SkinX

GET-On the App Store

SkinX Team

6 มกราคม 2566

ฟิลเลอร์ VS ฉีดไขมัน ต่างกันหรือไม่? ปัญหาผิวของคุณเหมาะกับอะไร?

ฟิลเลอร์ VS ฉีดไขมัน

ในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาผิวหน้าและใบหน้าด้วยการฉีดสารเติมเต็มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพักฟื้นได้ไว และไม่เจ็บตัวเท่ากับการผ่าตัด โดยสิ่งที่นิยมฉีดกัน และผ่านการรับรองจากองค์กรอาหารและยาของไทยแล้ว คือการฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดไขมัน


แต่การฉีดฟิลเลอร์และการฉีดไขมันคืออะไร ทั้งสองอย่างต่างกันอย่างไร เหมาะกับแก้ปัญหาผิวแบบไหน ในบทความนี้ SkinX จะมาตอบคำถามทุกเรื่องเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดไขมัน


SkinX แอปพลิเคชันที่จะทำให้คุณสามารถปรึกษาปัญหาผิวและความสวยความงามกับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังโดยตรงผ่านทางออนไลน์ ที่ทั้งสะดวก และรวดเร็ว ดาวน์โหลดตอนนี้สามารถปรึกษาแพทย์ครั้งแรกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


 

ฟิลเลอร์กับฉีดไขมัน ต่างกันอย่างไร?

 

ข้อแตกต่างระหว่างการฉีดฟิลเลอร์กับการฉีดไขมัน สามารถทำเป็นตารางให้เห็นโดยสรุปได้ ดังนี้

 

 ฟิลเลอร์ไขมัน

สิ่งที่ใช้ฉีด

ฟิลเลอร์ที่ทำจากกรดไฮยาลูรอนิคสังเคราะห์

เซลล์ไขมันจากร่างกายของผู้เข้ารับการรักษาเอง โดยการดูดมาจากบริเวณ  ต้นขา ต้นแขน สะโพก หรือส่วนอื่นๆ 

ด้วยเครื่องมือเฉพาะที่ทำให้เซลล์ไขมันยังคงมีชีวิตอยู่

วิธีการฉีด

สามารถฉีดที่จุดเดียวเพื่อให้ฟิลเลอร์เกาะรวมกันเป็นก้อนได้ สามารถเกลี่ยและปั้นขึ้นรูปได้ตามปัญหาที่ต้องการแก้ไข   ฉีดจุดละน้อยๆ หลายๆจุด เพื่อให้ไขมันสลายน้อยลง 

วิธีการทำงาน

ฟิลเลอร์จะเข้าไปแทนที่คอลลาเจน ไฟเบอร์ และอิลาสตินที่หายไป เมื่อครบเวลาจะสลายไปเองเข้าไปทดแทนไขมันที่สลายไปตามอายุ หรือเพิ่มในตำแหน่งที่ไม่มี ไขมันที่ฉีดจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อใบหน้า และไม่สลายไป หรือใช้เวลานานกว่าจะสลาย เป็นเหมือนการปลูกถ่ายเซลล์อย่างหนึ่ง

ปริมาณที่ฉีด

ส่วนใหญ่ฉีดครั้งละ 1 – 2 ccครั้งละประมาณ 30 – 40 cc เผื่อไขมันสลายตัวหลังฉีด

ราคา

ราคาแพงกว่า เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารสังเคราะห์ราคาถูกกว่า เนื่องจากไขมันนำมาจากร่างกายผู้เข้ารับการรักษาเอง

ระยะเวลาที่จะเห็นผลลัพธ์หลังการฉีด

2 สัปดาห์3 – 5 สัปดาห์

ข้อดีของผลลัพธ์

– เห็นผลลัพธ์เร็ว 

– แก้ไข ปรับรูปหน้าและปัญหาเฉพาะจุดได้มากกว่า

– แก้ไขผลลัพธ์ได้ง่ายโดยการฉีดสลายฟิลเลอร์

– ใบหน้าดูเด็กลง เพราะมีสเต็มเซลล์ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ 

– ผลลัพธ์อยู่ได้นาน

ข้อเสียของผลลัพธ์

– อยู่ได้ไม่นาน

– เสี่ยงเกิดฟิลเลอร์ผิดรูป ฟิลเลอร์ไหลไปที่เนื้อเยื่ออื่น

– เห็นผลช้า เสี่ยงเกิดรอยช้ำง่าย

– เสี่ยงเกิดไขมันเป็นคลื่น จากไขมันสลายตัวไม่สม่ำเสมอ

– แก้ไขผลลัพธ์ยาก

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน

6 – 18 เดือน3 – 5 ปี หรืออาจจะนานเป็น 10 ปี

ก่อนจะทราบที่มาที่ไปของข้อเปรียบเทียบในแต่ละข้อของการฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดไขมัน ควรทราบก่อนว่าการฉีดฟิลเลอร์และการฉีดไขมัน คืออะไร?


ทำความรู้จักกับ “ฟิลเลอร์”

 ฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ (Filler) คือหัตถการช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นบนผิวหนัง ช่วยปรับรูปหน้า และเครื่องหน้าให้เป็นไปตามความต้องการ หรือใกล้เคียงกับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษา ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์จะทำโดยการฉีดสารเติมเต็มเข้าสู่ผิวหนังเพื่อให้ผิวหนังเต่งตึง ชุ่มชื้น และเพื่อปรับทรงใบหน้าในจุดต่างๆ


สารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าไปในผิวหนังมีหลายชนิด แต่ที่เป็นที่นิยม ค่อนข้างปลอดภัย และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของไทย และองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) แล้ว คือฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid : HA)


ที่ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิคค่อนข้างปลอดภัย เป็นเพราะกรดไฮยาลูรอนิคสังเคราะห์ที่ใช้ทำเป็นฟิลเลอร์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบกรดไฮยาลูรอนิคที่มีอยู่ในผิวหนังของมนุษย์เรา ทำให้เสี่ยงแพ้ได้น้อยกว่า สลายไปเองได้ตามอายุ ผลข้างเคียงระยะยาวค่อนข้างน้อย และหากไม่พอใจผลการรักษาสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้


ฟิลเลอร์นิยมฉีดเพื่อแก้ไขริ้วรอยในจุดต่างๆ อย่างการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มและฟิลเลอร์ใต้ตา บางกรณีอาจจะฉีดเพื่อปรับโครงหน้า อย่างการฉีดฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์คาง และฟิลเลอร์จมูก หรืออาจฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างการฉีดฟิลเลอร์ปาก และนอกจากใบหน้าแล้ว ฟิลเลอร์ยังสามารถฉีดที่หน้าอก สะโพก บั้นท้าย หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้อีกด้วย


 

“Fact : จริงๆ แล้ว การฉีดฟิลเลอร์จมูก และฟิลเลอร์ในส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่ใบหน้า ยังไม่ได้รับการรับรองจาก อย. ให้ทำหัตถการดังกล่าว ผู้ที่สนใจปรับทรงจมูก เพิ่มขนาดหน้าอก สะโพก บั้นท้าย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำหัตถการอื่นๆ ที่ปลอดภัยกว่าการฉีดฟิลเลอร์”

ประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์

  • แก้ไขปัญหาริ้วรอย ทั้งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างผิว และเกิดจากผิวแห้งขาดน้ำ

  • แก้ไขปัญหารอยพับ รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าที่เกิดจากไขมันห้อยย้อยลงตามอายุ ด้วยการเพิ่มแรงยกให้ผิวหนัง ทำให้ใบหน้ากระชับมากขึ้น

  • ปรับรูปหน้า เครื่องหน้า เพื่อปรับให้ได้ทรงที่ต้องการหรือทำให้สมมาตรมากขึ้น

  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

  • หลังการรักษาฟื้นตัวเร็ว ใช้เวลาพักฟื้นน้อย

  • สามารถแก้ไขปัญหาผิวบนใบหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

 

ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ส่วนไหนบ้าง?


ฟิลเลอร์นิยมฉีดในส่วนที่เป็นใบหน้า เนื่องจากเป็นจุดที่เห็นได้ชัด การฉีดจึงต้องให้ผลที่ละเอียดอ่อน ผลที่เห็นทันทีหลังฉีดและหลังจากพักฟื้นแล้วไม่ควรต่างกันมาก เพื่อแพทย์จะได้ฉีดฟิลเลอร์และปั้นฟิลเลอร์ออกมาให้ตรงตามความต้องการของผู้เข้ารับการรักษามากที่สุด


นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังมีราคาแพง แค่เพียง 1 เข็มที่บรรจุฟิลเลอร์ 1 cc ก็สามารถมีราคาสูงได้ถึง 10,000 – 20,000 บาท ฟิลเลอร์จึงไม่นิยมนำไปฉีดในตำแหน่งที่จะต้องฉีดครั้งละมากๆ อย่างบริเวณหน้าอก ต้นขา สะโพก หรือบั้นท้าย แต่จะนิยมฉีดกันบริเวณใบหน้ามากกว่า


อีกเหตุผลหนึ่ง ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่ต้องฉีดครั้งละมากๆ เป็นเพราะการฉีดฟิลเลอร์ให้เกาะตัวรวมกันเยอะเกินไป จะเสี่ยงทำให้เนื้อตายเป็นจุดๆ หรือเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่อันตรายอย่างมาก


ดังนั้น จุงควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณใบหน้า โดยตำแหน่งฉีดฟิลเลอร์บริเวณใบหน้าที่ผู้คนนิยมฉีดกันมาก ได้แก่ ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม และฟิลเลอร์ใต้ตา


 

ทำความรู้จัก “การฉีดไขมัน”

 

ฉีดไขมัน

การฉีดไขมัน หรือการปลูกถ่ายไขมัน (Fat Grafting) คือหัตถการที่ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้น ลดริ้วรอย และทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดดูอ่อนเยาว์ขึ้นโดยการฉีดไขมันหน้า นิยมทำเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ดูตอบมากกว่าปกติ อย่างการฉีดไขมันแก้ม ในผู้ที่แก้มตอบ กรามและโหนกชัดเกินไป หรือฉีดไขมันหน้าผาก เพื่อให้หน้าผากกลมมนและโหนกขึ้น


ไขมันที่นำมาฉีด จะเป็นเซลล์ไขมันของตัวผู้เข้ารับการรักษาเอง ซึ่งไขมันดังกล่าวจะต้องนำไปเข้ากระบวนการปั่นแยกเซลล์ และทำความสะอาด นำสารอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน แล้วจึงใช้ไขมันดังกล่าวมาฉีดในบริเวณที่ต้องการ


กระบวนการทำงานของไขมันที่ฉีดจะไม่เหมือนกับฟิลเลอร์ เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไป แพทย์จะฉีดให้ฟิลเลอร์เกาะตัวรวมกัน เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่งฟิลเลอร์จะเกาะกับผิว จากนั้นจะค่อยๆ สลายไปเรื่อยๆ ทีละน้อยตามเวลา


ส่วนการฉีดไขมันนั้น ไม่ได้ฉีดเข้าไปแล้วรอสลายเหมือนกับฟิลเลอร์ การฉีดไขมันเหมือนการปลูกถ่ายเซลล์อย่างหนึ่ง เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปเป็นเซลล์มีชีวิต หากฉีดเข้าไป และเริ่มเกาะกับเนื้อเยื่ออื่น เริ่มมีเส้นเลือดมาเลี้ยง ก็จะคงรูปเป็นส่วนหนึ่งของผิวหนังอยู่แบบนั้นจนกว่าจะสลายไปเองตามอายุที่มากขึ้น


แต่หากฉีดไปแล้ว เซลล์ไขมันไม่ได้เกาะรวมกับเนื้อเยื่ออื่น และไม่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง จะทำให้เซลล์ไขมันเหล่านั้นตาย และค่อยๆยุบหายไปในเวลาประมาณ 1 เดือน


การที่เซลล์ไขมันติดบ้าง ไม่ติดบ้างทำให้แพทย์ต้องมีเทคนิคในการฉีดไขมันที่แตกต่างจากฟิลเลอร์ การฉีดไขมันไม่สามารถฉีดทั้งหมดในการแทงเข็มครั้งเดียวได้ แพทย์จะต้องฉีดเป็นจุดๆ ทีละจุดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เพราะถ้าฉีดในจุดเดียวมากเกินไป เซลล์ไขมันบางส่วนจะมีเลือดไปเลี้ยงไม่ถึงและสลายไปได้


นอกจากนี้การฉีดไขมันยังนิยมฉีดครั้งละมากๆ ประมาณครั้งละ 30 – 40 cc แม้จะเป็นบริเวณใบหน้าก็ตาม เพราะแพทย์จะต้องเผื่อไว้ในกรณีที่ไขมันสลายไปด้วย


 

ประโยชน์ของการฉีดไขมัน

 

  • ทำให้ใบหน้าเต่งตึง ดูเด็กลง

  • ปรับปรุงคุณภาพผิวบริเวณที่ฉีด เนื่องจากในไขมันที่ฉีดมีสเต็มเซลล์เป็นส่วนประกอบ เซลล์เหล่านั้นจะช่วยซ่อมแซม และฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้น

  • เพิ่มเนื้อไขมันบริเวณที่ขาดหาย ทำให้ใบหน้ากลมมนมากขึ้น

  • สามารถฉีดครั้งละมากๆ ได้ เหมาะกับการเติมเต็มในบริเวณที่มีขนาดใหญ่ อย่างบริเวณหน้าอก
    สะโพก และบั้นท้าย

  • สามารถเพิ่มเนื้อเยื่อในบริเวณที่ต้องการได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

  • ใช้เวลาพักฟื้นน้อยเมื่อเทียบกับการผ่าตัด

 

“Fact : ประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง จากผลพลอยได้ของการฉีดไขมัน คือการกระชับสัดส่วนโดยการดูดไขมันที่ร่างกายในส่วนอื่นๆ เพราะการฉีดไขมัน จะนำไขมันมาจากการดูดไขมันบริเวณต้นแขน ต้นขา สะโพก และส่วนอื่นๆ ที่ผู้เข้ารับการรักษาต้องการกระชับสัดส่วน แต่ส่วนใหญ่แล้ว การดูดไขมันเพื่อนำมาฉีดไขมันโดยเฉพาะจะไม่ได้มีปริมาณเยอะมากจนเห็นผล ว่าต้นแขน ต้นขา หรือสะโพกเล็กลงอย่างชัดเจน หากต้องการดูดไขมันออกเพิ่ม ทางสถานพยาบาลจะต้องคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วย”

ควรเลือกฉีดไขมันที่ส่วนไหนบ้าง?

 Fat grafting

การฉีดไขมัน นิยมฉีดเพื่อให้บริเวณที่มีปัญหามีเนื้อมากขึ้น เต่งตึงขึ้น จากที่เห็นโครงหน้าชัด เห็นกระดูกหน้าได้ง่าย การฉีดไขมันก็จะทำให้บริเวณดังกล่าวกลมขึ้น เนียนขึ้น มีเนื้อขึ้นมา ก็จะดูอายุน้อยลง


การฉีดไขมันให้ผลไม่เหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ การฉีดฟิลเลอร์จะเน้นที่การยกกระชับ และการปรับแต่งรูปหน้าและเครื่องหน้า เนื่องจากฟิลเลอร์มีเนื้อที่คงตัวได้มากกว่า สามารถปั้นขึ้นรูปได้ ในขณะที่การฉีดไขมันจะเน้นที่การเพิ่มเนื้อใต้ผิว ทำให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้น แต่ไม่สามารถปั้นให้ขึ้นรูปได้


การฉีดไขมันจึงนิยมฉีดกันในบริเวณที่ต้องการเพิ่มเนื้อใต้ผิวหนัง อย่างการฉีดไขมันแก้ม ฉีดไขมันคาง ฉีดไขมันหน้าผาก และในร่างกายส่วนอื่นๆ เช่น ฉีดไขมันหน้าอก ฉีดไขมันสะโพก หรือฉีดไขมันบริเวณอวัยวะเพศหญิง


โดยที่การฉีด จะสามารถฉีดครั้งละมากๆได้ นอกจากราคาจะถูกเนื่องจากไขมันที่ใช้นำมาจากร่างกายของผู้เข้ารับการรักษาเองแล้ว ยังมีโอกาสอักเสบติดเชื้อได้น้อยมากแม้จะฉีดในปริมาณมาก เพราะเซลล์ไขมันเป็นเซลล์มีชีวิตที่ร่างกายสามารถสร้างหลอดเลือดฝอยเข้าไปเลี้ยงเซลล์ได้ ทำให้เซลล์ไม่ตาย และมีโอกาสการกดทับเนื้อเยื่อจนเกิดเนื้อตายได้ยากกว่าฟิลเลอร์


ทั้งนี้การฉีดไขมันจะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้เครื่องมือเฉพาะเท่านั้น เนื่องจากหากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญ หรือเครื่องมือไม่เหมาะสม อาจทำให้ไขมันติดไม่ดี เกิดผิวเป็นคลื่นหลังฉีดไขมัน และยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อันตรายมากอีกด้วย


 

ฉีดฟิลเลอร์หรือฉีดไขมัน อันไหนอยู่นานกว่ากัน?


การฉีดไขมัน สามารถอยู่ได้นานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายตัวไปจนผิวบริเวณที่ฉีดกลับมาอยู่สภาพเดิมก่อนฉีด ในเวลาประมาณ 6 เดือน หรือนานที่สุดคือประมาณ 18 เดือน


ส่วนการฉีดไขมัน หลังจากพ้นช่วง 1 เดือนไปแล้ว ไขมันส่วนที่ปลูกถ่ายไม่ติดจะสลายไป ส่วนที่ปลูกติดจะมีเส้นเลือดไปเลี้ยงเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อผิวหนัง ทำให้ไขมันในส่วนนี้อยู่ได้นานมาก ประมาณ 3 – 5 ปี หรือบางรายผลการรักษาอาจอยู่นานเป็น 10 ปีก็มีเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าการสะสมไขมันของร่างกายเป็นอย่างไร เพราะไขมันที่ปลูกถ่ายเข้าไปในร่างกายก็สามารถสลายได้เหมือนกับไขมันในส่วนอื่นๆ ตามปกติ


 

สรุปแล้วควรเลือกฉีดฟิลเลอร์หรือฉีดไขมัน?

 ฉีดไขมันหรือฉีดฟิลเลอร์ดีกว่ากัน

การตัดสินใจว่าควรฉีดฟิลเลอร์ หรือฉีดไขมันดี จะขึ้นอยู่กับว่าต้องการปรับเปลี่ยนในส่วนไหน ถ้าต้องการปรับโครงหน้า อยากให้เครื่องหน้าชัดขึ้น อยากทำปากอวบอิ่ม ปากกระจับ ยกมุมปาก ยกกระชับส่วนที่เหี่ยวย่นตามอายุ ก็ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่มีแนวโน้มจะให้ผลการรักษาที่ดีกว่า


แต่หากต้องการเพิ่มเนื้อให้ผิวเต่งตึงขึ้น ปรับให้ใบหน้าดูโค้งมน ดูเด็กมากขึ้น บำรุงผิวให้อ่อนเยาว์มากขึ้น การฉีดไขมันก็จะตอบโจทย์มากกว่า
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจจะฉีดฟิลเลอร์ หรือฉีดไขมัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีด เพื่อพูดคุยถึงความต้องการว่าต้องการปรับใบหน้าส่วนไหน แก้ปัญหาผิวหนังใด และอยากได้ผลลัพธ์อย่างไร เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินว่าสามารถแก้ไขด้วยหัตถการใดได้บ้าง ควรฉีดฟิลเลอร์ ฉีดไขมัน หรือมีวิธีอื่นๆ ที่เหมาะสมกว่าหรือไม่ เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาได้ผลการรักษาที่ดี และมั่นใจในตนเองมากขึ้น


ต้องการปรึกษาแพทย์ผิวหนังเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ ฉีดไขมัน หรือปัญหาเกี่ยวกับความสวยความงาม สามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์ได้ที่แอปพลิเคชัน SkinX แอปพลิเคชันที่ทำให้คุณสามารถเลือกปรึกษากับแพทย์ผิวหนังกว่า 210 ท่านได้ง่ายๆ ผ่านระบบออนไลน์ สะดวก ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องรอคิว และสามารถปรึกษาครั้งแรกได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย!


 

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก

 

Lucas, J. (2015, December 2). Facial fat grafting vs facial fillers. American Society of Plastic
        Surgeons. https://www.plasticsurgery.org/news/blog/facial-fat-grafting-vs-facial-fillers#:~:
        text=ease%20and%20convenience.-,It%27s%20a%20case%2Dby%2Dcase%20decision,-
        So%20when%20do

 

Sawan, K. (2021, July 13). Fat Injections Or Fillers? What’s Better For My Face?. Sawan Surgical
        Aesthetics. https://ssa.care/blog/fat-injections-or-fillers-whats-better-for-my-face#:~:text=
        Do%20fillers%20or%20fat%20injections%20last%20longer%3F

Fat Grafting or Fillers: Which procedure is better for facial rejuvenation?. (2018, February 11).
        Thomassen Plastic Surgery. https://thomassenplasticsurgery.com/fat-grafting-fillers-
        procedure-better-facial-rejuvenation/


 

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ใช้งานครั้งแรกปรึกษาฟรี
Tips & Tricks
สาระน่ารู้และข่าวประชาสัมพันธ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า