สิวและผิวหน้า
1 ธันวาคม 2568

สิวที่หู เป็นปัญหาผิวที่หลายคนมองข้าม แต่สร้างความรำคาญใจไม่แพ้สิวบริเวณอื่น ๆ บางครั้งอาจทำให้เจ็บมากจนรบกวนการนอน หรือการใช้ชีวิตประจำวันได้ บทความนี้ SkinX จะพาไปทำความเข้าใจว่าสิวที่หู หรือสิวที่ติ่งหูเกิดจากอะไร? รวมถึงวิธีรับมือและป้องกันไม่ให้สิวที่หูกลับมาเป็นซ้ำอีก
Key Takeaways
สารบัญบทความ

สิวที่หูเกิดจากอะไร หรือสิวในหูเกิดจากอะไร? สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดสิวที่หูจะคล้ายกับการเกิดสิวทั่วไป ซึ่งมีหลายปัจจัย ดังนี้
สิวที่หู ไม่ได้มีเพียงประเภทเดียว แต่มีลักษณะที่หลากหลาย ดังนี้

เมื่อเป็นสิวที่หูหรือเป็นสิวในหู หลายคนอาจเจ็บมากและไม่รู้จะเริ่มดูแลอย่างไร จนเกิดคำถามว่าเป็นไตที่หู วิธีรักษาอย่างไร หรือเป็นสิวในรูหู มีวิธีรักษาแบบไหน SkinX ขอสรุป 5 วิธีรักษาสิวเบื้องต้น ดังนี้
ไม่ว่าจะมีสิวในหู สิวขึ้นหลังหู หรือสิวขึ้นที่ติ่งหูก็ตาม สิ่งแรกที่ควรทำคือการใช้สำลีหรือผ้านุ่มชุบน้ำอุ่นหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน เช็ดทำความสะอาดบริเวณใบหูและหลังหูอย่างเบามือเป็นประจำ เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ลดการอุดตันของรูขุมขน
สิวที่หูอาจทำให้รู้สึกปวดหรือระคายเคือง แต่ไม่ควรไปสัมผัสใด ๆ หรือไม่ทำการบีบสิวที่หูด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้สิวที่หูเกิดการอักเสบติดเชื้อรุนแรงกว่าเดิมได้ ซึ่งนอกจากจะทำให้เจ็บปวดแล้ว ยังอาจทิ้งรอยสิว รอยแผลเป็นไว้ได้อีกด้วย ควรปล่อยให้สิวที่หูหายเอง หรือใช้แผ่นแปะสิว เพื่อช่วยให้สิวอักเสบ สิวหนองแห้งไวขึ้น
คนเป็นสิวที่หู สิวติ่งหู สิวในรูหู ควรพิจารณาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทารักษาสิวที่มีส่วนผสม เช่น เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide), เตรทติโนอิน (Tretinoin) หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำหอม หรือสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ทั้งนี้ ต้องระวังไม่ให้ยาไหลเข้าไปในหูชั้นใน
หากคุณเป็นสิวที่หู เป็นตุ่มที่หู วิธีบรรเทาอาการเบื้องต้นอาจทำได้โดยใช้ผ้าขนหนูสะอาดชุบน้ำอุ่นประคบเบา ๆ บริเวณที่มีอาการประมาณ 10-15 นาที จะช่วยลดอาการปวดและช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ข้อควรระวัง คือไม่ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวหนังเกิดความเสียหายได้
หากเป็นสิวที่หู แล้วปวดมาก มีการดูแลเบื้องต้นแล้วแต่สิวที่หูไม่ดีขึ้น หรือสิวที่หูมีลักษณะเป็นสิวหัวช้าง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง จะช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การกดสิว, การฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ หรือการใช้ยาปฏิชีวนะ จะช่วยให้สิวที่หูหายเร็วขึ้น ป้องกันการลุกลามและภาวะแทรกซ้อนไม่พึงประสงค์ ซึ่งสามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้อย่างสะดวกผ่านแอปพลิเคชัน SkinX
การป้องกันการเกิดสิวที่หู ลดโอกาสเป็นสิวที่หูซ้ำซาก สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
หากตุ่มที่หูหรือสิวที่หูมีอาการเจ็บปวดมาก ควรหลีกเลี่ยงการบีบ การสัมผัส และใช้การประคบอุ่นเพื่อบรรเทาอาการปวด หากดูแลเบื้องต้นแล้วสิวที่หูไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
สิวที่หู หากไม่รุนแรงส่วนใหญ่สามารถหายได้เอง ซึ่งอาจใช้เวลาตั้งแต่หลักวันถึงหลายสัปดาห์ตามประเภทและความรุนแรงของสิวที่หู
สิวที่หูบอกโรคไม่ได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม หากหูบวมแดง ปวดรุนแรง หรือหูมีตุ่มข้างในไม่ยอมหาย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด เนื่องจากอาจจะเป็นสิวที่อักเสบรุนแรง หรืออาจจะเป็นโรคผิวหนังชนิดอื่น ที่ดูคล้ายสิวได้
สิวที่หู อาจเกิดจากการอุดตันของไขมัน การสะสมสิ่งสกปรก หรือการติดเชื้อ แม้สิวที่หูส่วนใหญ่จะหายได้เอง แต่หากปล่อยไว้บางครั้งอาจปวดมากและหายช้า การปรึกษาแพทย์ผิวหนังจะช่วยให้คุณได้รับการ รักษาสิวที่ตรงจุด
สำหรับคนที่ไม่มีเวลา ไม่สะดวกเดินทางไปพบแพทย์ SkinX คือแอปพลิเคชันที่ให้คุณปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นสิวที่หู หรือปัญหาผิวอื่น ๆ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ที่รองรับทั้ง iOS และ Android เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างสะดวก รู้ค่าบริการก่อนเข้าปรึกษา และรับสรุปผลการรักษาทันที นอกจากนี้ แพทย์ยังสามารถสั่งยาพร้อมส่งตรงถึงบ้าน พร้อมมีเภสัชกรที่คอยให้คำปรึกษาเพิ่มเติม
แอปพลิเคชัน ปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการ
ครบ จบ เคลียร์ใน 15 นาที!
อ้างอิง
Connor, E. (2023, April 25). Pimple in Ear: How It Happens and How to Treat It. Healthline. https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/pimple-in-ear
Johnson, J. (2024, June 17). What to do about a pimple in your ear. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/pimple-in-the-ear
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูทั้งหมด