่งผลต่อการหายใจขณะนอนหลับ
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคน้ำหนักเกิน โรคเบาหวาน หรือโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
คำถามที่พบบ่อย
การทำ Sleep Test ราคาประมาณเท่าไหร่?
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ราคา Sleep Test อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ต่อการตรวจสอบหนึ่งครั้ง ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการทำ Sleep Test ของสถานพยาบาลแต่ละแห่งอาจจะมีราคาที่แตกต่างกัน เช่น
- ในสถานพยาบาลของรัฐบาลราคาของการทำ Sleep Test จะอยู่ที่ประมาณ 7,000-10,000 บาท
- ในสถานพยาบาลของเอกชนราคาของการทำ Sleep Test จะอยู่ที่ประมาณ 10,000-30,000 บาท
*ราคาดังกล่าวเป็นเพียงราคาเบื้องต้นของค่าบริการในการทำ Sleep Test ผู้ที่สนใจเข้ารับบริการควรศึกษาและสอบถามข้อมูลที่ถูกต้องก่อนจะดีที่สุด
วิธีเลือกสถานพยาบาลในการทำ Sleep Test เป็นอย่างไร?
โดยสถานที่ในการทำตรวจสอบการนอนหลับจะมีให้เลือกทั้งในการทำ Sleep Test โรงพยาบาลรัฐ การทำ Sleep Test โรงพยาบาลเอกชน หรือศูนย์ตรวจการนอนหลับ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน
เราควรมองหาสถานพยาบาลที่มีคุณภาพ มีประสบการณ์จากทีมแพทย์เฉพาะทางที่น่าเชื่อถือ เพื่อผลลัพธ์ในการวินิจฉัยที่ถูกต้องแม่นยำ อีกทั้งควรเลือกสถานที่ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ น่าผ่อนคลาย เพื่อให้ขณะตรวจสอบเราสามารถนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
สรุปเกี่ยวกับการทำ Sleep Test
Sleep Test คือ การตรวจสอบการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายขณะนอนหลับ สำหรับผู้ที่มีปัญหานอนกรน, สะดุ้งตื่นกลางดึก, อ่อนเพลียระหว่างวัน และผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ สามารถเข้ารับการตรวจสอบการนอนหลับ และขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ได้ เพราะนอกจากจะทำให้ทราบถึงพฤติกรรมในการนอนหลับของตัวเองแล้ว ยังสามารถวางแผนการรักษาพฤติกรรมที่ผิดปกติได้อย่างต่อเนื่องในคราวเดียว
สำหรับใครที่ต้องการคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทาง SkinX สามารถช่วยให้การพบแพทย์นั้นง่ายดายยิ่งขึ้น เพียงแค่เข้าแอปฯ ก็สามารถนัดพบแพทย์และขอรับคำปรึกษาได้ ผู้ใช้งานใหม่สามารถขอรับคำปรึกษาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมบริการสุดพิเศษในการตรวจสอบการนอนหลับ (Sleep Test) จากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ เฉพาะลูกค้าที่โหลดแอปฯ SkinX เท่านั้น
References
Cleveland Clinic medical professional. (2023, October 2). Sleep Study (Polysomnography). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diagnostics/12131-sleep-study-polysomnography
Mayo Clinic Staff. (2023, February 17). Polysomnography (sleep study). Mayoclinic. https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/polysomnography/about/pac-20394877
Fry, A. (2023, September 20). How Does a Sleep Study Work?. Sleepfoundation. https://www.sleepfoundation.org/sleep-studies/how-does-a-sleep-study-work
Gerstenslager, B. & Slowik, JM. (2023). StatPearls. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK563147/