สิวและผิวหน้า
1 ธันวาคม 2568

สิว (Acne) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยกับทุกเพศ ทุกวัย เกิดจากภาวะผิดปกติบริเวณรูขุมขนและต่อมไขมันในรูขุมขน ซึ่งสิวมักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น เนื่องจากฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ สิวยังมีหลายประเภท เช่น สิวหัวหนอง, สิวหัวปิด, สิวหัวเปิด, สิวตุ่มแดง, สิวผด และสิวหัวช้าง โดยมีสาเหตุการเกิดและวิธีการรักษาแตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อเป็นสิวจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อใช้วิธีรักษาที่เหมาะสมนั่นเอง
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงกลไกการเกิดสิว และวิธีรักษาสิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อช่วยบรรเทาและป้องกันการเกิดสิวได้ ทำให้หน้ากลับมาเนียนใส เพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง
Key Takeaways
สารบัญบทความ

หน้าเป็นสิวเกิดจากอะไร? สิวเป็นปัญหาผิวที่พบบ่อย เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและก่อตัวเป็นเม็ดสิวขึ้นมาได้ ดังนี้
การรักษาสิวด้วยตัวเองสามารถทำได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะสิวที่ไม่รุนแรง เช่น สิวอุดตัน หรือสิวอักเสบเม็ดเล็ก ๆ
อย่างไรก็ตาม การรักษาสิวด้วยตัวเองก็มีข้อจำกัด หากสิวมีความรุนแรงมากขึ้น เช่น สิวหัวช้าง หรือสิวอักเสบขนาดใหญ่ หรือหากดูแลผิวด้วยตัวเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง เพราะบางครั้งสิวอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการดูแลผิวภายนอก เช่น ฮอร์โมน หรือโรคผิวหนังบางชนิด การรักษาสิวโดยแพทย์จะช่วยป้องกันการเกิดรอยสิว และผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจตามมาได้

สิวเป็นปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะคนที่หน้าเป็นสิวสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีที่หลากหลาย ตั้งแต่การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันไปจนถึงการรักษาโดยหมอผิวหนัง มาดูกันว่า 15 วิธีการรักษาสิวและดูแลผิวหน้าให้กลับมาเรียบเนียน มีอะไรบ้าง
การล้างหน้าคือขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการรักษาหน้า การล้างหน้าช่วยขจัดสิ่งสกปรก, ฝุ่นละออง, เซลล์ผิวที่ตายแล้ว, และน้ำมันส่วนเกินที่อุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว ควรล้างด้วยคลีนซิ่งหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น พร้อมใช้น้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่นเล็กน้อย ไม่ใช้น้ำร้อนจัดเพราะอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง
หน้าเป็นสิวใช้อะไรดี? ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับผิว พร้อมมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหลักอย่าง Benzoyl Peroxide, Salicylic Acid, หรือ Tea Tree Oil ซึ่งช่วยลดการอักเสบและยับยั้งแบคทีเรีย และใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยรักษาสมดุลของผิว ไม่ให้ผิวแห้ง หรือผิวหน้ามันเกินไป
ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง เช่น สบู่ที่มีฟองมากหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเคมีที่รุนแรง อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง เมื่อผิวแห้งเกินไป ร่างกายจะยิ่งผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อชดเชย ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น
การบีบหรือกดสิวด้วยตัวเองอาจทำให้สิวอักเสบมากขึ้นและอาจทำให้แบคทีเรียจากนิ้วมือเข้าไปสู่ชั้นผิวได้ลึกขึ้น ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ สิวเห่อและทิ้งรอยแผลเป็นไว้ในที่สุด นอกจากนี้ การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ ยังอาจทำให้แบคทีเรียและสิ่งสกปรกจากมือไปสู่ผิวหน้าได้ ดังนั้น หากไม่จำเป็น ให้พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของแบคทีเรีย
แสงแดดสามารถกระตุ้นการผลิตน้ำมันและทำให้สิวอักเสบแย่ลง นอกจากนี้ รังสียูวีจากแสงแดดยังทำให้รอยแดงและรอยดำจากสิวเข้มขึ้นอีกด้วย การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวันจะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี และช่วยลดสิว พร้อมทั้งยังให้ผิวฟื้นตัวจากสิวได้ดีขึ้น แนะนำให้เลือกครีมกันแดดชนิดที่บางเบา ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) และเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย
ควรหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น การเล่นโยคะ, นั่งสมาธิ, หรือการออกกำลังกายเบา ๆ ก็ช่วยลดความเครียดได้ เพราะความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดที่เพิ่มการผลิตน้ำมันบนผิว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเครียดและรักษาสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ร่างกายและผิวมีสุขภาพดีขึ้น
เปลี่ยนหน้ากากอนามัยเป็นประจำและทำความสะอาดผิวหน้าเมื่อกลับถึงบ้าน นอกจากนี้ ควรเลือกใช้หน้ากากอนามัยที่ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี เพราะการใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดสิวแพ้มาสก์ที่เรียกว่า "Maskne" (Mask + Acne) เพราะความอับชื้นจากเหงื่อและน้ำมันที่สะสมอยู่ใต้หน้ากากจะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย
ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว (ประมาณ 2 ลิตร) หรือตามน้ำหนักตัว เพราะการดื่มน้ำช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ผิวมีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก หากร่างกายขาดน้ำ ผิวจะแห้งและอาจผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อชดเชย
การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรืออาหารแปรรูปสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกายและทำให้เกิดสิวได้ ควรเน้นการรับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง รวมถึงอาหารที่มีไขมันดีและโปรไบโอติกเพื่อช่วยรักษาสมดุลของผิว
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดปกติ และอาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวันจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงการซ่อมแซมเซลล์ผิวด้วย
วิธีทำให้สิวหายอีกอย่างก็คือสำหรับสิวที่มีความรุนแรง สิวฮอร์โมน หรือสิวอักเสบ การใช้ยาตามแพทย์สั่ง เช่น ยาปฏิชีวนะ (เพื่อลดการติดเชื้อแบคทีเรีย) หรือยาในกลุ่มวิตามินเอ (Retinoids) จะช่วยลดการอักเสบและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ การรับประทานยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
แก้ปัญหาสิวด้วยการทายาเฉพาะที่ เช่น Benzoyl Peroxide ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว, Salicylic Acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน, หรือ Retinoids ช่วยลดการอุดตันและลดการอักเสบของสิว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อเลือกชนิดของยาและวิธีการใช้ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ
การทำเลเซอร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาสิวที่ช่วยลดการอักเสบและรอยแดงจากสิวได้ โดยเลเซอร์บางชนิดจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดขนาดของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อลดรอยแผลเป็นจากสิวด้วย เช่น Photodynamic Therapy (PDT), Fractional Laser, หรือ Pulsed Dye Laser
การกดสิวโดยผู้ชำนาญการจะช่วยนำหัวสิวอุดตันออกได้อย่างปลอดภัย เป็นวิธีกำจัดสิวที่ช่วยลดโอกาสการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นจากการกดสิว รักษาสิวอักเสบด้วยตัวเอง และช่วยลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็น
การฉีดสิวด้วยสารที่ช่วยลดการอักเสบ (เช่น สเตียรอยด์) โดยแพทย์จะช่วยให้สิวอักเสบขนาดใหญ่หรือสิวหัวช้างยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับสิวที่อักเสบมากและต้องการการรักษาสิวแบบเร่งด่วน
หากคุณลองดูแลตัวเองแล้วสิวยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการสิวเรื้อรัง การปรึกษาแพทย์ผิวหนังคือทางออกที่ดีที่สุด เพราะแพทย์จะสามารถวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงของสิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและประเภทสิวของคุณได้ การรักษาแต่ละวิธีอาจแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของสิว ซึ่งแพทย์จะสามารถแนะนำวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้
SkinX แอปพลิเคชัน ปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการ คุณสามารถเข้าถึงการปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้อย่างสะดวกและรวดเร็วด้วย แอปพลิเคชัน SkinX ที่จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง การรักษาสิวให้หายขาดด้วยตัวเองจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะคุณสามารถปรึกษาปัญหาผิวได้ครบ จบ เคลียร์ภายใน 15 นาที

การป้องกันสิวเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การรักษา เพราะการดูแลผิวอย่างถูกวิธีจะช่วยลดสิวใหม่ รอยดําแดงจากสิวและทำให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น มาดูวิธีป้องกันสิวที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ดังนี้
สิวฮอร์โมนมักขึ้นบริเวณคางและกรามในช่วงก่อนมีประจำเดือนหรือเมื่อมีความเครียด
ไม่ควรบีบสิวด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้นและทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิว
เน้นการทำความสะอาดผิวหน้าและจัดการความเครียด หากสิวรุนแรงควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการใช้ยา
การดันสิวจะเกิดขึ้นในช่วง 1-2 เดือนแรกของการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว และจะดีขึ้นในที่สุดหากใช้อย่างต่อเนื่อง
ในบทความนี้ เราได้ครอบคลุมทุกแง่มุมของปัญหาสิว ตั้งแต่สาเหตุหลักอย่างการอุดตันของรูขุมขนและแบคทีเรีย ไปจนถึง 15 วิธีรักษาสิวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การล้างหน้าให้ถูกวิธี การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม หรือการรักษาทางการแพทย์ที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง
หากต้องการเข้าถึงการดูแลอย่างมืออาชีพ SkinX คือคำตอบที่ช่วยให้การรักษาสิวเป็นเรื่องง่ายขึ้น แอปพลิเคชันนี้ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมให้คุณได้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถปรึกษาได้ และยังช่วยให้การวางแผนค่าใช้จ่ายชัดเจนขึ้น ด้วยระบบที่โปร่งใส การได้รับคำแนะนำและแผนการรักษาจากแพทย์จึงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เพราะแพทย์สามารถสั่งยาและส่งตรงถึงบ้านคุณ พร้อมมีบริการเภสัชกรให้คำปรึกษาฟรี ทุกอย่าง ครบ จบ เคลียร์ใน 15 นาที! ผ่านแอปพลิเคชั่น
แอปพลิเคชัน ปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการ
ครบ จบ เคลียร์ใน 15 นาที!
อ้างอิง
Goh, C., Cheng, C., Agak, G., Zaenglein, A.L., Graber, E.M., Thiboutot, D.M., & Kim, J. (n.d.). Acneiform Disorders. Fitzpatrick’s Dermatology 9 TH Edition (1391-1404). McGraw-Hill Education.
DermNet NZ Staff, (n.d.) Acne treatment. DermNet NZ. https://dermnetnz.org/topics/acne-treatment
Mayo Clinic Staff, (2020, Aug 06). Acne-Diagnosis and treatment. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/acne/diagnosis-treatment/drc-20368048
Burke, D & Coelho, S. (2022, Feb 23). Everything You Want To Know About Acne. Healthline. https://www.healthline.com/health/skin/acne
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูทั้งหมด