สิวและผิวหน้า
1 ธันวาคม 2568

หลายคนคงเคยส่องกระจกแล้วเจอเข้ากับตุ่มเล็ก ๆ แข็ง ๆ ใต้ตาหรือบนเปลือกตา พยายามบีบเท่าไหร่ก็ไม่ออก แถมยังไม่เจ็บอีกด้วย ตุ่มเหล่านี้อาจทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ และเข้าใจผิดว่าเป็นสิวธรรมดา แต่จริง ๆ แล้ว มันคือ "สิวหิน" หรือ Syringoma ซึ่งเป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งที่ไม่เป็นอันตราย
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสิวหินให้มากขึ้น ทั้งความแตกต่างระหว่างสิวหินและสิวข้าวสาร รวมถึงวิธีรักษาสิวหิน ง่าย ๆ เพื่อให้ดวงตาของคุณกลับมาเรียบเนียนสดใสอีกครั้ง
Key Takeaways
สารบัญบทความ

สิวหิน คือ เนื้องอกขนาดเล็กที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งต่างจากสิวทั่วไปที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน สิวหินมักจะพบได้บ่อยบริเวณใต้ตาและแก้ม แต่ก็สามารถเกิดขึ้นที่รักแร้หรือลำคอได้เช่นกัน สิวหินไม่ใช่เนื้อร้ายและไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง เพียงแต่อาจสร้างความรำคาญใจในเรื่องความสวยงามเท่านั้น
สิวหิน คือ ตุ่มนูนขนาดเล็กประมาณ 1-3 มิลลิเมตร มีสีเดียวกับผิวหนังหรืออาจเป็นสีเหลืองอ่อน พื้นผิวเรียบ ไม่มีหัวสิว และไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือคัน เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งเล็ก ๆ อยู่ใต้ผิวหนัง หรือเม็ดใต้ตา ซึ่งตุ่มเหล่านี้มักจะขึ้นเป็นกลุ่ม โดยส่วนใหญ่จะพบบริเวณใต้ตา แก้ม และรอบดวงตา นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ที่รักแร้ คอ หรือหน้าอกได้เช่นกัน
จึงสรุปได้ว่า หน้าเป็นเม็ดเล็ก ๆ ไม่ใช่สิว แต่เป็นสิวหินที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน และการขยายตัวของท่อเหงื่อใต้ผิวหนังแทน
แม้ว่าสิวหินและสิวข้าวสารจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ คล้ายกันจนหลายคนสับสน แต่ความจริงแล้วทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของสาเหตุและลักษณะเฉพาะตัว
| ลักษณะ | สิวหิน (Syringoma) | สิวข้าวสาร (Milia) |
| สาเหตุ | เกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง | เกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและไขมันใต้ผิวหนัง |
| ขนาด | ประมาณ 1-3 มิลลิเมตร | ประมาณ 1-2 มิลลิเมตร |
| สี | สีขาวขุ่นหรือสีเหลืองอ่อน | สีขาวคล้ายไข่มุกหรือเม็ดข้าวสาร |
| ลักษณะ | ผิวเรียบ ไม่มีหัวสิว ไม่เจ็บ ไม่คัน และมักขึ้นเป็นกลุ่ม | ตุ่มแข็งและตื้น บางครั้งอาจคัน |
| การหาย | ไม่สามารถหายเองได้ ต้องรักษาโดยแพทย์ | สามารถหายเองได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือหลายเดือน |
สิวหินเกิดจากอะไร? สิวหินเกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ท่อเหงื่อเจริญเติบโตมากผิดปกติ หรือเกิดการสะสมของเส้นใยเคราตินและไขมันจนกลายเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ บนผิวหนัง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวหินใต้ตา สิวที่ขอบตา หรือบริเวณอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น

สิวหินใต้ตา รักษาอย่างไร? เนื่องจากสิวหินไม่ใช่สิวทั่วไป จึงไม่สามารถบีบ แกะ หรือใช้ยาทารักษาสิวให้หายได้ การรักษาสิวหินจึงต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยมีวิธีรักษาสิวหินใต้ตาหลัก ๆ ดังนี้
วิธีจี้สิวหิน คือการใช้ความร้อนจากเครื่องจี้ไฟฟ้าเพื่อทำลายเนื้อเยื่อของสิวหินและเส้นเลือดในก้อนสิว ทำให้สิวหินฝ่อและหลุดออกไปเอง เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
แพทย์จะใช้ไนโตรเจนเหลวที่มีความเย็นจัดจี้ไปที่สิวหินเพื่อทำลายเซลล์ที่ผิดปกติและยับยั้งการเจริญเติบโต เหมาะสำหรับบริเวณที่ผิวบอบบาง อย่างไรก็ตาม หลังการรักษาควรดูแลผิวเป็นพิเศษและหลีกเลี่ยงแสงแดด
เป็นวิธีที่เหมาะกับสิวหินขนาดใหญ่ หรือในกรณีที่วิธีอื่นไม่ได้ผล โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเอาสิวหินออกโดยตรง ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมาก
วิธีนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากมีความแม่นยำสูง เลเซอร์จะช่วยเปิดหัวสิวหินและทำลายเนื้อเยื่ออย่างตรงจุด ทำให้บวมช้ำน้อย เจ็บน้อย และลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นได้ดี โดยเฉพาะการรักษาการเป็นสิวใต้ตาที่ผิวบาง
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าพบแพทย์ผิวหนังตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและชนิดของสิวหินอย่างปลอดภัย ไม่ควรพยายามรักษาด้วยตนเองเพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและทิ้งรอยแผลเป็นถาวรได้

การป้องกันสิวหินไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำได้โดยการดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธีและปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ดังนี้
ไม่ควรบีบสิวหินด้วยตัวเอง โดยเด็ดขาด เนื่องจากสิวหินเป็นเนื้องอกของต่อมเหงื่อที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง การบีบหรือกดเองอาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และทิ้งรอยแผลเป็นได้ แล้วสิวหิน เอาออกยังไง? ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลเท่านั้น
สิวหินหายเองได้ไหม? สิวหินไม่สามารถหลุดเองได้ตามธรรมชาติ เพราะไม่ใช่สิวทั่วไปที่เกิดจากการอุดตัน แต่เป็นเนื้องอกใต้ผิวหนังที่ต้องอาศัยการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง เช่น การทำเลเซอร์ หรือการจี้ด้วยไฟฟ้า
สามารถเจาะออกได้แต่ต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น เนื่องจากสิวหินอยู่ลึกและมีลักษณะแข็ง การทำเองอาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือทิ้งรอยแผลเป็นถาวรได้
ในทางการแพทย์ ไม่มีคำว่า "สิวไต" แต่คนส่วนใหญ่มักใช้คำนี้เรียกสิวหิน (Syringoma) ที่มีลักษณะเป็นตุ่มแข็ง ซึ่งแท้จริงแล้ว สิวหินคือเนื้องอกชนิดหนึ่งของต่อมเหงื่อ ไม่ใช่สิวที่เกิดจากไขมันอุดตัน
สิวหิน (Syringoma) คือเนื้องอกขนาดเล็กที่ไม่เป็นอันตราย เกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง มีลักษณะเป็นตุ่มแข็งเล็ก ๆ สีขาวขุ่น ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือคัน มักจะพบบริเวณรอบดวงตาและแก้ม สิวชนิดนี้แตกต่างจากสิวทั่วไปตรงที่ไม่อักเสบและไม่สามารถหายไปได้เอง การรักษาสิวหินจึงจำเป็นต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น นอกจากนี้บทความยังแนะนำวิธีป้องกันและเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสิวหินกับสิวข้าวสารเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
หากคุณพบสิวใต้ตา หรือตุ่มเล็ก ๆ บนใบหน้าและสงสัยว่าเป็นสิวหิน สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้อย่างสะดวกสบายผ่านแอปพลิเคชัน SkinX ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถนัดพบแพทย์ได้ทันที SkinX ให้บริการปรึกษาปัญหาสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ ครอบคลุม โดยแพทย์จะสั่งยาและส่งตรงถึงบ้านคุณ พร้อมบริการปรึกษาเภสัชกรฟรี คุณสามารถทราบค่าบริการก่อนการปรึกษาได้ จึงช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ทั้งระบบ iOS และ Android
แอปพลิเคชัน ปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการ
ครบ จบ เคลียร์ใน 15 นาที!
อ้างอิง
Goyal, S., &Martins, C. R. (2000, October). Multiple syringomas on the abdomen, thighs, and groin. PubMed. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/11109147/
Huizen, J. (2017, October 25). What is syringoma and how is it treated?. MedicalNewsToday. https://www.medicalnewstoday.com/articles/319805
Lim, D. S., &Bekhor, P. S. (2019). Syringoma. The Australasian College of Dermatologists. https://www.dermcoll.edu.au/atoz/syringoma/#:~:text=Syringomas%20are%20benign%20skin%20tumours,they%20often%20recur%20after%20treatment
Seo, H., Choi, J., Min, J., &Kim, W. (2016, March 31). Carbon dioxide laser combined with botulinum toxin A for patients with periorbital syringomas. Taylor & Francis Online. https://www.tandfonline.com/doi/full/10.3109/14764172.2015.1052517
Wu, W. M., &Lee, Y. S. (2010, April 19). Autosomal dominant multiple syringomas linked to chromosome 16q22. Wiley Online Library. https://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/j.1365-2133.2010.09677.x
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูทั้งหมด