ผิวผสม หนึ่งในประเภทของผิวที่สามารถพบได้
เมื่อสังเกตผิวหน้าตนเอง หลายคนพบว่าบางส่วนของใบหน้ามันมาก เมื่อใช้มือสัมผัสจะรู้สึกลื่น มีน้ำมันติดมือขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกัน หน้าอีกส่วนหนึ่งก็แห้ง ไม่มีน้ำมัน ไม่ชุ่มชื้น เมื่อสัมผัสจะรู้สึกตึงและกระด้าง หากใครมีผิวหน้าแบบนี้ หมายความว่าทีลักษณะของ “ผิวผสม”
แล้วผิวผสมคืออะไร สภาพผิวหน้าเป็นยังไง ส่วนไหนมันหรือส่วนไหนแห้งบ้าง และหากมีผิวผสมควรดูแลอย่างไร?
ผิวผสม คืออะไร?
ผิวผสมเป็นอย่างไร? ผิวผสม (Combination Skin) คือลักษณะผิวหน้าที่ผิวแต่ละส่วนเป็นผิวชนิดที่ต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วบริเวณที่จะมันกว่าผิวส่วนอื่น คือผิวบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง เป็นผิวบริเวณกลางใบหน้าที่เรียกกันว่า “T-Zone”
Fact: “หน้าผาก จมูก และคาง เมื่อเรียงตัวกันจะเป็นรูปตัว T จึงถูกเรียกรวมกันว่า T-zone บริเวณดังกล่าวผิวจะมันมากกว่าส่วนอื่นๆ เนื่องจากมีต่อมไขมัน (Sebaceous Glands) มากกว่าผิวหน้าในส่วนอื่น เมื่อต่อมไขมันถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยต่างๆ จะทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวมีไขมันเคลือบอยู่มาก”
จริงๆ แล้วผิวมีกี่ประเภท? ประเภทของผิวหนัง (Skin Type) จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
1. ผิวปกติ (Normal Skin) – หมายถึงผิวสุขภาพดี ที่มีความชุ่มชื้น น้ำในผิวอยู่ในสภาวะสมดุล ผิวละเอียด ไม่แห้งกร้าน รูขุมขนเล็ก หน้ามันเล็กน้อย จากน้ำมันที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อลดการสูญเสียน้ำตามปกติ
2. ผิวมัน (Oily Skin) – หมายถึงผิวหน้าที่มีน้ำมัน (Sebum) เคลือบอยู่มากกว่าปกติ ทำให้ผิวอักเสบง่าย เสี่ยงเกิดโรคผิวหนังต่างๆ โดยเฉพาะโรคสิว (Acne Vulgaris) ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ
3. ผิวแห้ง (Dry Skin) – คือผิวที่มีน้ำในผิวหนังชั้นนอกสุด (Stratum Corneum) อยู่น้อย ทำให้ผิวแห้ง ผิวหยาบกร้าน บางครั้งอาจคัน ลอก และระคายเคืองด้วย
4. ผิวผสม (Combination Skin) – คือผิวที่มีลักษณะของผิวหลายอย่างผสมกัน ทำให้ผิวในแต่ละส่วนมีลักษณะที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่จะมีส่วนหน้าผาก จมูก และคางที่มัน รูขุมขนใหญ่กว่าส่วนอื่น มีผิวบริเวณแก้มที่เป็นผิวปกติ หรืออาจเป็นผิวแห้งก็ได้
การมีผิวผสมจะดูแลยากกว่าผิวประเภทอื่นๆ เนื่องจากผู้ที่มีผิวผสมจะเผชิญกับปัญหาผิวที่เกิดจากทั้งผิวมันและผิวแห้ง บางบริเวณเป็นสิวเพราะผิวมัน บางบริเวณก็ผิวแห้งมากจนลอกและระคายเคือง อีกทั้งวิธีการแก้ไขก็ยังต้องทำแตกต่างกันในแต่ละบริเวณ เพื่อให้มีผิวที่สุขภาพดีเหมือนกันทั่วทั้งใบหน้า
Fact: “ในสภาวะปกติ ผิวจะมีน้ำมันเคลือบไว้ เพื่อลดการสูญเสียของน้ำบนผิวหนัง เมื่อมีบางสิ่งมากระตุ้นให้ปริมาณน้ำมันบนใบหน้าเสียสมดุล จะทำให้เกิดปัญหาผิวแห้ง และผิวมันนั่นเอง”
สาเหตุการมีผิวผสม
ผิวผสมเกิดจากการที่ใบหน้าในแต่ละบริเวณ ผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวไว้ในปริมาณที่แตกต่างกัน ทำให้บางบริเวณผิวมันเกินไป ในขณะที่บางบริเวณผิวแห้งเกินไป ซึ่งสาเหตุใหญ่ที่ทำให้บุคคลหนึ่งมีผิวผสมนั้นมาจากพันธุกรรม
พันธุกรรมเป็นปัจจัยที่คอยกำหนดลักษณะต่างๆ ของมนุษย์ ซึ่งการทำงานของต่อมไขมัน ปริมาณต่อมไขมันในแต่ละบริเวณ หรือความไวต่อการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นของต่อมไขมันในแต่ละบริเวณก็ถูกกำหนดได้โดยพันธุกรรมเช่นกัน
นอกจากพันธุกรรมแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกที่สามารถส่งผลต่อสภาพผิวหน้าโดยรวม หรือการทำงานของต่อมไขมันได้ ทั้งฮอร์โมน อายุที่ทำให้ผิวแต่ละช่วงวัยไม่เหมือนกัน การใช้ยา พฤติกรรมการดูแลผิว แม้กระทั่งสุขภาพจิตและความเครียดก็มีผลต่อสภาพผิวหน้า ทำให้มีลักษณะของผิวผสมเช่นกัน
วิธีการดูแลผิวผสม
ก่อนทราบวิธีดูแลผิวผสม ควรเริ่มจากการรู้จักผิวหน้าของตนเองเสียก่อนว่าเป็นผิวผสมหรือผิวประเภทอื่นๆ เนื่องจากผิวแต่ละแบบจะมีวิธีการดูแลผิวที่แตกต่างกันไป แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองมีสภาพผิวหน้าแบบไหน?
วิธีเช็คสภาพผิวหน้าที่ง่ายที่สุด คือในคืนก่อนการตรวจสอบสภาพผิว ให้ล้างหน้าให้สะอาดตามปกติโดยไม่ต้องทาครีม เวชสำอาง หรือยาใดๆ เลย เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าจึงค่อยลองตรวจสอบดู
– หากผิวมันทั้งหน้า ทั้งบริเวณ T-zone แก้ม สันกราม มันทั้งหมด แสดงว่าเป็นผิวมัน
– หากผิวแห้งทั้งหน้า ผิวตึงเกินไป บางครั้งอาจลอก หรือมีผิวแดงจากการระคายเคืองด้วย แสดงว่ากำลังหน้าแห้ง
– หากหน้ามันแค่บางบริเวณ ส่วนอื่นๆของใบหน้าแห้งตึง แสดงว่ากำลังมีผิวผสม
– หากหน้าในบริเวณ T-zone มันเล็กน้อย หน้าในส่วนอื่นๆปกติ หรือตึงเล็กน้อย แสดงว่ามีสภาพผิวปกติ เป็นผิวสุขภาพดี”
เมื่อทราบแล้วว่าตนเองมีผิวผสม ควรดูแลตนเองเพื่อให้มีผิวสุขภาพดีด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้
ล้างหน้าเป็นประจำ
การล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ เป็นเหมือนการปรับให้ผิวสมดุลด้วยการขจัดไขมันส่วนเกินออกไป โดยการล้างหน้าที่ถูกต้องควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้งต่อวัน ไม่น้อยหรือมากไปกว่านี้ ป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกและความมันบนใบหน้า และไม่ทำให้ผิวแห้งจากการทำความสะอาดมากเกินไป
ส่วนการเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดผิวหน้า ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เน้นไปที่การเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เนื่องจากสูตรขจัดความมันมักประกอบด้วยสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง หากใช้เป็นประจำผิวหน้าในบริเวณที่แห้งจะยิ่งกระด้าง ตึง ลอก และระคายเคืองได้มากกว่าเดิม
ทำให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ
การดูแลผิวผสมโดยรวม จะเน้นที่การบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นในทุกๆ พื้นที่ เพื่อลดความมันจากการกระตุ้นโดยผิวที่แห้ง และลดการระคายเคืองจากผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น แก้ไขผิวกระด้างในบริเวณที่ผิวแห้ง
การขาดความชุ่มชื้นสามารถทำให้ผิวมันได้ เนื่องจากในกรณีที่ผิวขาดความชุ่มชื้น ร่างกายจะกระตุ้นการสร้างน้ำมันจากต่อมไขมันให้ออกมาเคลือบผิวไว้ เพื่อลดการสูญเสียน้ำ ส่งผลให้หน้ามันมากกว่าปกตินั่นเอง
ดังนั้นวิธีลดความมัน และรักษาผิวหน้าแห้งสำหรับผู้ที่มีผิวผสม จึงเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นนั่นเอง ส่วนวิธีการเพิ่มความชุ่มชื้นมีหลายวิธี สามารถใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆที่เป็นสูตรเพิ่มความชุ่มชื้นได้ (Moisturizer) แต่ก็ควรใช้สูตรสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายร่วมด้วย เนื่องจากผิวบริเวณที่แห้งในผู้ที่มีผิวผสม มักจะระคายเคืองง่ายกว่าผิวในบริเวณที่มัน
Fact: “การดื่มน้ำช่วยให้ผิวแห้งขาดน้ำดีขึ้นได้ เนื่องจากผิวหนังของคนเรามีน้ำมากถึง 30% หากร่างกายได้รับน้ำที่เพียงพอ ก็จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ โดยผู้หญิงควรดื่มน้ำประมาณวันละ 11 แก้ว ส่วนผู้ชายควรดื่มประมาณวันละ 15 แก้ว จึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย”
เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมในบริเวณที่ผิวมัน
ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม จะเรียกว่าเป็น “Oil Base” ซึ่งผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหนังที่เป็น Oil Base มักจะมีเนื้อเข้มข้น ซึมเข้าผิวได้ยาก และยังทำให้ผิวมันมากกว่าเดิมได้ นอกจากจะมีผลต่อความสวยงามแล้ว ยังทำให้รู้สึกไม่สบายผิว ทั้งยังมีโอกาสทำให้รูขุมขนอุดตัน จนเกิดสิวมากกว่าเดิมได้ด้วย
เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในบริเวณที่ผิวแห้ง
ในผู้ที่มีผิวผสมนั้น ผิวบริเวณที่แห้งลอกจะเกิดการระคายเคืองจากสารบางอย่างที่อยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเวชสำอางได้มากกว่าผิวปกติหรือผิวมัน ดังนั้นในบริเวณที่ผิวแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Sodium, สารที่เป็นกรดอย่าง Acid ต่างๆ AHA และ BHA, แอลกอฮอล์, และน้ำหอมหรือสารแต่งกลิ่น ทั้งยังควรหลีกเลี่ยงการใช้สครับด้วย เพราะจะก่อให้เกิดการระคายเคืองมากกว่าเดิม
ดูแลสุขภาพโดยรวมอยู่เสมอ
การดูแลสุขภาพโดยรวมอาจดูเหมือนเป็นเรื่องทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมีผลกับการดูแลผิวอย่างมาก โดยเฉพาะปัจจัยที่ส่งผลกับผิวอย่างฮอร์โมน
ฮอร์โมนกลุ่มแอนโดรเจนที่เพิ่มขึ้นจากหลายสาเหตุ สามารถส่งผลกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันได้ ทำให้ในบริเวณ T-zone ของผู้ที่มีผิวผสม มันง่ายกว่าส่วนอื่นๆ
การดูแลสุขภาพโดยรวมอย่างการทานอาหารที่มีประโยชน์ ผ่อนคลายความเครียด ออกกำลังกาย งดสูบบุหรี่ เป็นวิธีพื้นฐานในการสร้างสมดุลให้กับระบบฮอร์โมน ส่งผลให้ผิวกลับสู่สภาวะปกติได้นั่นเอง
ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง SkinX
หากทำตามวิธีหลายอย่างที่แนะนำไปแล้วไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เนื่องจากอาการผิวมันและแห้งในผู้ที่มีผิวผสม อาจเกิดจากเหตุผลด้านพันธุกรรมหรือความผิดปกติของฮอร์โมน ที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้
เมื่อปรึกษาแพทย์ แพทย์จะสามารถแนะนำต้นเหตุที่อาจเกิดขึ้น และวิธีรักษาที่อาจทำให้สภาพผิวดีขึ้นได้ ผู้ที่มีผิวผสมไม่ควรปล่อยให้ผิวบริเวณใดบริเวณหนึ่งมันมากไป เพราะผิวมันเป็นสาเหตุให้เกิดสิว โรคผิวหนังอักเสบ รูขุมขนอักเสบ หรือโรคผิวหนังอื่นๆ ตามมาได้
ส่วนบริเวณที่ผิวแห้งเกินไปจะสร้างความรำคาญจากทั้งอาการแสบคัน และผิวหนังที่ลอกออกมา ดังนั้นการปรึกษาแพทย์จึงเป็นการป้องกันลดโอกาสเกิดโรคผิวหนังต่างๆ ในอนาคต
การปรึกษาแพทย์ในปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องออกจากบ้าน ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ไม่ต้องใช้เวลารอคิวทั้งวัน ก็สามารถเลือกปรึกษาปัญหาผิวกับแพทย์ผิวหนังได้มากกว่า 210 ท่าน จากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศได้ ผ่านทางแอปพลิเคชัน SkinX เพราะผิวดี ไม่ต้องรอ!
การป้องกันผิวหน้าแห้งและมันเมื่อมีผิวผสม
การป้องกันหน้ามันหรือหน้าแห้งเกินไปในผู้ที่มีผิวผสมนั้นค่อนข้างยาก เนื่องจากปัจจัยหลักของอาการจะเกิดจากพันธุกรรม การป้องกันจึงเน้นไปที่การหลีกเลี่ยงสาเหตุอื่นๆ โดยเฉพาะป้องกันไม่ให้ระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนในเลือดเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งการป้องกันสามารถทำให้โดยผ่อนคลายความเครียด งดสูบบุหรี่ ล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง ดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ และทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะกับสภาพผิว เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันหน้ามันหรือแห้งเกินไปในผู้ที่มีผิวผสมได้แล้ว
คำถามที่พบบ่อย
ผิวผสมสามารถกลับไปผิวปกติได้ไหม?
แม้จะถูกกำหนดด้วยพันธุกรรม แต่สภาพผิวนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จากทั้งสภาพแวดล้อม ปัจจัยภายในร่างกาย ช่วงอายุ หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการดูแลผิว ดังนั้นผิวผสมหากผ่านการดูแลผิวที่ถูกวิธีก็สามารถกลับมาเป็นผิวที่ปกติได้เช่นกัน แต่หากขาดการดูแลผิวก็จะกลับไปเป็นผิวผสมแบบเดิม
หน้าแห้งแต่มันเกิดจากอะไร?
หน้าแห้งแต่มัน สามารถเกิดร่วมกันได้ ซึ่งจะเกิดจากการที่ผิวขาดความชุ่มชื้นจนต่อมไขมันถูกกระตุ้นให้สร้างน้ำมันออกมาเคลือบผิวหนังไว้เพื่อไม่ให้ผิวหนังเสียน้ำเพิ่มเติม เป็นเหตุผลว่าทำไมในบางบริเวณ ผิวหนังลอกเป็นแผ่นแต่ยังคงมีน้ำมันอยู่บนผิวนั่นเอง
สรุป
ผิวผสม เป็นผิวที่ควรเน้นดูแลที่ความชุ่มชื้นของผิว เพื่อแก้ไขปัญหาลักษณะผิวหน้าที่มันและแห้งในคราวเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนที่มันเป็นต้นเหตุของโรคผิวหนัง และไม่ให้หน้าที่แห้งลอกและระคายเคือง
หากมีผิวผสม หน้ามันและแห้งมากในคราวเดียว แก้ไขอย่างไรก็ไม่หาย สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อพูดคุยถึงอาการ และหาวิธีการรักษาที่เหมาะกับคุณ ได้ที่แอปพลิเคชัน SkinX ไม่ต้องรอนาน ไม่ต้องเดินทาง ปรึกษาได้ทุกที่ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ทั้งระบบ Android และ IOS
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
Shetty, R. (2013, April 26). How To Know Your Skin Type – Types of Skin – Glamrs [Video]. Glamrs.
https://www.youtube.com/watch?v=aYeO3GQ0VZY
Lenahan, B. (2017, October 30). Understanding Combination Skin and How to Treat It.
Colorescience.
https://www.colorescience.com/blogs/learn/understanding-combination-skin-and-how-to-treat-it#:~:text=Typically%2C%20the%20combination%20skin%20type,forehead%2C%20nose%2C%20and%20chin.
Stuart, A. (2021, October 13). What’s Your Skin Type?. Radiance by WebMD.
https://www.webmd.com/beauty/whats-your-skin-type#091e9c5e80566596-1-3