SkinX

GET-On the App Store

SkinX Team

5 สิงหาคม 2567

ไขมันทรานส์ตัวร้าย อันตรายต่อชีวิต

ไขมันทรานส์ คืออะไร

ไขมันทรานส์ คือ ไขมันอิ่มตัวที่ถูกเปลี่ยนแปลงสถานะ เพื่อให้รสชาติของอาหารมีความเสถียร ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน และใช้ในการยืดอายุอาหารให้สามารถเก็บรักษาได้นานมากขึ้น แม้จะเป็นผลดีในด้านอุตสาหกรรมอาหาร แต่ทางด้านสุขภาพ ไขมันทรานส์ คือ ไขมันที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และโรคทางหลอดเลือดได้ 

 

ไขมันทรานส์ คืออะไร ในบทความนี้ SkinX จะมาทำความรู้จัก “ไขมันทรานส์” ให้มากขึ้น และเราสามารถพบเจอไขมันทรานส์ได้จากอาหารประเภทอะไรบ้าง รวมทั้งวิธีหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ พร้อมทั้งสาระน่ารู้อื่น  ๆ เกี่ยวกับไขมันทรานส์ในบทความนี้ได้เลย

 

SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ ทำให้การหาหมอผิวหนังเฉพาะทางเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปรอพบแพทย์ที่คลิกนิก หรือโรงพยาบาลแบบเดิมอีกต่อไป คุณสามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังออนไลน์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ เพียงโหลดแอปพลิเคชัน SkinX พร้อมรับดีลสุดคุ้มมากมายเฉพาะในแอป SkinX เท่านั้น

สารบัญบทความ

ไขมันทรานส์ หรือทรานส์แฟตคืออะไร

ไขมันทรานส์ (Trans Fat) คือ กรดไขมันอิ่มตัว ที่เกิดจากการแปรรูปกรดไขมันไม่อิ่มตัวด้วยกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partial Hydrogenation) นอกจากนี้ยังสามารถพบไขมันทรานส์จากธรรมชาติได้เช่นกัน

น้ำมันที่ผ่านกระบวนการจนมาอยู่ในรูปไขมันทรานส์ที่มีสถานะเป็นของแข็ง หรือของกึ่งเหลวนั้นจะสามารถคงรูปได้นาน ไม่เหม็นหืน ทำให้ในอุตสาหกรรมนิยมเลือกไขมันทรานส์มาเป็นส่วนประกอบในอาหาร

 

แต่อย่างไรก็ตามไขมันทรานส์ หรือทรานส์แฟตก็มีผลข้างเคียง เนื่องจากไขมันทรานส์จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) มีจำนวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-Cholesterol) ในร่างกาย ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้

“เมื่อปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีประกาศ และผลบังคับใช้ ห้ามผลิต-นำเข้า-จำหน่ายไขมันทรานส์ หรือน้ำมันที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนบางส่วนในประเทศไทย จึงสบายใจได้ว่า อาหารที่เรารับประทานผ่านกระบวนการรองรับการปราศจากไขมันทรานส์”

อาหารที่มีไขมันทรานส์

ไขมันทรานส์ มีอะไรบ้าง

ในชีวิตประจำวันของเราสามารถเจอไขมันทรานส์ได้บ่อย เนื่องจากไขมันทรานส์พบได้ในอาหารหลากหลายชนิด ที่มีส่วนผสมของมาการีน เนยขาว และครีมเทียม พบได้บ่อยในอาหารประเภททอด และเบเกอรี เช่น มันฝรั่งทอด, ไก่ทอด, เค้ก, คุกกี้ และโดนัท ซึ่งเราสามารถดูที่ห่อบรรจุภัณฑ์ของสินค้าได้ ว่ามีปริมาณไขมันทรานส์อยู่มากน้อยแค่ไหน 

แต่อย่างไรก็ตามหากในข้อมูลโภชนาการระบุว่า “ไขมันทรานส์ 0 กรัม” ก็ใช่ว่าสินค้านั้นจะไม่มีไขมันทรานส์เลย เพราะตามกฎหมายสามารถระบุว่า “ไม่มีไขมันทรานส์” ได้หากมีไขมันทรานส์น้อยกว่า 0.5 กรัมต่อจำนวนบริโภค

“องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization : FAO) แนะนำให้บริโภคไขมันทรานส์ไม่เกิน 1% ของพลังงานทั้งหมด โดยเฉลี่ยพลังงานที่ควรได้รับอยู่ที่ 2,000 กิโลแคลอรี เท่ากับ บริโภคไขมันทรานส์ได้ไม่เกินวันละ 2 กรัม”

ประเภทของไขมันทรานส์

หลังจากที่ทราบข้างต้นว่า ไขมันทรานส์พบเจอได้ในอาหารหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถแบ่งไขมันทรานส์ได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • ไขมันทรานส์จากธรรมชาติ พบในสัตว์เคี้ยวเอื้อง ได้แก่ วัว แกะ และผลิตภัณฑ์สัตว์ หรือนม แต่ส่วนใหญ่มักจะพบไขมันทรานส์จากธรรมชาติได้ค่อนข้างน้อยมาก

ไขมันทรานส์จากการสังเคราะห์ พบในปริมาณมากจากอุตสาหกรรมอาหาร หรือการแปรรูปอาหาร ได้แก่ อุตสาหกรรมมาการีน เนยขาว และครีมเทียม ที่นิยมนำมาใช้ทำของหวานต่าง ๆ  ซึ่งไขมันหรือน้ำมันดังกล่าวทำให้สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้นโดยที่ผลิตภัณฑ์ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน ไม่เป็นไขง่าย และทนความร้อนได้สูง อีกทั้งไขมันทรานส์ยังมีราคาต่ำกว่าไขมันชนิดอื่นอีกด้วย

อันตรายจากไขมันทรานส์

การรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์จำนวนมาก อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ และเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ดังนี้

  • โรคหัวใจ เมื่อร่างกายได้รับไขมันทรานส์ในปริมาณมาก กรดไขมันทรานส์จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-Cholesterol) มีจำนวนเพิ่มขึ้น และลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-Cholesterol) ในร่างกาย ซึ่งหมายถึง คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีจะเข้าสู่ร่างกาย และเกาะติดกับผนังหลอดเลือดไว้ ส่งผลให้หลอดเลือดแดงแข็งและตีบตัน นำไปสู่โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดได้ในที่สุด
  • โรคไขมันในเลือด เมื่อร่างกายมีไขมันมากเกินไป ไขมันจะไปเกาะตามผนังต้านในของหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และอาจส่งผลทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ ส่งผลให้เป็นโรคไขมันในเส้นเลือดได้
  • โรคความดันโลหิตสูง เกิดภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดสมองตีบหรือแตกได้ 

โรคเบาหวาน การรับประทานไขมันทรานส์เพิ่มความเสี่ยงในโรคเบาหวาน เนื่องจากไขมันทรานส์ไปทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อีกทั้งหากรับประทานในปริมาณมากจนเกินไป น้ำหนักตัวของผู้ที่รับประทานไขมันทรานส์จะมีมากขึ้นอีกด้วย

6 วิธีป้องกันไขมันทรานส์

ลดไขมันทรานส์

ในปัจจุบันเราอาจจะเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์ค่อนข้างยาก เนื่องจากไขมันทรานส์ปะปนอยู่กับอาหารในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว แต่หากเลี่ยงไขมันทรานส์ได้ก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ ด้วยวิธีออกห่างจากไขมันทรานส์ ดังนี้

  1. ใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวันในการทำอาหาร
  2. เลือกรับประทานอาหารด้วยวิธีการอบ, นึ่ง, ย่าง และต้ม แทนอาหารที่ใช้การทอด
  3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีไขมันอิ่มตัวต่ำ และไขมันคอเลสเตอรอลในปริมาณต่ำ เช่น ผัก, ผลไม้, ธัญพืชไม่ขัดสี, ปลา, เนื้อไม่ติดมัน และสัตว์ปีกไม่ติดมัน 
  4. ลดการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของมาการีน เนยขาว และครีมเทียม เช่น โดนัท, คุกกี้, เค้ก, บิสกิต เป็นต้น
  5. ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง รวมถึงอาหารที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการใช้น้ำมันซ้ำ เช่น มันฝรั่งทอด ไก่ทอด ของทอดต่าง ๆ รวมถึงอาหารจานด่วนที่มีไขมัน
  6. ตรวจสอบฉลากอาหาร และข้อมูลทางโภชนาการก่อนซื้อสินค้า เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารปราศจากไขมันทรานส์ หรือน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils: PHOs)

สรุป

ไขมันทรานส์ หรือทรานส์แฟต คือ ไขมันอิ่มตัวที่พบได้ทั้งในธรรมชาติ และผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรม การรับประทานไขมันทรานส์ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ แล้วยังทำให้มีไขมันสะสมในช่องท้อง มีน้ำหนักเกิน ส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งภายนอก และภายในอีกด้วย 

สำหรับใครที่ต้องการคำปรึกษาจากแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง SkinX ให้คุณได้คำตอบที่สงสัย โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือคลินิกแบบเดิม ๆ อีกต่อไป อีกทั้งยังมีดีลสุดคุ้ม ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ได้เลยที่ App Store & Google Play

อ้างอิง

American Heart Association. (2017). Trans Fats.  https://www.heart.org/en/healthy-living/healthy-eating/eat-smart/fats/trans-fat

Chrisman, V. (2022). 6 Ways to Eliminate Trans Fats in Your Family’s Diet. https://health.choc.org/eliminate-trans-fat-family-diet/

WHO. (n.d.). HEALTHY ALTERNATIVES TO TRANS-FATS. [Pamphlet]. https://www.afro.who.int/sites/default/files/2023-05/HEALTHY%20ALTERNATIVES%20TO%20TRANS-FATS.pdf

กระทรวงสาธารณสุข. (2018). คู่มือแนวทางการปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ. 2561 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย. https://food.fda.moph.go.th/media.php?id=512217294336827392&name=manual_388.pdf

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ใช้งานครั้งแรกปรึกษาฟรี
Tips & Tricks
สาระน่ารู้และข่าวประชาสัมพันธ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า