skinx-logo
แพทย์ของเราบทความติดต่อเรา

สิวและผิวหน้า

สิวหินเกิดจากอะไร? วิธีรักษาสิวหิน ง่าย ๆ ที่เห็นผลในงบที่กำหนด

1 ธันวาคม 2568

สิวหินเกิดจากอะไร? วิธีรักษาสิวหิน ง่าย ๆ ที่เห็นผลในงบที่กำหนด

หลายคนคงเคยส่องกระจกแล้วเจอเข้ากับตุ่มเล็ก ๆ แข็ง ๆ ใต้ตาหรือบนเปลือกตา พยายามบีบเท่าไหร่ก็ไม่ออก แถมยังไม่เจ็บอีกด้วย ตุ่มเหล่านี้อาจทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ และเข้าใจผิดว่าเป็นสิวธรรมดา แต่จริง ๆ แล้ว มันคือ "สิวหิน" หรือ Syringoma ซึ่งเป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งที่ไม่เป็นอันตราย

 

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสิวหินให้มากขึ้น ทั้งความแตกต่างระหว่างสิวหินและสิวข้าวสาร รวมถึงวิธีรักษาสิวหิน ง่าย ๆ เพื่อให้ดวงตาของคุณกลับมาเรียบเนียนสดใสอีกครั้ง


Key Takeaways

  • สิวหิน ไม่ใช่สิวทั่วไป เพราะเกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง ไม่ใช่การอุดตันรูขุมขน มีลักษณะเป็นตุ่มแข็งเล็กสีขาวขุ่น ขนาด 1-3 มม. ไม่เจ็บไม่คัน มักพบรอบดวงตาและแก้ม
  • สิวหินแตกต่างจากสิวข้าวสาร ซึ่งสิวหินเกิดจากต่อมเหงื่อ มีสีขาวขุ่น ไม่หายเอง ส่วนสิวข้าวสารเกิดจากการอุดตัน มีสีขาวใส สามารถหายเองได้ใน 2-3 สัปดาห์
  • สิวหินเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน การบาดเจ็บผิวหนัง การใช้ยาสเตียรอยด์ หรือแสงแดดจัดและเครื่องสำอางที่ระคายเคือง
  • สิวหินต้องรักษาโดยแพทย์เท่านั้น ไม่สามารถบีบหรือใช้ยาสิวธรรมดาได้ มี 5 วิธีรักษา ได้แก่ จี้ไฟฟ้า จี้ไอเย็น ผ่าตัด เลเซอร์ CO2 และการปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
  • ป้องกันได้ด้วยการดูแลผิวที่ถูกต้อง ล้างหน้าอ่อนโยน ใช้ครีมกันแดด เลือกเครื่องสำอาง Non-comedogenic พักผ่อนเพียงพอ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวบ่อย

สารบัญบทความ


สิวหิน คืออะไร ? หน้าเป็นเม็ดเล็ก ๆ ที่ไม่ใช่สิว

สิวหินเกิดจากอะไร

สิวหิน คือ เนื้องอกขนาดเล็กที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งต่างจากสิวทั่วไปที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน สิวหินมักจะพบได้บ่อยบริเวณใต้ตาและแก้ม แต่ก็สามารถเกิดขึ้นที่รักแร้หรือลำคอได้เช่นกัน สิวหินไม่ใช่เนื้อร้ายและไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง เพียงแต่อาจสร้างความรำคาญใจในเรื่องความสวยงามเท่านั้น


สิวหิน มีลักษณะอย่างไร

สิวหิน คือ ตุ่มนูนขนาดเล็กประมาณ 1-3 มิลลิเมตร มีสีเดียวกับผิวหนังหรืออาจเป็นสีเหลืองอ่อน พื้นผิวเรียบ ไม่มีหัวสิว และไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือคัน เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งเล็ก ๆ อยู่ใต้ผิวหนัง หรือเม็ดใต้ตา ซึ่งตุ่มเหล่านี้มักจะขึ้นเป็นกลุ่ม โดยส่วนใหญ่จะพบบริเวณใต้ตา แก้ม และรอบดวงตา นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ที่รักแร้ คอ หรือหน้าอกได้เช่นกัน

 

จึงสรุปได้ว่า หน้าเป็นเม็ดเล็ก ๆ ไม่ใช่สิว แต่เป็นสิวหินที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน และการขยายตัวของท่อเหงื่อใต้ผิวหนังแทน


สิวหิน VS. สิวข้าวสาร ต่างกันหรือไม่

แม้ว่าสิวหินและสิวข้าวสารจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ คล้ายกันจนหลายคนสับสน แต่ความจริงแล้วทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของสาเหตุและลักษณะเฉพาะตัว

ลักษณะสิวหิน (Syringoma)สิวข้าวสาร (Milia)
สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนังเกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและไขมันใต้ผิวหนัง
ขนาดประมาณ 1-3 มิลลิเมตรประมาณ 1-2 มิลลิเมตร
สีสีขาวขุ่นหรือสีเหลืองอ่อนสีขาวคล้ายไข่มุกหรือเม็ดข้าวสาร
ลักษณะผิวเรียบ ไม่มีหัวสิว ไม่เจ็บ ไม่คัน และมักขึ้นเป็นกลุ่มตุ่มแข็งและตื้น บางครั้งอาจคัน
การหายไม่สามารถหายเองได้ ต้องรักษาโดยแพทย์สามารถหายเองได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือหลายเดือน

สิวหินเกิดจากอะไร ?

สิวหินเกิดจากอะไร? สิวหินเกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ท่อเหงื่อเจริญเติบโตมากผิดปกติ หรือเกิดการสะสมของเส้นใยเคราตินและไขมันจนกลายเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ บนผิวหนัง

 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวหินใต้ตา สิวที่ขอบตา หรือบริเวณอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น

  • พันธุกรรม หากคนในครอบครัวเคยเป็น ก็มีโอกาสที่จะเป็นได้
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มักพบในช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่
  • การบาดเจ็บหรือการอักเสบของผิวหนัง เช่น การโดนแดดจัด หรือการใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์
  • โรคประจำตัวบางชนิด ที่มีความเกี่ยวข้องกับต่อมเหงื่อ

5 วิธีรักษาสิวหินง่าย ๆ

รักษาสิวหิน

สิวหินใต้ตา รักษาอย่างไร? เนื่องจากสิวหินไม่ใช่สิวทั่วไป จึงไม่สามารถบีบ แกะ หรือใช้ยาทารักษาสิวให้หายได้ การรักษาสิวหินจึงต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยมีวิธีรักษาสิวหินใต้ตาหลัก ๆ ดังนี้

1. การจี้สิวหินด้วยไฟฟ้า (Electrosurgery)

วิธีจี้สิวหิน คือการใช้ความร้อนจากเครื่องจี้ไฟฟ้าเพื่อทำลายเนื้อเยื่อของสิวหินและเส้นเลือดในก้อนสิว ทำให้สิวหินฝ่อและหลุดออกไปเอง เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

2. การจี้สิวหินด้วยไอเย็น (Cryotherapy)

แพทย์จะใช้ไนโตรเจนเหลวที่มีความเย็นจัดจี้ไปที่สิวหินเพื่อทำลายเซลล์ที่ผิดปกติและยับยั้งการเจริญเติบโต เหมาะสำหรับบริเวณที่ผิวบอบบาง อย่างไรก็ตาม หลังการรักษาควรดูแลผิวเป็นพิเศษและหลีกเลี่ยงแสงแดด

3. การผ่าตัดสิวหิน (Surgical Excision)

เป็นวิธีที่เหมาะกับสิวหินขนาดใหญ่ หรือในกรณีที่วิธีอื่นไม่ได้ผล โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเอาสิวหินออกโดยตรง ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมาก

4. การเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Laser)

วิธีนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากมีความแม่นยำสูง เลเซอร์จะช่วยเปิดหัวสิวหินและทำลายเนื้อเยื่ออย่างตรงจุด ทำให้บวมช้ำน้อย เจ็บน้อย และลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นได้ดี โดยเฉพาะการรักษาการเป็นสิวใต้ตาที่ผิวบาง

5. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าพบแพทย์ผิวหนังตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและชนิดของสิวหินอย่างปลอดภัย ไม่ควรพยายามรักษาด้วยตนเองเพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและทิ้งรอยแผลเป็นถาวรได้


วิธีป้องกันไม่ให้เป็นสิวหิน

วิธีรักษาสิวหิน

การป้องกันสิวหินไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำได้โดยการดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธีและปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ดังนี้

  • ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ทำความสะอาดผิวหน้าวันละ 2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหรือระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางอุดตัน โดยเฉพาะคนที่มีผิวหน้ามัน รวมถึงมีปัญหารูขุมขนกว้าง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผสมน้ำมันหรือส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (Non-comedogenic)
  • ปกป้องผิวจากแสงแดด ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีความร้อนและความชื้นสูงนานๆ
  • พักผ่อนให้เพียงพอและจัดการความเครียด การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและหาทางผ่อนคลายความเครียดจะช่วยให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ
  • งดการสัมผัสและขัดถูผิว พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ และงดการขัดถูผิวอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง

คำถามที่พบได้บ่อย (FAQs)

สิวหินบีบได้ไหม

ไม่ควรบีบสิวหินด้วยตัวเอง โดยเด็ดขาด เนื่องจากสิวหินเป็นเนื้องอกของต่อมเหงื่อที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง การบีบหรือกดเองอาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และทิ้งรอยแผลเป็นได้ แล้วสิวหิน เอาออกยังไง? ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลเท่านั้น

สิวหินหายเอง หลุดเองได้ไหม

สิวหินหายเองได้ไหม? สิวหินไม่สามารถหลุดเองได้ตามธรรมชาติ เพราะไม่ใช่สิวทั่วไปที่เกิดจากการอุดตัน แต่เป็นเนื้องอกใต้ผิวหนังที่ต้องอาศัยการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง เช่น การทำเลเซอร์ หรือการจี้ด้วยไฟฟ้า

สิวหินสามารถเจาะออกได้หรือไม่ 

สามารถเจาะออกได้แต่ต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น เนื่องจากสิวหินอยู่ลึกและมีลักษณะแข็ง การทำเองอาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือทิ้งรอยแผลเป็นถาวรได้

สิวแข็งเป็นสิวไตหรือไม่

ในทางการแพทย์ ไม่มีคำว่า "สิวไต" แต่คนส่วนใหญ่มักใช้คำนี้เรียกสิวหิน (Syringoma) ที่มีลักษณะเป็นตุ่มแข็ง ซึ่งแท้จริงแล้ว สิวหินคือเนื้องอกชนิดหนึ่งของต่อมเหงื่อ ไม่ใช่สิวที่เกิดจากไขมันอุดตัน


สิวหินแก้ไม่หาย มัดรวมวิธีรักษา พร้อมคำแนะนำโดยแพทย์จาก SkinX

สิวหิน (Syringoma) คือเนื้องอกขนาดเล็กที่ไม่เป็นอันตราย เกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง มีลักษณะเป็นตุ่มแข็งเล็ก ๆ สีขาวขุ่น ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือคัน มักจะพบบริเวณรอบดวงตาและแก้ม สิวชนิดนี้แตกต่างจากสิวทั่วไปตรงที่ไม่อักเสบและไม่สามารถหายไปได้เอง การรักษาสิวหินจึงจำเป็นต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น นอกจากนี้บทความยังแนะนำวิธีป้องกันและเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสิวหินกับสิวข้าวสารเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

 

หากคุณพบสิวใต้ตา หรือตุ่มเล็ก ๆ บนใบหน้าและสงสัยว่าเป็นสิวหิน สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้อย่างสะดวกสบายผ่านแอปพลิเคชัน SkinX ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถนัดพบแพทย์ได้ทันที SkinX ให้บริการปรึกษาปัญหาสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ ครอบคลุม โดยแพทย์จะสั่งยาและส่งตรงถึงบ้านคุณ พร้อมบริการปรึกษาเภสัชกรฟรี คุณสามารถทราบค่าบริการก่อนการปรึกษาได้ จึงช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ทั้งระบบ iOS และ Android

 

แอปพลิเคชัน ปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการ 

ครบ จบ เคลียร์ใน 15 นาที!

  • FB : SkinX พบแพทย์ผิวหนังออนไลน์
  • IG : skinx.thailand
  • Line : @skinx.official
  • TikTok : skinxthailand
  • X : @skinxthailand
  • Tel : 02 038 5505
  • E-mail : service@skinx.app

อ้างอิง

 

Goyal, S., &Martins, C. R. (2000, October). Multiple syringomas on the abdomen, thighs, and groin. PubMed. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/11109147/

 

Huizen, J. (2017, October 25). What is syringoma and how is it treated?. MedicalNewsToday. https://www.medicalnewstoday.com/articles/319805

 

Lim, D. S., &Bekhor, P. S. (2019). Syringoma. The Australasian College of Dermatologists. https://www.dermcoll.edu.au/atoz/syringoma/#:~:text=Syringomas%20are%20benign%20skin%20tumours,they%20often%20recur%20after%20treatment

 

Seo, H., Choi, J., Min, J., &Kim, W. (2016, March 31). Carbon dioxide laser combined with botulinum toxin A for patients with periorbital syringomas. Taylor & Francis Online. https://www.tandfonline.com/doi/full/10.3109/14764172.2015.1052517

 

Wu, W. M., &Lee, Y. S. (2010, April 19). Autosomal dominant multiple syringomas linked to chromosome 16q22. Wiley Online Library. https://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/j.1365-2133.2010.09677.x

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด
service card mobile

เริ่มใช้งาน SkinX

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเลย!

skinx-cta