ปัญหา
สิว ถือเป็นสาเหตุที่ทำลายความมั่นใจและสร้างความรำคาญให้ใครหลาย ๆ คน แต่สิวที่สร้างความรำคาญมากเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้นสิวหัวหนอง นอกจากจะรู้สึกเจ็บเวลาเผลอไปสัมผัส และสิวหัวหนองยังไม่สามารถใช้เครื่องสำอางเพื่อกลบรอยสิวได้ หากบีบสิวหัวหนองไม่ถูกวิธี ก็จะทิ้งรอยเอาไว้ ทำให้นอกจากจะต้องรักษาสิวแล้ว ยังต้องรักษารอยสิวอีกด้วย
ในบทความนี้จะพาคุณมารู้จักกับสิวหัวหนอง ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายคนกำลังเจอและสร้างความรำคาญใจให้กับหลายๆคน ว่าแท้จริงนั้นสิวหัวหนองเกิดจากอะไร? บริเวณที่มักเกิดสิวหัวหนอง พร้อมทั้งวิธีป้องกัน รักษาสิวหัวหนองให้หาย โดยไม่ให้ทิ้งรอยดำเอาไว้
Key Takeaway
- สิวหัวหนอง คือ สิวที่มีการอักเสบที่ชั้นผิว พร้อมกับหนองที่ขังอยู่ใต้ผิว อาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับระดับการอักเสบติดเชื้อ
- สิวหัวหนองสามารถก่อให้เกิดรอยดำและรอยแผลเป็นหลังรักษาได้ ดังนั้นควรรักษาสิวหัวหนองอย่างถูกวิธี และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน
- สิวหัวหนองสามารถเกิดขึ้นได้หลายบริเวณ โดยเฉพาะจุดที่มีต่อมไขมันและมีโอกาสสะสมสิ่งสกปรกไว้มาก
- การรักษาสิวหัวหนองสามารถทำได้โดยการใช้ยาทาสิว, ยาชนิดรับประทาน, ใช้แผ่นดูดสิว หรืออาจรักษาด้วยการใช้แสงและเลเซอร์
สารบัญบทความ
สิวหัวหนอง สิวอักเสบหัวหนอง คืออะไร?
สิวหัวหนอง (Pustules) คือ หนึ่งในประเภทของ
สิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดง ๆ บริเวณฐาน และมีจุดสีขาวเหลืองอยู่บริเวณหัวหรือด้านบนของสิว ซึ่งจุดสีขาวเหลืองคือ หนองที่เกิดภายใต้ผิวหนัง เมื่อสัมผัสกับสิวอักเสบหัวหนองจะรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย ซึ่งมีทั้งขนาดสิวหัวหนองเม็ดเล็ก ๆ และสิวหัวหนองเม็ดใหญ่ บางคนอาจจะมีสิวหัวหนองขึ้นเต็มหน้าหรือมีเพียงไม่กี่เม็ด โดยปกติแล้วสิวหัวหนองไม่เป็นอันตราย แต่อาจจะมีอาการอักเสบ, บวมแดง, เจ็บ และคันร่วมด้วย
การรักษาสิวหัวหนองไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเป็นสิวอักเสบที่ระดับตื้น ๆ บริเวณชั้นผิวหนัง แต่ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพราะอาจจะมีการอักเสบเพิ่มขึ้น เกิดการลุกลาม และทำให้การรักษายากขึ้นไปอีก
หาคำตอบ สิวหัวหนอง เกิดจากอะไร?

สาเหตุของการเกิดสิวหัวหนอง หรือ Pustule สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 สาเหตุหลัก ๆ ด้วยกันโดยสาเหตุแรกคือ สิวหัวหนองเกิดจากอุดตันของรูขุมขนที่เต็มไปด้วยน้ำมัน เชื้อแบคทีเรีย และเซลล์ผิวที่ตาย และสาเหตุที่สองของการเกิดสิวหัวหนอง เกิดจาก
สิวอุดตันที่ถูกรบกวนจากการบีบ แกะ แคะ ทำให้เชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกเข้าไปในชั้นผิวหนัง และเกิดการติดเชื้อ อักเสบ จนกลายเป็นสิวหัวหนองในที่สุด
ทำความรู้จักสภาพผิวแพ้ง่าย มีส่วนทำให้เกิดสิวได้อย่างไร อ่านต่อได้ที่ :
รู้จักผิวแพ้ง่ายและผิวบอบบาง ดูแลผิวอย่างไรถึงเห็นผล
หนองคืออะไร ?
หนอง (Pus) เป็นของเหลวสีขาวเหลืองที่สามารถพบได้ตามสิวหรือแผลติดเชื้อ หนองเป็นผลมาจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกาย นอกจากนี้ หนองยังประกอบไปด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้ว เนื้อเยื่อที่ตาย และแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ
ที่สำคัญผู้ที่เป็นสิวหัวหนองไม่ควรบีบหรือกดสิวด้วยตัวเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดการอักเสบ และลุกลามเพิ่มขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งหากมีสิวหัวหนองสุกที่เกิดการอักเสบรุนแรง หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสม
บริเวณที่มักเกิด สิวหัวหนอง มักพบที่ใดบ้าง?
สิวหัวหนองสามารถเกิดได้ทุกที่ตามร่างกาย บริเวณที่มักเกิดส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินความจำเป็นจะทำให้เกิดการอุดตันภายในรูขุมขน ผสมกับสิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียจนทำให้เกิดเป็นสิวหัวหนองในที่สุด
สิวหัวหนองที่ใบหน้า
สิวหัวหนองบริเวณบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก, จมูก, รอบปาก, คาง และแก้ม สาเหตุที่ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดสิวหัวหนอง เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีต่อมผลิตไขมัน (Sebum) อยู่เป็นจำนวนมาก และยังเป็นบริเวณที่สัมผัสกับสิ่งสกปรกได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นมือที่สัมผัสใบหน้าโดยไม่ตั้งใจ หรือการสวมใส่มาสก์ ซึ่งอาจทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองจนเกิดสิว (Acne Mechanica) ได้
เมื่อต่อมไขมันบริเวณใบหน้า ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปทำให้เกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขน เมื่อเกิดการอุดตันและเจอกับสิ่งสกปรกที่สะสมบริเวณชั้นผิวหนังจะทำให้เกิดสิวอักเสบหรือสิวหัวหนองได้ในที่สุด
สิวหัวหนองที่หน้าอก
สิวที่หน้าอก เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน เมื่อต่อมไขมัน (Sebum) ผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากเกินความจำเป็น เมื่อน้ำมันส่วนเกินผสมเข้ากับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว อาจทำให้เกิดการติดเชื้อของแบคทีเรีย
Cutibacterium acne (ชื่อเก่าคือ
Propionibacterium acne) ที่เป็นสาเหตุของทำให้เกิดสิวบริเวณหน้าอก
สิวหัวหนองที่หลัง
สาเหตุการเกิด
สิวที่หลัง นอกจากการอุดตันรูขุมขน ความมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน เช่น ฝุ่นละออง เชื้อโรค และเหงื่อไคล ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวบริเวณหลังได้
หลังเป็นบริเวณที่
ผิวมันเพราะมีต่อมไขมันเป็นจำนวนมาก ทำให้เชื้อ
C. acne เติบโตได้ดี และเกิดเป็นสิวอักเสบได้ง่าย นอกจากนี้ สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ให้เกิดสิวที่หลังได้เช่นกัน
สิวหัวหนองตามไรผม
โดยส่วนใหญ่แล้วสิวที่ขึ้นตามไรผม อาจจะเกิดจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Comedogenic) ทำให้เกิดการอุดตันและการอักเสบของผิวหนังจนกลายเป็นสาเหตุของการเกิดสิวตามไรผม นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน เครื่องประดับบางอย่าง เช่น หมวก และที่คาดผม ทำให้เกิดการเสียดสี รวมถึงแรงกดทับระหว่างผิวหนังจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็สามารถทำให้เกิดสิวบริเวณไรผมได้เช่นกัน มักพบบ่อยในนักกีฬา
แนะนำให้ทำความสะอาดหมวก ที่คาดผม และอุปกรณ์กีฬาอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกตกค้าง จนเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหัวหนองตามไรผม
สิวหัวหนองรักษายังไง ให้หายขาด!
วิธีรักษาสิวหัวหนองมีกี่วิธี? ส่วนใหญ่การรักษามักจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการอักเสบสิว และปริมาณของสิวหัวหนอง ซึ่งวิธีการรักษาสิวหัวหนองมีดังนี้
รักษาสิวหัวหนอง ด้วยยาทาภายนอก
สิวอักเสบหัวหนองใช้อะไรดี? ยาทาภายนอกสำหรับรักษาสิวหัวหนอง ส่วนใหญ่มักมีสารที่ช่วยลดอาการอักเสบที่เป็นต้นเหตุหลักของการเกิดสิวหัวหนองได้ และสารบางตัวที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นต้นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ ยาทาภายนอกสำหรับรักษาสิวหัวหนองมีดังนี้
เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ มีคุณสมบัติในการเพิ่มอัตราการผลัดเซลล์ผิว และทำลายเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอักเสบ โดยปกติแล้วอัตราความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์จะอยู่ที่ 2.5% จนถึง 10% ซึ่งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความรุนแรง และอาการอักเสบของสิวที่ขึ้นอยู่ในขณะนั้น
Benzoyl Peroxide หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เกิดการระคายเคือง รอยแดง และอาการหน้าแห้งลอกเป็นขุย และสำหรับคนที่ใช้ยาในกลุ่มยา Retinoic Acid หรือ ครีมที่มีส่วนผสมของ Retinol อยู่ก่อนแล้ว แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้พร้อมกัน เช่น หากคุณใช้ยาเรตินอลตอนกลางคืน ให้ใช้ Benzoyl Peroxide ในตอนกลางวันแทน
ผลิตภัณฑ์ยาทาภายนอกมักมาในรูปแบบเจลและครีม สามารถใช้รักษาได้ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ มีคุณสมบัติยับยั้งการอักเสบ และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนเพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยปกติ Tretinoin ทุกตัวทำให้เกิดการระคายเคืองและผิวบางลง ยา Retinoids ประสิทธิภาพจะลดลงเมื่อถูกแสงแดด แนะนำให้ใช้ยา Tretinoin ในช่วงก่อนนอน
ซัลเฟอร์ หรือ กำมะถัน มักจะถูกผสมไปกับสารตัวอื่น ๆ ที่ใช้รักษาสิว ซัลเฟอร์มีคุณสมบัติในการดูดซับความมันและสิ่งสกปรก สามารถยับยั้งการก่อตัวของกรดไขมันอิสระ จึงนิยมนำมาใช้รักษาสิวอักเสบ เพราะช่วยดูดซับไขมันและสิ่งสกปรกที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนได้
คำแนะนำ ไม่ควรใช้ในขณะที่ผิวหนังมีอาการไหม้จากแสงแดด หรือผิวแห้งลอก ซัลเฟอร์มีผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรง หากใช้ยาแล้วมีอาการระคายเคืองรุนแรง ควรไปพบแพทย์โดยด่วน
Topical Antibiotics เป็นยาปฏิชีวนะชนิดทาที่แพทย์ส่วนใหญ่มักใช้ในการรักษาสิวและนิยมใช้ร่วมกับ Benzoyl Peroxide เพื่อลดอาการดื้อยาลง เนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะตัวเดียวสามารถทำให้เกิดอาการดื้อยาได้เมื่อใช้ยาไปสักระยะหนึ่ง ในการรักษาสิวจึงนิยมใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาชนิดอื่น
ใช้ยาชนิดรับประทาน
โดยส่วนใหญ่ หากรักษาสิวโดยแพทย์ผิวหนังมักจะมีการจ่ายยาชนิดรับประทานให้ทานร่วมกับการใช้ยาทาภายนอก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น โดยยาที่ใช้รับประทานรักษาสิวหัวหนองจะเป็น อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ต้นเหตุที่ก่อให้เกิดสิว
แผ่นดูดสิว
แผ่นดูดสิวกลายเป็นตัวช่วยในการรักษาสิวที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน นอกจากจะใช้งานง่ายสะดวก แล้วยังช่วยกลบสิวช่วยให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้นด้วย
ประโยชน์ของแผ่นดูดสิว นอกจากจะช่วยดูดซับของเหลวหรือหนอง ออกมาจากสิวทำให้สิวแห้งได้ง่ายขึ้น ยังช่วยลดอาการอักเสบ ลดการระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้น และป้องกันไม่ให้มือไปสัมผัสกับผิวโดยตรง ช่วยลดการติดเชื้อจากสิ่งสกปรกได้ดี แผ่นดูดสิวสามารถใช้รักษาได้เพียงผิวหนังบริเวณชั้นบนเท่านั้น ซึ่งเหมาะกับการใช้รักษาสิวหัวหนอง ที่เป็นอาการอักเสบตื้น ๆ บนชั้นผิวหนัง
สามารถเลือกใช้แผ่นดูดสิวได้ตามความรุนแรงของอาการ โดยมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ แผ่นดูดสิวชนิดมียารักษาในตัว (Medicated), แผ่นดูดสิวชนิดไม่มียารักษาในตัว (Non-Medicated) และแผ่นดูดสิวชนิดหัวเข็มละลายหัวสิว (Microneedle)
การรักษาสิวหัวหนองด้วยแสงและเลเซอร์ (Phototherapy and Lasers)
การรักษาสิวด้วยแสงและเลเซอร์เป็นวิธีการรักษาแบบใหม่ที่มีการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ และกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ใช้เวลารักษาน้อย และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยา การรักษาด้วยเลเซอร์สามารถฆ่าเชื้อ
C. acne และลดการอักเสบของสิวได้ นอกจากนี้ เลเซอร์ยังสามารถรักษารอยหลุมสิว รอยแดง รอยดำที่เกิดจากสิวได้ เลเซอร์ที่ใช้รักษาสิวในปัจจุบัน มีดังนี้
- Pulsed dye laser 595 nm (vBeam)
- Copper – Bromide laser 578 nm (Dual Yellow)
- Diode laser 1450 nm
- Long-pulse Nd:YAG laser 1064 nm
- Er:Glass laser 1550 nm
ทั้งนี้ แสงและเลเซอร์แต่ละประเภท มีคุณสมบัติออกฤทธิ์ในการรักษาที่แตกต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อเลือกประเภทของเลเซอร์ในการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เพราะสิวหัวหนองมีลักษณะหัวสีขาวด้านบน ทำให้หลายคน เมื่อเห็นแล้วรู้สึกอยากบีบ, จับ, แคะ หรือแกะ แต่สิวหัวหนองไม่ควรบีบหรือกดสิวด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบ และอาจทำให้เกิดการลุกลามไปมากกว่าเดิม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อหาวิธีรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สำหรับคนที่ไม่สะดวกในการเดินทางออกไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาสิว สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังผ่านแอป SkinX ที่รวบรวมแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังกว่า 210 คน สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง IOS และ Android เพียงแค่นี้ ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็สามารถปรึกษาได้ เพียงคลิกเดียว ที่สำคัญปรึกษาก่อน จ่ายทีหลัง สามารถรู้ค่าใช้จ่ายได้ก่อนเริ่มหาหมอ
อ่านต่อได้ในบทความ :
วิธีการรักษาสิว ดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวหนอง
รักษาความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี
ขั้นตอนแรกของการทำความสะอาดคือ การใช้คลีนเซอร์สำหรับเช็ดเครื่องสำอาง ควรใช้สำลีเช็ดเครื่องสำอางให้หมดจนไม่เหลือคราบ ใช้โฟมล้างหน้าหรือผลิตภัณฑ์รักษาความสะอาดสำหรับคนที่เป็นสิวโดยเฉพาะ ควรทำความสะอาดผิวหน้าทุกวัน แม้จะไม่ได้แต่งหน้า เพราะบนใบหน้ายังมีคราบไขมันและฝุ่นละอองที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอยู่ด้วย
ใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมัน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุบนฉลากว่า ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งจนเกิดไปจน
หน้าลอกเป็นขุย เพื่อให้ผิวยังคงสมดุลและแข็งแรง
หลีกเลี่ยงการบีบ กดสิวหัวหนองด้วยตัวเอง
ไม่ควรบีบและกดสิวหัวหนองด้วยตัวเองเพราะจะทำให้สิวอักเสบและลุกลามมากกว่าเดิม ที่สำคัญเมื่อหายแล้วยังมีโอกาสที่จะทิ้งรอยสิวได้ เพราะฉะนั้นไม่แนะนำให้กดและบีบสิวด้วยตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
คำถามที่พบบ่อยในสิวหัวหนอง
สิวหัวหนอง หายเองได้ไหม?
สิวหัวหนอง ไม่สามารถหายได้เองโดยธรรมชาติ การปล่อยให้สิวหัวหนองหายไปเอง อาจจะมีเชื้อหลงเหลืออยู่ และมีโอกาสทำให้เกิดสิวอักเสบซ้ำ สำหรับสิวหัวหนองแนะนำปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อรักษาอย่างถูกวิธี เพราะการปล่อยทิ้งไว้มีโอกาสเกิดซ้ำ และเกิดการอักเสบรุนแรงมากกว่าเดิม
สิวหัวหนองควรบีบไหม?
คำถามที่พบบ่อยอย่างสิวหัวหนองบีบได้ไหม จริง ๆ แล้ว สิวหัวหนอง “ไม่ควรบีบ” ด้วยตัวเอง การบีบสิวหัวหนองด้วยตัวเองถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบรุนแรงมากกว่าเดิม และอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียลุกลามไปยังจุดอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง ทำให้เกิดสิวหัวหนองขึ้นเพิ่มด้วย แนะนำให้รักษาตามวิธีที่แนะนำไปข้างต้น เพื่อการรักษาสิวหัวหนองอย่างถูกต้อง และลดโอกาสของการเกิดรอยสิวจากการบีบ แกะ แคะ อีกด้วย
สิวหัวหนอง เป็นแล้วรีบรักษา มีโอกาสหายไม่ทิ้งรอยได้สูง
สาเหตุการเกิดสิวหัวหนอง คือ การอุดตันของรูขุมขนที่เต็มไปด้วยน้ำมัน เชื้อแบคทีเรีย เซลล์ผิวที่ตาย และ สิวหัวหนองที่เกิดจากสิวอุดตันที่ถูกรบกวนจากการบีบ แกะ แคะ ทำให้เชื้อแบคทีเรีย สิ่งสกปรกเข้าไปในชั้นผิวหนัง จนเกิดการอักเสบติดเชื้อ กลายเป็นสิวหัวหนองในที่สุด ทั้งนี้สิวหัวหนองไม่ควรบีบด้วยตนเอง เพราะอาจจะทำให้หนองแตก และแพร่กระจายทำให้เกิดสิวอักเสบบริเวณใกล้เคียงได้ วิธีรักษาสิวหัวหนองที่ดีที่สุดคือการไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และเลือกวิธีรักษาที่ดีที่สุด
สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปพบแพทย์ด้วยตนเอง สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX เพื่อปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางผ่านช่องทางออนไลน์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลถึงคลินิกหรือโรงพยาบาล ไม่ว่าตัวคุณอยู่ไหนก็สามารถปรึกษาได้ทันที เพราะผิวดี ไม่จำเป็นต้องรอ! บทความนี้ได้รับการตรวจความถูกต้องของเนื้อหาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังแล้ว
แหล่งข้อมูลอ้างอิงจาก
Goh, C., Cheng, C., Agak, G., Zaenglein, A.L., Graber, E.M., Thiboutot, D.M., & Kim, J. (n.d.). Acneiform Disorders. Fitzpatrick’s Dermatology 9 TH Edition (1391-1404). McGraw-Hill Education.
Fletcher, J. (2019, May 31).
What to know about pustules. Medical News Today.
https://www.medicalnewstoday.com/articles/325342
Smith, M. (2020, Aug 24).
Pustules. WebMD.
https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/guide/pustules-facts
Kahn, A. (2019, July 31).
What Causes Pustules?. Healthline.
https://www.healthline.com/health/pustules#_noHeaderPrefixedContent
Luke, M. (n.d.)
Retin-A (tretinoin). Ortho Dermatological.
https://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2002/16921s21s22s25lbl.pdf