HIFU ทำได้บ่อยแค่ไหนถึงจะเห็นผลลัพธ์ พร้อมแนะนำข้อปฏิบัติสำหรับคนอยากทำไฮฟู

HIFU ทำได้บ่อยแค่ไหน ร่วมไขข้อสงสัยที่ยังคงคาใจใครหลาย ๆ คน สำหรับใครที่ต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับข้อดีของ HIFU, HIFU ทำบ่อยแค่ไหน และต้องทำกี่ช็อต กี่ไลน์ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี รวมไปถึงข้อปฏิบัติทั้งก่อน และหลังทำ HIFU ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์หลังทำให้ดียิ่งขึ้น เพื่อไขข้อสงสัยเหล่านี้ SkinX ได้รวบรวมข้อมูล และรายละเอียดที่ควรทราบทั้งหมดมาไว้ให้ในบทความนี้เรียบร้อยแล้ว

ก่อนเข้าสู่เนื้อหาหลัก ทำความรู้จักกับ HIFU กันเล็กน้อย HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) คือ หัตถการที่ช่วยยกกระชับผิวให้เรียบเนียน เต่งตึง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมแก้ปัญหาผิวที่เริ่มมีปัญหาหย่อนคล้อย ไม่ว่าจะเป็นทั่วทั้งใบหน้า ลำคอ เหนียง ต้นแขน และต้นขา HIFU ทำงานผ่านคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงที่ยิงเข้าสู่ผิวเพื่อทำลายเนื้อเยื่อในระดับ SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวเกิดการซ่อมแซมและการหดตัวเพื่อสร้างความกระชับ พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามมา

สำหรับผู้ที่กังวลปัญหาเกี่ยวกับใบหน้า หรือปัญหาผิว SkinX แอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ แพลตฟอร์มที่บริการให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง จากคลินิกชั้นนำมากกว่า 210 คน ครอบคลุมทุกหัตถการเสริมความงาม ตั้งแต่หัตถการด้านผิวหนัง เส้นผม รวมไปถึงหนังศีรษะ สำหรับลูกค้ารายใหม่ ปรึกษาแพทย์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พบแพทย์ได้ง่าย ๆ ไม่ต้องรอคิวนาน พร้อมรู้ผลทันที

HIFU ทำได้บ่อยแค่ไหน

HIFU ทำได้บ่อยแค่ไหนนั้น เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าข้อดีของ HIFU นั้นคือการเป็นหัตถการที่สามารถทำซ้ำได้เรื่อย ๆ แต่คำแนะนำสำหรับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดทั้งในด้านของประสิทธิภาพ และการคงตัวของผิวหลังทำ คือควรทำหัตถการอย่างน้อย 2 ครั้งในช่วงปีแรกเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ตามการทำ HIFU ควรเว้นระยะเวลาอย่างต่ำ 3 เดือน หลังจากครั้งแรกที่ทำ เพื่อให้ผิวปรับสภาพ และให้เซลล์ Fibroblast ได้สร้าง Collagen ให้กับผิวอย่างเต็มที่เสียก่อน จากนั้นหากต้องการคงผลลัพธ์เรื่อย ๆ สามารถทำ HIFU ซ้ำได้ทุก 6 เดือน จะช่วยให้ผลลัพธ์หลังทำ HIFU อยู่ยาวนานยิ่งขึ้น พร้อมช่วยเพิ่มความกระชับ ป้องกันความหย่อนคล้อยในอนาคตได้

HIFU กี่ครั้งเห็นผล และต้องเว้นระยะเวลาเท่าไหร่

สำหรับคำถามที่รองลงมาจาก HIFU ทำได้บ่อยแค่ไหนนั้นก็คือ หลังการทำ HIFU กี่ครั้งเห็นผล โดยการทำ HIFU 1 ครั้งนั้น จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวทันทีประมาณ 20% และจะเริ่มรู้สึกได้ถึงความกระชับของผิวที่มีมากขึ้นในช่วง 1-2 เดือนหลังทำ จากนั้น 2-3 เดือนให้หลัง จะเป็นช่วงเวลาที่เห็นผลลัพธ์ได้ดีมากที่สุด อย่างไรก็ตาม HIFU จะคงผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานถึง 5-6 เดือน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การทำ HIFU ควรเว้นระยะเวลาห่างกันประมาณ 3 เดือน หลังจากทำหัตถการ และถ้าหากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ ก็สามารถกลับมาทำซ้ำได้ ทั้งนี้ HIFU ทำได้บ่อยแค่ไหน และทำซ้ำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลขึ้นอยู่กับจำนวนช็อต/จำนวนไลน์, ความเชี่ยวชาญของแพทย์, ความทันสมัยของเครื่อง HIFU, สภาพผิว ความหย่อนคล้อยของผิว อายุและจุดที่เลือกทำ HIFU ของแต่ละคน ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำหัตถการเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับสภาพผิวของเรามากที่สุด

นอกจากข้อดีของ HIFU ในด้านผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีหลังทำแล้ว HIFU ยังเป็นหัตถการที่ใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีโดยมีเพียงแค่ข้อควรระวัง และวิธีการดูแลแค่ไม่กี่ข้อที่ควรใส่ใจ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเหมือนกับหัตถการอื่น ๆ

HIFU กี่ช็อต กี่ไลน์จึงจะเห็นผล?

หลังจากที่คลายสงสัยกันไปเรียบร้อยแล้วในประเด็นที่ว่า HIFU ทำได้บ่อยแค่ไหน คำถามต่อมาก็คือ แล้วเราต้องทำ HIFU กี่ช็อต กี่ไลน์จึงจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลง? โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ในการทำ HIFU มีตั้งแต่ ตำแหน่งที่เลือกทำ HIFU, ปริมาณไขมันใต้ผิว, ความหย่อนคล้อยของผิว และภาพรวมของสภาพผิวดั้งเดิมทั้งหมด

การประเมินจำนวนช็อต/ไลน์คร่าว ๆ นั้น จึงควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินปัญหา และความเหมาะสมบนใบหน้าก่อน เพื่อให้ได้มาซึ่งคำแนะนำที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคลมากที่สุด อย่างไรก็ตามสำหรับการประเมินเบื้องต้นในแต่ละบริเวณ มีดังนี้

ทั่วใบหน้า และลำคอ ประมาณ 300 ไลน์
ทั่วใบหน้า และต้นแขน ประมาณ 600 ไลน์
ใต้ตารวมร่องแก้ม ประมาณ 300 ไลน์
เหนียง ประมาณ 100 ไลน์
แก้มรวมเหนียง ประมาณ 300 ไลน์
เฉพาะต้นขา ประมาณ 1,000 ไลน์

NOTE: คำว่า SHOT (ช็อต) และ LINE (ไลน์) ความหมายนั้นจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่อง ดังนี้

Line Cartridge: จะมีการยิงในลักษณะที่เรียงตัวกันเป็นเส้นเรียกว่า LINE
Single Shot: จะมีการยิงในลักษณะที่เรียงตัวกันเป็นจุดเรียกว่า SHOT

สำหรับข้อควรระวังในการทำ HIFU นั้น คือการที่สถานเสริมความงามบางที่จะนับจำนวนไลน์เป็นจำนวนช็อต เช่น การยิงด้วยเครื่องแบบ Line Cartridge ที่ 1 ไลน์ นับเป็น 15 ช็อต โดยหากนับ 1 ช็อต = 1 ไลน์ จะทำให้คนไข้ได้รับจำนวนการช็อต/ไลน์ HIFU ที่น้อยลง เพราะฉะนั้นจึงควรทำความเข้าใจกับสถานเสริมความงาม หรือแพทย์สำหรับรายละเอียดการทำ HIFU ให้ละเอียดว่า การทำหัตถการในครั้งนี้จะใช้กี่ช็อต หรือกี่ไลน์

ข้อปฏิบัติหลังทำ HIFU ที่ควรรู้ทั้งก่อนทำ และหลังทำ

เมื่อทราบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า HIFU ทำได้บ่อยแค่ไหน กี่ครั้งเห็นผล และกี่ช็อต/ไลน์เห็นผล เรามาดูข้อปฏิบัติหลังทำ HIFU กันบ้าง ว่าหลังทำ HIFU ควรปฏิบัติตัวอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

หลังทำ HIFU ผิวอาจเกิดอาการแดง และรู้สึกตึงผิวหรือบวมเล็กน้อย สำหรับอาการดังกล่าวในเบื้องต้นสามารถดูแลตัวเองได้ดังนี้

หลีกเลี่ยงแสงแดด พร้อมทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงทุกครั้งก่อนออกแดด
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบริเวณที่ทำ HIFU แรง ๆ หลังทำ และเลี่ยงการสครับผิวบริเวณที่ทำหัตถการ
หากรู้สึกปวด หรือตึงหน้า สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
พักผ่อนให้เพียงพอ
ทำความสะอาดผิวหน้า แต่งหน้า และใช้เครื่องสำอางได้ตามปกติ

HIFU นั้นเป็นหัตถการที่มีข้อเสีย และความเสี่ยงน้อย จึงทำให้ข้อปฏิบัติหลังทำ HIFU ไม่ได้ซับซ้อน หรือมากขั้นตอนเท่ากับหัตถการประเภทอื่น ๆ แม้แต่อาการบวมแดงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังทำ HIFU โดยทั่วไปแล้วจะสามารถหายได้ด้วยตัวเองภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ยกเว้นกรณีที่ได้รับการทำหัตถการจากแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ หรือเครื่อง HIFU ที่เสื่อมสภาพ อาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียง และข้อเสียต่าง ๆ ตามมาได้

สำหรับใครที่ต้องการทราบกันอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อปฏิบัติหลังทำ HIFU และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่ควรรู้ก่อน และหลังทำ HIFU ทาง SkinX ได้รวบรวมข้อมูล และเทคนิคเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังทำ HIFU ไว้ให้คุณแล้วในบทความ : รวมข้อปฏิบัติหลังทำ HIFU ที่คุณต้องรู้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปัง!

สรุป

HIFU ทำได้บ่อยแค่ไหนนั้น แม้จะมีจำนวนช็อต/ไลน์ให้ทุกคนได้ทราบแล้วในเบื้องต้น แต่วิธีการหาคำตอบที่ดีที่สุด คือการประเมินสภาพผิวจากแพทย์ผู้เชี่ยวก่อนเข้ารับการทำหัตถการจริง และนอกจากนี้ HIFU ข้อเสียที่อาจพบเจอได้นั้นมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะเป็นหัตถการที่ไม่ทำร้ายผิวชั้นนอก แต่เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น ควรให้ความสำคัญกับสถานเสริมความงามที่มีมาตรฐาน และมีเครื่องทำ HIFU ที่ทันสมัย ไม่เสื่อมสภาพการใช้งาน เพื่อให้จำนวนช็อต/ไลน์ที่ได้รับนั้นคุ้มค่า และปลอดภัยมากที่สุด