skinx-logo
แพทย์ของเราบทความติดต่อเรา

สิวและผิวหน้า

สิวที่หู เกิดจากอะไร? เจาะลึกสาเหตุ พร้อมวิธีรักษาและป้องกัน

1 ธันวาคม 2568

สิวที่หู เกิดจากอะไร? เจาะลึกสาเหตุ พร้อมวิธีรักษาและป้องกัน

สิวที่หู เป็นปัญหาผิวที่หลายคนมองข้าม แต่สร้างความรำคาญใจไม่แพ้สิวบริเวณอื่น ๆ บางครั้งอาจทำให้เจ็บมากจนรบกวนการนอน หรือการใช้ชีวิตประจำวันได้ บทความนี้ SkinX จะพาไปทำความเข้าใจว่าสิวที่หู หรือสิวที่ติ่งหูเกิดจากอะไร? รวมถึงวิธีรับมือและป้องกันไม่ให้สิวที่หูกลับมาเป็นซ้ำอีก


Key Takeaways

  • สิวที่หู เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการอุดตันของต่อมไขมัน การสะสมสิ่งสกปรก และการติดเชื้อ
  • ลักษณะสิวที่หูมีหลายแบบ เช่น สิวหัวดำ สิวหัวหนอง สิวฮอร์โมน หรือสิวหัวช้าง เป็นต้น
  • การรักษาสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การรักษาความสะอาด การประคบร้อน และการงดแคะ แกะ เกา ซึ่งอาจทำให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้นได้
  • หากสิวที่หูขึ้นซ้ำซาก หรือมีอาการปวดมาก ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

สารบัญบทความ


สิวที่หู เกิดจากอะไร

สิวที่หูเกิดจาก

สิวที่หูเกิดจากอะไร หรือสิวในหูเกิดจากอะไร? สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดสิวที่หูจะคล้ายกับการเกิดสิวทั่วไป ซึ่งมีหลายปัจจัย ดังนี้

  • ความมันและสิ่งสกปรก : เมื่อเกิดการสะสมของไขมัน (Sebum) เซลล์ผิวหนัง และแบคทีเรีย ก็จะเกิดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้สิวขึ้นหูหรือหูเป็นตุ่ม
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม : สิวข้างหู สิวหลังใบหู อาจเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่มีส่วนผสมของสารระคายเคือง แล้วไหลลงมาสัมผัสกับใบหูและหลังหู จนเกิดเป็นสิวที่หู
  • การใส่หูฟังหรือเครื่องประดับ : หูฟังอาจเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรก เมื่อใช้เป็นเวลานานจะเกิดความอับชื้น เป็นสาเหตุของตุ่มสิวในหู นอกจากนี้ การเป็นสิวที่ติ่งหูก็อาจเกิดจากอาการแพ้โลหะของต่างหูได้อีกด้วย
  • ฮอร์โมน : เช่นเดียวกับสิวฮอร์โมนที่เกิดขึ้นบนใบหน้า การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายก็สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวที่หูได้เช่นกัน
  • โรคผิวหนังบางชนิด : เช่น โรคสะเก็ดเงิน อาจทำให้เกิดตุ่มคล้ายสิวขึ้นที่หลังหู รวมถึงส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ 

ประเภทสิวที่หู มีอะไรบ้าง

สิวที่หู ไม่ได้มีเพียงประเภทเดียว แต่มีลักษณะที่หลากหลาย ดังนี้

  • สิวหัวดำ : ลักษณะจะเป็นจุดสีดำเล็ก ๆ เกิดจากไขมันและเซลล์ผิวที่อุดตันในรูขุมขน เมื่อสัมผัสกับอากาศจึงเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันทำให้กลายเป็นสีดำ
  • สิวหัวหนอง : เป็นสิวอักเสบประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นตุ่มนูน บริเวณฐานอาจจะสีแดง ๆ มีหัวสีขาวหรือเหลือง
  • สิวหัวช้าง: หรือสิวซีสต์ เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง ลักษณะเป็นก้อนไขมันนูนอยู่ข้างหูมีขนาดใหญ่ และมีอาการเจ็บระบม ปวดสิวมาก สามารถทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้
  • สิวอุดตัน : คือสิวตุ่มแดงที่เริ่มมีการอักเสบ มักไม่มีหัวสิวที่ชัดเจน แต่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง กดเจ็บเล็กน้อย
  • สิวยีสต์ : ตุ่มคล้ายสิวขึ้นที่หู หรือสิวไม่มีหัว สิวคัน อาจเป็นสัญญาณของ สิวยีสต์ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อราหรือยีสต์ในรูขุมขน ทำให้มีตุ่มที่หูเล็ก ๆ จำนวนมาก

5 วิธีรักษาสิวที่หู มีอะไรบ้าง

รักษาสิวที่หู

เมื่อเป็นสิวที่หูหรือเป็นสิวในหู หลายคนอาจเจ็บมากและไม่รู้จะเริ่มดูแลอย่างไร จนเกิดคำถามว่าเป็นไตที่หู วิธีรักษาอย่างไร หรือเป็นสิวในรูหู มีวิธีรักษาแบบไหน SkinX ขอสรุป 5 วิธีรักษาสิวเบื้องต้น ดังนี้

1. ทำความสะอาดอย่างเบามือ

ไม่ว่าจะมีสิวในหู สิวขึ้นหลังหู หรือสิวขึ้นที่ติ่งหูก็ตาม สิ่งแรกที่ควรทำคือการใช้สำลีหรือผ้านุ่มชุบน้ำอุ่นหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน เช็ดทำความสะอาดบริเวณใบหูและหลังหูอย่างเบามือเป็นประจำ เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ลดการอุดตันของรูขุมขน 

2. ไม่แคะ แกะ เกาสิวที่หู

สิวที่หูอาจทำให้รู้สึกปวดหรือระคายเคือง แต่ไม่ควรไปสัมผัสใด ๆ หรือไม่ทำการบีบสิวที่หูด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้สิวที่หูเกิดการอักเสบติดเชื้อรุนแรงกว่าเดิมได้ ซึ่งนอกจากจะทำให้เจ็บปวดแล้ว ยังอาจทิ้งรอยสิว รอยแผลเป็นไว้ได้อีกด้วย ควรปล่อยให้สิวที่หูหายเอง หรือใช้แผ่นแปะสิว เพื่อช่วยให้สิวอักเสบ สิวหนองแห้งไวขึ้น 

3. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว

คนเป็นสิวที่หู สิวติ่งหู สิวในรูหู ควรพิจารณาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทารักษาสิวที่มีส่วนผสม เช่น เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide), เตรทติโนอิน (Tretinoin) หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำหอม หรือสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ทั้งนี้ ต้องระวังไม่ให้ยาไหลเข้าไปในหูชั้นใน

4. ประคบร้อน

หากคุณเป็นสิวที่หู เป็นตุ่มที่หู วิธีบรรเทาอาการเบื้องต้นอาจทำได้โดยใช้ผ้าขนหนูสะอาดชุบน้ำอุ่นประคบเบา ๆ บริเวณที่มีอาการประมาณ 10-15 นาที จะช่วยลดอาการปวดและช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ข้อควรระวัง คือไม่ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวหนังเกิดความเสียหายได้

5. ปรึกษาแพทย์

หากเป็นสิวที่หู แล้วปวดมาก มีการดูแลเบื้องต้นแล้วแต่สิวที่หูไม่ดีขึ้น หรือสิวที่หูมีลักษณะเป็นสิวหัวช้าง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง จะช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การกดสิว, การฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ หรือการใช้ยาปฏิชีวนะ จะช่วยให้สิวที่หูหายเร็วขึ้น ป้องกันการลุกลามและภาวะแทรกซ้อนไม่พึงประสงค์ ซึ่งสามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้อย่างสะดวกผ่านแอปพลิเคชัน SkinX


วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวที่หู

การป้องกันการเกิดสิวที่หู ลดโอกาสเป็นสิวที่หูซ้ำซาก สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

  • ทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สัมผัสกับหูเป็นประจำ เช่น หูฟัง ปลอกหมอน เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มีสิวขึ้นในหูหรือสิวขึ้นติ่งหู
  • รักษาความสะอาดของหู ล้างด้วยน้ำสะอาดกับสบู่อ่อน ๆ เป็นประจำ เพื่อลดโอกาสเกิดสิวที่ใบหู
  • พยายามหลีกเลี่ยงการเอามือไปจับ แคะ หรือเกาบริเวณหูโดยไม่จำเป็น เพราะมือเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค อาจทำให้เกิดสิวที่หูได้
  • ควรเลือกใช้ยาสระผม โฟมล้างหน้า ครีมบำรุงผิวที่ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้อุดตัน เช่น พาราเบน ซิลิโคน หรือสังเกตคำว่า Non-comedogenic กับ Oil-free บนฉลาก 

คำถามที่พบได้บ่อย (FAQs)

สิวที่หูเจ็บมาก ควรทำอย่างไร

หากตุ่มที่หูหรือสิวที่หูมีอาการเจ็บปวดมาก ควรหลีกเลี่ยงการบีบ การสัมผัส และใช้การประคบอุ่นเพื่อบรรเทาอาการปวด หากดูแลเบื้องต้นแล้วสิวที่หูไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

สิวที่หูหายเองได้หรือไม่

สิวที่หู หากไม่รุนแรงส่วนใหญ่สามารถหายได้เอง ซึ่งอาจใช้เวลาตั้งแต่หลักวันถึงหลายสัปดาห์ตามประเภทและความรุนแรงของสิวที่หู 

สิวที่หู บอกโรคอะไรได้ไหม

สิวที่หูบอกโรคไม่ได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม หากหูบวมแดง ปวดรุนแรง หรือหูมีตุ่มข้างในไม่ยอมหาย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด เนื่องจากอาจจะเป็นสิวที่อักเสบรุนแรง หรืออาจจะเป็นโรคผิวหนังชนิดอื่น ที่ดูคล้ายสิวได้ 


สิวที่หูขึ้นซ้ำซาก หายช้า ปรึกษาหมอผิวหนังออนไลน์ที่ SkinX

สิวที่หู อาจเกิดจากการอุดตันของไขมัน การสะสมสิ่งสกปรก หรือการติดเชื้อ แม้สิวที่หูส่วนใหญ่จะหายได้เอง แต่หากปล่อยไว้บางครั้งอาจปวดมากและหายช้า การปรึกษาแพทย์ผิวหนังจะช่วยให้คุณได้รับการ รักษาสิวที่ตรงจุด 

 

สำหรับคนที่ไม่มีเวลา ไม่สะดวกเดินทางไปพบแพทย์ SkinX คือแอปพลิเคชันที่ให้คุณปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นสิวที่หู หรือปัญหาผิวอื่น ๆ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ที่รองรับทั้ง iOS และ Android เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างสะดวก รู้ค่าบริการก่อนเข้าปรึกษา และรับสรุปผลการรักษาทันที นอกจากนี้ แพทย์ยังสามารถสั่งยาพร้อมส่งตรงถึงบ้าน พร้อมมีเภสัชกรที่คอยให้คำปรึกษาเพิ่มเติม

 

แอปพลิเคชัน ปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการ 

ครบ จบ เคลียร์ใน 15 นาที!

  • FB : SkinX พบแพทย์ผิวหนังออนไลน์
  • IG : skinx.thailand
  • Line : @skinx.official
  • TikTok : skinxthailand
  • X : @skinxthailand
  • Tel : 02 038 5505
  • E-mail : service@skinx.app

อ้างอิง

 

Connor, E. (2023, April 25). Pimple in Ear: How It Happens and How to Treat It. Healthline. https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/pimple-in-ear

 

Johnson, J. (2024, June 17). What to do about a pimple in your ear. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/pimple-in-the-ear

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด
service card mobile

เริ่มใช้งาน SkinX

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเลย!

skinx-cta