skinx-logo
แพทย์ของเราบทความติดต่อเรา

สิวและผิวหน้า

สิวที่รักแร้ เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วมีวิธีรักษาให้หายมีอะไรบ้าง?

4 ธันวาคม 2568

สิวที่รักแร้ เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วมีวิธีรักษาให้หายมีอะไรบ้าง?

สิวที่รักแร้ หรือตุ่มอักเสบคล้ายสิวบริเวณรักแร้ เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคนอาจมองข้าม แต่กลับสร้างความไม่สบายตัวและลดความมั่นใจได้ไม่น้อย เพราะตำแหน่งใต้วงแขนเป็นบริเวณที่มีเหงื่อ ความชื้น และการเสียดสีสูง จึงเอื้อต่อการเกิดสิวได้ง่าย หลายคนอาจเริ่มจากเป็นตุ่มเหมือนสิวที่รักแร้ หรือรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัสกับตุ่มใต้รักแร้ แล้วเข้าใจว่าเป็นเพียงผื่นหรือขนคุด ทั้งที่จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณของ “สิวที่รักแร้” ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี

 

SkinX จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจตั้งแต่สาเหตุของสิวที่รักแร้ การดูแล ไปจนถึงแนวทางการรักษาสิวที่รักแร้ เพื่อให้ผิวใต้วงแขนกลับมาเรียบเนียนและมั่นใจได้อีกครั้ง


Key Takeaways

  • สิวที่รักแร้ ตุ่มอักเสบหรือก้อนที่รักแร้ (Axillary Nodules) เกิดจากการอุดตันและการอักเสบของรูขุมขน อาจเป็นตุ่มแดง หนอง หรือก้อนคล้ายซีสต์
  • สาเหตุหลักแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ รูขุมขนอักเสบ (Folliculitis) ที่มีสาเหตุมาจากการอุดตัน/ติดเชื้อที่รูขุมขน และโรคต่อมเหงื่ออักเสบเป็นหนอง (Hidradenitis Suppurativa: HS)
  • การรักษาสิวที่รักแร้ ควรเน้นการรักษาความสะอาด การสวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิวที่รักแร้เอง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงของการอักเสบรุนแรงและทิ้งรอยสิวไว้
  • สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นสิวที่รักแร้ คือห้ามบีบ หรือแกะสิวที่รักแร้เด็ดขาด และงดการกำจัดขนทุกประเภท เช่น การถอน หรือแว็กซ์ตอนที่รักแร้เป็นสิวอักเสบ
  • ควรปรึกษาแพทย์ เมื่อเป็นสิวที่รักแร้รุนแรง เป็นซ้ำบ่อย หรือเป็นก้อนใหญ่ เพื่อวินิจฉัยแยกโรคและหาแนวทางการรักษาสิวที่รักแร้ที่เหมาะสม

สารบัญบทความ


สิวที่รักแร้ คืออะไร และลักษณะของสิว

สิวที่รักแร้ หรือตุ่มอักเสบคล้ายสิวบริเวณรักแร้ คือภาวะที่รูขุมขนบริเวณผิวหนังใต้วงแขนเกิดการอุดตันและอักเสบขึ้นมา กลไกการเกิดสิวที่รักแร้มีความคล้ายคลึงกับสิวที่เกิดขึ้นตามส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย โดยมีลักษณะปรากฏเป็นตุ่มที่รักแร้ ซึ่งอาจเป็นเพียงตุ่มที่รักแร้นูนเล็ก ๆ หรือพัฒนาไปเป็นตุ่มที่รักแร้ที่รู้สึกปวด ๆ จนมีอาการบวมแดง


สิวที่รักแร้ เกิดจากอะไร

การทำความเข้าใจสาเหตุที่ทำให้สิวที่รักแร้ เกิดขึ้นนั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อการรักษาที่ตรงจุด โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิวที่รักแร้ ส่วนใหญ่แล้วจะมาจาก 2 ปัจจัย ดังนี้

  1. ปัจจัยภายใน
    • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ช่วงวัยรุ่นหรือรอบเดือน ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นจนเกิดการอุดตัน รูขุมขนที่อุดตันนี้อาจพัฒนาเป็นสิวอุดตัน หรือกลายเป็นสิวที่รักแร้ที่ลึกและเจ็บมากขึ้นได้
    • การทำงานของต่อมเหงื่อและต่อมไขมัน ที่ไม่สมดุลอาจทำให้เหงื่อและไขมันสะสมอยู่ในรูขุมขน เกิดการอักเสบจนเป็นสิวซีสต์ หรือเป็นตุ่มใต้รักแร้ที่มักจะใช้เวลารักษานาน
    • พันธุกรรมและการตอบสนองของผิว หากมีประวัติเป็นสิวหรือผิวแพ้ง่าย ผิวใต้วงแขนอาจตอบสนองต่อการระคายเคืองได้มากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดสิวที่รักแร้ได้บ่อยขึ้น
  2. ปัจจัยภายนอก
    • การใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายหรือโรลออนบางชนิด ที่มีสารเคมีหรือส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขน อาจเป็นสาเหตุให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวที่รักแร้ได้ง่าย
    • การโกนหรือถอนขนบ่อยเกินไป ทำให้ผิวเกิดแผลเล็ก ๆ จนเกิดการอักเสบและรักแร้เป็นตุ่ม หรือตุ่มแข็งใต้ผิว
    • การสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือระบายอากาศไม่ดี ส่งผลให้เกิดความอับชื้น เหงื่อสะสม และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการอุดตันรูขุมขนจนเป็นสิวที่รักแร้
    • สภาพอากาศร้อนหรือเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้ทำความสะอาดผิวหลังออกกำลังกาย ทำให้แบคทีเรียเติบโตและก่อให้เกิดเป็นตุ่มใต้รักแร้ หรือสิวอักเสบที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

สิวที่รักแร้ มีกี่แบบ

สิวที่รักแร้ หรือตุ่มอักเสบคล้ายสิวบริเวณรักแร้สามารถเกิดได้หลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับความลึกของการอุดตันและระดับการอักเสบของผิว ซึ่งแต่ละแบบจะมีอาการและแนวทางดูแลแตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปสิวที่รักแร้สามารถแบ่งได้เป็น 4 แบบหลัก ๆ ดังนี้

  • สิวอุดตันที่รักแร้ เป็นสิวไม่มีหัวมักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนจากเหงื่อ น้ำมัน หรือเศษเซลล์ผิวที่สะสมอยู่ใต้ผิว มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ คล้ายจุดดำหรือขาว ไม่เจ็บ ไม่บวม คล้ายสิวที่รักแร้ไม่มีหัวที่ถ้าหากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม อาจพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้ในภายหลัง
  • สิวอักเสบที่รักแร้ สิวอักเสบที่รักแร้ เป็นลักษณะของสิวที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย มักพบว่าสิวขึ้นรักแร้จะบวม แดง เจ็บเมื่อสัมผัส หรือมีหัวหนองเล็ก ๆ เกิดขึ้น หากมีการระคายเคืองจากการเสียดสีหรือโกนขนซ้ำ ๆ อาจทำให้สิวอักเสบรุนแรงขึ้นและทิ้งรอยไว้หลังสิวหาย
  • สิวหนองที่รักแร้ เกิดจากการอักเสบในรูขุมขนจนมีการสะสมของหนองภายใน ทำให้เกิดอาการปวดและบวมอย่างชัดเจน ลักษณะนี้มักจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว โดยเฉพาะเวลาขยับแขนหรือสวมเสื้อผ้าที่แน่น บางคนอาจสังเกตเห็นเป็นตุ่มขึ้นรักแร้ที่มีหัวสีขาวหรือเหลือง
  • สิวซีสต์ที่รักแร้ เป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง มักจะรู้สึกได้เป็นก้อนแข็งหรือรักแร้มีตุ่มที่รู้สึกเจ็บลึกและใช้เวลาหายช้า สิวซีสต์ชนิดนี้ควรได้รับการดูแลโดยแพทย์ เนื่องจากอาจต้องใช้วิธีรักษาเฉพาะเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำและรอยแผลเป็นหลังสิวหาย

7 วิธีรักษาสิวที่รักแร้ ทำอย่างไรได้บ้าง

สิวที่จักแร้

การรักษาสิวที่รักแร้ หรือตุ่มอักเสบคล้ายสิวบริเวณรักแร้ให้มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการดูแลตัวเองร่วมกับการปรึกษาแพทย์ SkinX ได้รวบรวม 7 แนวทางปฏิบัติเพื่อจัดการกับปัญหาสิวที่รักแร้ที่กวนใจคุณ มีดังนี้

1. ดูแลผิวใต้วงแขนให้สะอาดอยู่เสมอ

การรักษาความสะอาดเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการป้องกันและรักษาสิวที่รักแร้ ควรทำความสะอาดผิวใต้วงแขน อย่างอ่อนโยนด้วยสบู่อ่อนโยน หรือสบู่ที่มีส่วนผสมช่วยลดเชื้อแบคทีเรียเป็นประจำทุกวัน 

 

การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอหลังการทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดเหงื่อมาก จะช่วยลดการสะสมของไขมัน เหงื่อ และแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักของสิวรักแร้ เพื่อลดโอกาสที่เป็นสิวใต้รักแร้จะอักเสบเพิ่มขึ้น และช่วยให้ผิวบริเวณนั้นสะอาดพร้อมรับการรักษาอื่น ๆ

2. เลือกสวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย 

เพื่อลดปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้สิวที่รักแร้แย่ลง ควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น หรือเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุที่ไม่ระบายอากาศ เพราะเสื้อผ้าเหล่านี้จะเพิ่มการเสียดสีกับผิว ใต้วงแขน และทำให้เกิดความอับชื้นสูง ซึ่งเป็นสภาวะที่เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี 

 

ควรเลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย (Cotton) หรือผ้าที่ช่วยระบายอากาศได้ดี เพื่อให้ผิวใต้วงแขนแห้งอยู่เสมอ เป็นการช่วยลดการอักเสบและทำให้สิวขึ้นที่รักแร้ยุบตัวได้เร็วขึ้น

3. หยุดการถอนขน หรือแว็กซ์ผิวใต้วงแขน ในขณะที่มีสิวอักเสบ

เมื่อมีสิวที่รักแร้โดยเฉพาะอย่างยิ่งรักแร้มีตุ่มเหมือนสิวที่มีอาการอักเสบ บวม หรือมีหนอง ควรหลีกเลี่ยงการกำจัดขนทุกประเภท ทั้งการถอน โกน หรือแว็กซ์ผิวใต้วงแขนโดยเด็ดขาด เพราะการกระทำเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มการระคายเคือง ทำให้รูขุมขนเกิดบาดแผล และเปิดโอกาสให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปในชั้นผิวได้ลึกขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้สิวที่รักแร้เกิดการอักเสบรุนแรง และอาจลุกลามกลายเป็นตุ่มคล้ายฝีที่รักแร้ได้

4. รักษาสิวที่รักแร้ด้วยยาทาแต้มสิว ตามคำแนะนำของแพทย์

สำหรับสิวที่รักแร้ที่อยู่ในระดับไม่รุนแรง หรือเป็นตุ่มที่รักแร้ไม่เจ็บ แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยาทาเฉพาะที่ เพื่อช่วยลดการอุดตันและลดการอักเสบ ยาทาที่ใช้ในการรักษาสิว มักมีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide Clindamycin หรือ Retinoids ซึ่งช่วยควบคุมการอักเสบและลดจำนวนแบคทีเรีย 

 

การใช้ยาทาเพื่อจัดการสิวที่รักแร้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำและปริมาณที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด เนื่องจากผิวใต้วงแขนเป็นบริเวณที่บอบบางและอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่าย

5. กดสิว โดยแพทย์ผู้ชำนาญการ

ในกรณีที่สิวที่รักแร้เป็นชนิดสิวอุดตัน การกำจัดหัวสิวที่อุดตันออกด้วยวิธีการกดสิว เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้สิวรักแร้ พัฒนาไปสู่การอักเสบที่รุนแรงขึ้น การกดสิวเพื่อรักษาสิว ควรทำกับแพทย์โดยตรง ที่มีเครื่องมือที่สะอาดและถูกสุขลักษณะ เพื่อให้มั่นใจว่าหัวสิวจะถูกกำจัดออกไปอย่างหมดจด ลดโอกาสการติดเชื้อ และลดความเสี่ยงของการเกิดรอยสิว หรือการอักเสบซ้ำบริเวณที่ตุ่มขึ้นใต้รักแร้

6. เปิดหัวสิวเพื่อนำขนคุดที่ฝังอยู่ออก

หากพบว่าสิวที่รักแร้ หรือเป็นสิวใต้รักแร้มีสาเหตุมาจากขนคุด ที่ฝังอยู่ลึกและทำให้เกิดการอักเสบซ้ำ ๆ แพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีเปิดหัวสิวขนาดเล็กด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อนำเส้นขนที่คุดอยู่ออกอย่างระมัดระวัง 

 

วิธีการรักษานี้มีความสำคัญอย่างมากในการจัดการกับสิวที่รักแร้เรื้อรังที่เกิดจากปัญหาขนคุดโดยตรง เมื่อกำจัดเส้นขนที่เป็นต้นเหตุออกไปแล้ว ก็จะช่วยลดการอักเสบและลดโอกาสในการกลับมาเป็นสิวที่รักแร้ซ้ำได้

7. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยและรักษา

ในกรณีที่สิวที่รักแร้มีอาการรุนแรง เป็นซ้ำบ่อย เป็นก้อนขนาดใหญ่ หรือไม่ตอบสนองต่อการดูแลด้วยตนเอง คุณควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยและรับแผนรักษาสิวที่เหมาะสม แพทย์อาจแนะนำการรักษาที่ซับซ้อน เช่น การฉีดยาเพื่อลดการอักเสบ หรือโปรแกรมเลเซอร์รักแร้ เพื่อลดปัญหาขนคุด การปรึกษาแพทย์ผ่านแอปพลิเคชัน SkinX ทำให้คุณสามารถเข้าถึงคำปรึกษาจากแพทย์ผิวหนังได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและแนวทางการจัดการกับสิวที่รักแร้ที่ถูกต้อง


วิธีดูแลสิวที่รักแร้อย่างถูกวิธี ตามหลักการแพทย์

ตุ่มตรงรักแร้

นอกเหนือจากการรักษาสิวที่รักแร้แล้ว การดูแลและปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีความสำคัญมากเหมือนกัน เพื่อป้องกันการเกิดสิวที่รักแร้ซ้ำและช่วยบรรเทาอาการเมื่อรักแร้เป็นสิว โดยวิธีดูแลสิวที่รักแร้อย่างถูกวิธี ตามหลักการแพทย์ ได้แก่

  • ทำความสะอาดผิวใต้วงแขนอย่างอ่อนโยน ล้างรักแร้ด้วยสบู่สูตรอ่อนโยนหรือสำหรับผิวแพ้ง่ายเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังเหงื่อออกมาก หลีกเลี่ยงสบู่ที่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารฟอกขาว เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและอักเสบมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการถอน โกน หรือแว็กซ์ขนในขณะมีสิวอักเสบ การกำจัดขนในช่วงที่ผิวอักเสบจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและทำให้สิวลุกลาม ควรรอให้สิวหายก่อน หรือปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากต้องการทำเลเซอร์กำจัดขนซึ่งอ่อนโยนต่อผิวกว่า
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ไม่อุดตันรูขุมขน ควรเลือกสูตรอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์และน้ำหอม เพื่อป้องกันการระคายเคืองและลดโอกาสเกิดสิวซ้ำ

ป้องกันก่อนเกิดสิวที่รักแร้ ทำได้อย่างไร

การป้องกันก่อนเกิดสิวที่รักแร้ เป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงปัญหาผิวที่กวนใจ ขอแนะนำวิธีปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดสิวที่รักแร้ และสิวตรงรักแร้ ดังนี้

  • รักษาสุขอนามัยและความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อาบน้ำทำความสะอาดผิวใต้วงแขนทุกวัน และเช็ดหรือซับให้แห้งสนิทหลังกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก เพื่อป้องกันการสะสมของเหงื่อและแบคทีเรียที่นำไปสู่สิวที่รักแร้
  • เลือกวิธีการกำจัดขนอย่างระมัดระวัง พิจารณาการใช้โปรแกรมเลเซอร์รักแร้โดยทำกับแพทย์ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดจำนวนเส้นขนและลดโอกาสการเกิดขนคุด หรือรูขุมขนอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของสิวที่รักแร้ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดก้อนสิวใต้รักแร้
  • สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เลือกเสื้อผ้าที่หลวมและทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย เพื่อลดการเสียดสีและการกักเก็บความชื้น 

คำถามที่พบได้บ่อย (FAQs)

บีบสิวที่รักแร้ได้ไหม ?

ไม่ควรบีบสิวที่รักแร้เด็ดขาด เพราะผิวบริเวณนี้บอบบางและอาจติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะหากเป็นตุ่มตรงรักแร้ หรือสิวที่มีการอักเสบ การบีบอาจทำให้หนองกระจาย เกิดแผลหรือรอยดำตามมาได้

ทําไมสิวที่รักแร้ ถึงมีกลิ่นเหม็น ?

สิวที่รักแร้มักมีกลิ่นเหม็นเมื่อเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมกับเหงื่อและไขมันที่สะสม หากปล่อยไว้นานอาจทำให้รักแร้เป็นรูมีกลิ่นเหม็น หรือเกิดการอักเสบลุกลามเป็นหนองคล้ายฝีได้

สิวใต้รักแร้ กี่วันหาย ?

โดยทั่วไปสิวที่รักแร้ใช้เวลาหายประมาณ 3–7 วัน หากเป็นเพียงมีตุ่มขึ้นที่รักแร้ขนาดเล็กแต่หากอักเสบรุนแรงหรือเกิดการติดเชื้ออาจใช้เวลานานกว่านั้นและควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการอย่างเหมาะสม


สิวที่รักแร้ ปัญหากวนใจที่รักษาได้ ปรึกษาแพทย์ผิวหนังง่าย ๆ ผ่านแอป SkinX

ปัญหาสิวที่รักแร้เป็นเรื่องที่จัดการได้ด้วยความเข้าใจและการดูแลที่ถูกต้อง การใส่ใจสุขอนามัยและการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันสิวที่รักแร้ และภาวะรูขุมขนอักเสบตรงรักแร้ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีปัญหารักแร้เป็นสิวรุนแรงหรือเรื้อรัง การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาสิวที่รักแร้ โดยตรง เป็นทางออกที่เหมาะสมและถูกต้อง

 

SkinX คือแอปพลิเคชันปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางกว่า 210 ท่านจากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ ที่จะช่วยให้คุณสามารถปรึกษาปัญหาสิวที่รักแร้ได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว ปรึกษาก่อน จ่ายทีหลัง โดยคุณจะรู้ค่าบริการก่อนเข้าปรึกษา ทำให้คุมงบได้ไม่บานปลาย พร้อมรับสรุปผลการรักษาทันที และมีเภสัชกรคอยให้คำปรึกษา พร้อมบริการส่งยาให้ถึงบ้าน สามารถดาวน์โหลดแอป SkinX ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android

 

แอปพลิเคชัน ปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการ 

ครบ จบ เคลียร์ใน 15 นาที!

  • FB : SkinX พบแพทย์ผิวหนังออนไลน์
  • IG : skinx.thailand
  • Line : @skinx.official
  • TikTok : skinxthailand
  • X : @skinxthailand
  • Tel : 02 038 5505
  • E-mail : service@skinx.app

อ้างอิง

Healthline Wellness Team. (2023, May 26). Armpit Pimples: Causes and Treatments. Healthline. https://www.healthline.com/health/armpit-pimple

 

Amanda Caldwell, MSN, APRN-C & Nicole Galan, RN. (2024, August 1). Causes and treatment of pimple breakouts in the armpit. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/325585

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด
service card mobile

เริ่มใช้งาน SkinX

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเลย!

skinx-cta