SkinX

GET-On the App Store

SkinX Team

20 ตุลาคม 2565

ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ไขตาดำ ถุงใต้ตา ปลอดภัยกว่าที่คิด!

ฟิลเลอร์ใต้ตา

หากเริ่มมีอายุมากทำให้ใบหน้าเริ่มเหี่ยวย่น ผู้คนมักจะนึกถึงการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเพียงอย่างเดียว แต่ในปัจจุบันการทำฟิลเลอร์ใต้ตาร่วมด้วยกลายเป็นที่นิยมเช่นกัน เพื่อให้ใบหน้าโดยรวมสดใสมากขึ้น ดูอ่อนเยาว์ลง อย่างไรก็ตามการฉีดฟิลเลอร์บริเวณนี้เป็นส่วนที่ผิวบอบบางมากที่สุดและอยู่ใกล้กับดวงตา หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นอาจทำให้ตาบอดได้

 

แท้จริงแล้วฟิลเลอร์ใต้ตาทำให้ตาบอดได้จริงหรือไม่ ใช้สารอะไรฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ปัญหาอะไรบ้าง ฉีดยี่ห้ออะไรดี ราคาเท่าไหร่? บทความนี้ แพทย์จาก SkinX มีคำตอบ พร้อมแนะนำการดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีด ตลอดจนให้ข้อมูลความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก่อนตัดสินใจทำหัตถการ

 

ปัญหาผิวพรรณ ปัญหาโรคผิวหนัง และเสริมความงาม สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังกว่า 210 ท่านจากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศได้ที่แอปพลิเคชัน SkinX เพียงดาวน์โหลดแอปฯ ก็สามารถปรึกษากับแพทย์ในครั้งแรกได้ฟรี! ปรึกษาได้ทุกที่ ทุกเวลา เพราะผิวดี ไม่ต้องรอ!

 

สารบัญบทความ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

  • ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็มผิว Hyaluronic Acid ไปยังบริเวณใต้ตา ให้ดูเต็มขึ้น เป็นธรรมชาติ โดยอาจมีอาการบวมแดงหรือรอยช้ำรอบดวงตา แต่ผลข้างเคียงดังกล่าวจะหายไปภายใน 2 สัปดาห์

  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ได้ความนิยมสูงสำหรับแก้ปัญหาผู้มีรอยเหี่ยวย่นใต้ตา ใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง

  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหนึ่งในหัตถการที่ปลอดภัย เนื่องจากสารที่ฉีดเข้าไปเติมเต็มผิวเป็นกรดไฮยาลูรอนิกที่สามารถสลายได้เองโดยไม่ตกค้างภายในร่างกาย

  • แม้การฉีดฟิลเลอร์จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ผู้เข้ารับการรักษาควรปรึกษากับแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเพื่อวางแผนการรักษาและเลือกฉีดฟิลเลอร์ชนิดที่เหมาะสมกับผิวของแต่ละบุคคล

 

ฟิลเลอร์ (Filler) ใต้ตา คืออะไร

ฟิลเลอร์ใต้ตา (Under-Eye Filler) คือ หัตถการฉีดสารเติมผิวเข้าสู่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตา เพื่อให้ผิวหนังเต็มขึ้น แก้ไขปัญหารอยเหี่ยวย่นใต้ตา, ถุงใต้ตา, ใต้ตาลึก ตลอดจนปัญหาใต้ตาคล้ำ สารเติมผิวที่ใช้ฉีดเข้าไปใต้ตา จะเป็นสารที่ชื่อว่า “กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid)” ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในผิวหนังอยู่แล้ว ทำให้มั่นใจได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ปลอดภัย

ทำไมถึงต้องฉีดฟิลเลอร์ที่ใต้ตา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ปัญหาใต้ดวงตาที่สามารถแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ว่าจะเป็นใต้ตาคล้ำ, ใต้ตาเหี่ยวย่น, ถุงใต้ตา ดวงตาลึก, บริเวณเหนือตา และด้านข้างหัวตาที่ติดกับสันจมูกที่เรียกว่าร่องน้ำตา ซึ่งปัญหาใต้ตาเหล่านี้อาจเกิดได้จากทั้งพันธุกรรม, โรคภูมิแพ้, การอักเสบใต้ผิวหนังบริเวณใต้ดวงตา หรือการแพ้สารบางชนิด นอกจากนี้ยังเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้ 

 

  • อายุ ผู้ที่มีอายุมากอาจเกิดภาวะกระดูกบริเวณเบ้าตากร่อนร่วมกับไขมันบริเวณใต้ตาลดลง ส่งผลให้เอ็นที่ยึดรอบเบ้าตาตกลงจนทำให้ใต้ตาตก ผิวหนังใต้ดวงตาเหี่ยวตามวัย

  • กระดูกบริเวณเบ้าตา ปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่นเกิดจากกระดูกบริเวณเบ้าตาน้อยกว่าปกติ ไม่มีฐานรองรับไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เบ้าตาเหี่ยวย่นจนดูมีอายุ ส่งผลให้มีถุงใต้ตาและทำให้ตาโหล ซึ่งสาเหตุของกระดูกเบ้าตาน้อยลงอาจเกิดจากการสลายตัวของกระดูก, โรคกระดูกอ่อน, พันธุกรรม และอายุ

  • ไขมันสะสมที่ถุงใต้ตา หากกระดูกใต้เบ้าตาหายไป ไขมันที่ควรจะอยู่ในเบ้าตาก็จะเคลื่อนตัวออกมาอยู่ที่ใต้ตาแทน ทำให้เกิดเป็นถุงใต้ตาเวลายิ้ม หรืออาจมองเห็นได้ตลอดเวลา

 

หากมีปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งการฉีดในตำแหน่งต่าง ๆ ก็สามารถแก้ปัญหาที่แตกต่างกันได้ 

 

  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ผิวหนังชั้นตื้น : ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาดำ ตาดูสว่าง ผิวใต้ตาเต่งตึงขึ้น

  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ผิวหนังชั้นลึก : ช่วยแก้ไขปัญหาไขมันในเบ้าตาเคลื่อนที่ ปรับถุงใต้ตาให้หาย เติมร่องลึกใต้ตาให้ดูตื้่นขึ้น

  • การฉีดฟิลเลอร์บริเวณเหนือดวงตาและร่องน้ำตาา : เป็นการฉีดเสริมจากบริเวณกระดูกเบ้าตา เพื่อช่วยแก้ปัญหาตาโหลบริเวณร่องน้ำตาและเหนือดวงตา

 

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยในเรื่องอะไรบ้าง

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยให้ผิวใต้ตาเต่งตึง แก้ปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่น

  • แก้ปัญหาถุงใต้ตา ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมฐานกระดูกและทดแทนไขมันที่หายไป

  • แก้ปัญหาตาลึกโหล ร่องน้ำตา ร่องใต้ตาลึก ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและด้านบนตา เพื่อทดแทนไขมันที่เคลื่อนลงมา

  • แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ยกผิวให้ห่างจากหลอดเลือดใต้ผิวหนัง

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาปลอดภัยมากแค่ไหน

ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม

ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม? ปัจจุบันสารที่ใช้สำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ปลอดภัยจะมีแค่กรดไฮยาลูรอนิก ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในผิวและสามารถสลายเองได้ เมื่อครบเวลาการสลายตัวของฟิลเลอร์ประมาณ 6-18 เดือนจะไม่มีสารตกค้างภายในร่างกาย กรณีที่ไม่พอใจผลการรักษา หรือเกิดผลข้างเคียงขึ้นหลังฉีดไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase) ก็สามารถสลายฟิลเลอร์ออกไปได้ในเวลาอันสั้น 

 

นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งที่ผิวหนังบอบบางที่สุด โดยแพทย์ที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจำเป็นต้องรู้เทคนิคการฉีดและตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงรุนแรงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ดังนั้น หากสงสัยว่าฟิลเลอร์อันตรายไหม? คำตอบก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ได้เป็นอันตราย หากเลือกสถานพยาบาลที่สะอาด บริการดี รักษาทุกขั้นตอน โดยแพทย์ผิวเฉพาะทางหรือจักษุแพทย์ ความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงหลังฉีดก็จะน้อยมาก

“ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถทำให้ตาบอดได้ หากแพทย์ฉีดฟิลเลอร์เข้าที่เส้นเลือดจนเส้นเลือดอุดตันเกิดเป็นเนื้อตาย หรือหากเส้นเลือดดังกล่าวเป็นแขนงเดียวกับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตาก็สามารถทำให้ตาบอดได้เช่นกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเคสที่เสี่ยงตาบอดคือ เคสที่ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากบริเวณระหว่างคิ้ว และฟิลเลอร์จมูก เนื่องจากเส้นเลือดในบริเวณดังกล่าวเป็นแขนงเดียวกับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตา ทั้งนี้ การตาบอดจากฟิลเลอร์ในปัจจุบันพบได้น้อยมาก”

ฟิลเลอร์ใต้ตา Juvederm หรือ Restylane อันไหนดีกว่ากัน

ฟิลเลอร์ใต้ตา Juvederm หรือ Restylane อันไหนดีกว่ากัน? คำตอบคือ แล้วแต่กรณี เนื่องจากทั้งสองแบรนด์มีทั้งรุ่นที่แข็ง และรุ่นนิ่มให้เลือกใช้ตามความต้องการและความเหมาะสมต่อปัญหารอบดวงตาของผู้เข้ารับการรักษา เบื้องต้นสามารถพิจารณารายละเอียดของฟิลเลอร์ทั้ง 2 ชนิดได้ดังนี้ 

1.ฟิลเลอร์ Juvederm 

ฟิลเลอร์ของ Juvederm เป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้รับความนิยมสำหรับฉีดใต้ตา โดยประกอบด้วยเทคโนโลยี Vycross สารเติมเต็มที่โดดเด่นเรื่องการยกกระชับใบหน้า ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และเทคโนโลยี Hylacross ที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี ยืดหยุ่นสูง เนื้อฟิลเลอร์ฟูสวยและไม่เป็นก้อน 

ฟิลเลอร์ใต้ตาของ Juvederm ที่นิยมใช้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ผิวหนังชั้นลึกจะเป็นรุ่นในกลุ่มของ Vycross Technology เพื่อให้ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติและลดอาการบวมหลังฉีด โดยรุ่นที่นิยมฉีดได้แก่ 

  • Juvederm Voluma เนื้อค่อนข้างแข็ง ความฟูปานกลาง ความยืดหยุ่นสูง และไม่ไหลง่าย สามารถอยู่ได้นาน 18 – 24 เดือน
  • Juvederm Volux เนื้อแน่น เนื้อแข็งกว่า Voluma มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดในชั้นลึก เพื่อขึ้นรูปเป็นฐานให้ไขมันและเอ็นรอบดวงตายึดเกาะ อยู่ได้นาน 18-24 เดือน

ส่วนฟิลเลอร์ Juvederm ที่นิยมใช้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ผิวหนังชั้นตื้น คือ Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ทำให้ผิวเต่งตึง ฉ่ำน้ำ เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคล้ำ แก้ปัญหาใต้ตาดำได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถอยู่ได้นานถึง 9-12 เดือน

2.ฟิลเลอร์ Restylane 

ฟิลเลอร์ใต้ตาของ Restylane เริ่มแรกนั่นออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับฉีดฟิลเลอร์ปากโดยเฉพาะ แต่ในภายหลังได้พัฒนารุ่นอื่น ๆ ออกมาทำให้สามารถใช้ฉีดเป็นฟิลเลอร์ใต้ตาและส่วนอื่น ๆ ในร่างกายได้ รุ่นของฟิลเลอร์ Restylane จะแบ่งออกเป็น 2 แบบหลัก ดังนี้

NASHA Technology เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับยกกระชับ เนื้อจะค่อนข้างแน่น คงรูปได้ดี
โดยรุ่นที่นิยมใช้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ผิวหนังชั้นลึก ได้แก่

  • Restylane Lyft ฟิลเลอร์เนื้อแน่น คงตัวดี เหมาะกับการยกกระชับ ไม่ค่อยฟูมากนัก เหมาะกับการฉีดในชั้นผิวหนังลึก เป็นฐานให้ไขมันและเอ็นรอบดวงตา สามารถอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
  • Restylane Classic Lidocaine ฟิลเลอร์เนื้อแข็งปานกลาง เหมาะกับการเติมร่อง อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือนเช่นกัน

ฟิลเลอร์ NASHA Technology ที่นิยมใช้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ผิวหนังชั้นตื้น คือ Restylane Vital Light เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เน้นฉีดตื้น ๆ เน้นความเป็นธรรมชาติ ให้ใต้ตาที่เหี่ยวย่นเล็กน้อยเต่งตึงขึ้น อีกทั้งยังแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำได้ด้วย ตัวฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ก่อนจะสลายไป

  • OBT Technology เป็นฟิลเลอร์เนื้อเจลอ่อนนุ่ม เน้นความเป็นธรรมชาติมากกว่า โดยรุ่นที่นิยมใช้คือ Restylane Defyne เป็นฟิลเลอร์เนื้อแน่น แต่ก็อุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการฉีดเสริมทดแทนกระดูก
  • เบ้าตา สามารถอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน

ทั้งนี้ การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์จะถูกพิจารณาจากแพทย์ร่วมกับปัญหาใต้ตาว่า ผู้เข้ารับการรักษาเหมาะกับฟิลเลอร์เนื้อแบบไหน ยี่ห้อใด โดยส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะเลือกฟิลเลอร์ที่เนื้ออ่อนสำหรับใต้ตา เนื่องจากไม่จับตัวเป็นก้อนแข็งและให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ โดยแพทย์อาจมีฟิลเลอร์ที่เนื้อคล้ายกันมาเป็นตัวเลือกเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาตัดสินใจพร้อมกับงบประมาณที่มี

ฟิลเลอร์ใต้ตา หรือ Botox ดี

ฟิลเลอร์ใต้ตา หรือ Botox ดี? คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาที่เกิดขึ้น หากพบปัญหารอยเหี่ยวย่นซึ่งเกิดจากไขมันลดลง กระดูกใต้ตาน้อยลง ทำให้ต้องฉีดสารเข้าไปเติมเต็มบริเวณดังกล่าวก็ควรแก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่หากเกิดจากการขยับกล้ามเนื้อใบหน้ามากเกินไป จนเกิดรอยเหี่ยวย่นที่ใต้ตา หางตา เกิดรอยตีนกาเป็นร่องลึก แนะนำให้รักษาด้วยการฉีดโบท็อกใต้ตา เพราะโบท็อกจะออกฤทธิ์กับระบบประสาท ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดใช้งานได้น้อยลง จึงลดและป้องกันการเกิดร่องลึกมากกว่าเดิมได้

 

ทั้งนี้ หากเกิดปัญหาใต้ตาจากทั้งสองสาเหตุก็สามารถทำทั้งฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและฉีดโบท็อกร่วมกันได้ โดยจำเป็นต้องปรึกษากับแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับผู้เข้ารับการรักษาแต่ละราย

 

แต่หากไม่รู้ว่าปัญหาบริเวณใต้ตาหรือรอบ ๆ ดวงตาเกิดจากอะไร ก็สามารถเข้ามาคุยกับแพทย์ผิวหนังจาก SkinX ได้ เพราะมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกโดยเฉพาะ คอยให้คำปรึกษา สามารถสอบถามแพทย์ผิวหนังได้ทุกที่ โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ตอนนี้ ปรึกษาแพทย์ครั้งแรกฟรี!

 

อ่านเพิ่มเติม ฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ต่างกันอย่างไร : Filler กับ Botox คืออะไร? แก้ไขริ้วรอยต่างกันอย่างไรบ้าง

“ถุงใต้ตา ไม่ได้สามารถแก้ไขโดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ทุกกรณี จะแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อเป็นถุงใต้ตาที่เกิดจากกระดูกเบ้าตาลดลง ร่วมกับไขมันหย่อนคล้อยและลดจำนวนลง หากเป็นถุงใต้ตาที่เกิดจากตาบวม ร้องไห้ หรือความเครียด จะไม่สามารถรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ แต่ควรรักษาด้วยการปรับพฤติกรรมแทน”

ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวใต้ตาหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น

  • ผู้ที่มีถุงใต้ตา ตาบนลึกและโหล

  • ผู้ที่ใต้ตาดำ จากทั้งพันธุกรรมและโรคภูมิแพ้ ต้องการให้ใต้ตาสว่างขึ้น

  • ผู้ที่มีปัญหาไขมันลดลงหรือเคลื่อนตัวลงถุงใต้ตา

  • ผู้ที่มีปัญหาเอ็นรอบดวงตาหย่อนคล้อย กระดูกเบ้าตาใต้ดวงตาลดลง

  • ผู้ที่ต้องการทำให้ใบหน้าดูเด็กลง นอกจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วยังควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วย เพราะจะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใสขึ้น

“ถุงใต้ตาไม่ได้สามารถแก้ไขโดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ทุกกรณี จะแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อเป็นถุงใต้ตาที่เกิดจากกระดูกเบ้าตาลดลง ร่วมกับไขมันหย่อนคล้อยและลดจำนวนลง หากเป็นถุงใต้ตาที่เกิดจากตาบวม ร้องไห้ หรือความเครียด ไม่สามารถรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ ควรรักษาด้วยการปรับพฤติกรรมแทน”

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคล้ํา
  • ผู้มีภาวะตาแห้งรุนแรง จำเป็นต้องหยอดน้ำตาเทียมให้อาการดีขึ้นก่อนจึงจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ เนื่องจากจะทำให้ระคายเคืองมากกว่าปกติ จนอาจเสี่ยงเกิดการอักเสบ

  • ผู้ที่กำลังใช้ยา วิตามินหรือสมุนไพรบางชนิดอย่างวิตามินอี, กระเทียม, ขิง, แปะก๊วย เป็นต้น ตลอดจนผู้เป็นโรคที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด ซึ่งจะทำให้เลือดหยุดยากและเกิดรอยช้ำได้ง่ายกว่าปกติ เช่น ยาแก้ปวดแอสไพริน NSAIDs ยาลดการแข็งตัวของเลือด

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร

  • ผู้ที่เป็นโรคเริม หรืองูสวัด

  • ผู้ที่ผิวหนังบริเวณดวงตา หรือบริเวณใกล้เคียงกำลังอักเสบหรือติดเชื้ออยู่ ควรรักษาให้หายก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ผู้ที่มีประวัติเกี่ยวกับแพ้ยาชา เกิดแผลเป็นคีลอยด์ได้ง่าย หรือแพ้กรดไฮยาลูรอนิก

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถปฏิบัติตามดังต่อไปนี้

 

  1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อรับรู้ขั้นตอนการเตรียมตัว ความเสี่ยงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และคาดหวังผลการรักษาที่เป็นไปได้อย่างเหมาะสม

  2. ประเมินผิวรอบดวงตากับแพทย์ว่าควรจะทำอะไรบ้าง ฉีดกี่ cc และใช้ฟิลเลอร์ตัวใด หากพอใจกับความเป็นไปได้ของผลลัพธ์หลังฉีด แพทย์จะนัดวันมาทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หรือฉีดหลังปรึกษาทันที

  3. แจ้งประวัติการใช้ยา โรคประจำตัว และการตั้งครรภ์กับแพทย์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับการรักษาเอง

  4. ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 สัปดาห์ ควรงดยาทาที่มีผลต่อการผลัดเซลล์ผิว และให้หยุดยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด พร้อมทั้งยาแก้ปวดทั้งแอสไพรินและ NSAIDs หากเป็นยาที่แพทย์จ่ายให้ทานประจำ ควรปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ก่อนหยุดยา

  5. ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 24 ชั่วโมง ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด งดบุหรี่ และงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด อย่างการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่

สำหรับขั้นตอนการทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีด้วยกันดังนี้

 

  1. ฆ่าเชื้อในบริเวณที่จะฉีด ทั้งบริเวณใกล้ดวงตาและบริเวณที่ต่ำลงมา เนื่องจากจุดที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยปกติจะอยู่ต่ำลงมาในบริเวณโหนกแก้ม

  2. แพทย์จะสอบถามเรื่องการใช้ยาชา หากไม่ต้องการสามารถแจ้งแพทย์ได้ ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาทีเพื่อให้ยาออกฤทธิ์

  3. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยเข็มขนาดเล็กตามปริมาณและตำแหน่งที่กำหนดไว้ ผู้เข้ารับการรักษาจะรู้สึกตึง ๆ ใต้ดวงตาเพียงเล็กน้อย

  4. แพทย์จะทำความสะอาดแผลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอีกครั้ง ไม่ต้องเย็บแผลเนื่องจากแผลมีขนาดเล็กมาก อาจติดปลาสเตอร์ปิดแผลขนาดเล็กเพื่อห้ามเลือดเอาไว้สักระยะหนึ่ง

  5. พักฟื้นสักครู่ จากนั้นจึงสามารถกลับบ้านได้

อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี

ขั้นตอนการปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีข้อควรปฏิบัติดังนี้

1.ช่วง 2-3 วันหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 

  • หลีกเลี่ยงการจับบริเวณใต้ดวงตาโดยไม่จำเป็น ไม่ควรกด นวด เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนและผิวช้ำกว่าเดิมได้

  • หลีกเลี่ยงโดนแสงแดด เนื่องจากผิวจะไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ
    ไม่ควรอยู่ในที่อุณหภูมิสูงหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง

2.ช่วง 1 อาทิตย์หลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

  • ไม่ควรใช้ยา อาหารเสริม หรือสมุนไพร ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด รวมทั้งการออกกำลังกายที่ทำให้เลือดสูบฉีดมากกว่าปกติ

  • ไม่ควรทานอาหารสุกดิบ นมวัว อาหารรสจัด เพราะมีผลกับระบบเลือดและทำให้เสี่ยงเกิดแผลอักเสบติดเชื้อ

  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

3.ช่วง 1 เดือนเป็นต้นไปหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 

  • หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ใต้ตาและเลเซอร์ทุกชนิดในช่วง 1 เดือนแรก

  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมสัมผัสความร้อน เช่น ซาวน่า ร้านอาหารที่มีเตาร้อน เนื่องจากความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์เซตตัวผิดปกติและเสื่อมได้ไว

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สามารถช่วยให้ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานขึ้น

“การสูบบุหรี่ทำให้เส้นเลือดตีบลง ความดันสูงขึ้น ระบบเลือดทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้แผลจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และฟิลเลอร์ในส่วนอื่น ๆ หายช้า อีกทั้งยังทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวไวอีกด้วย”

หากพบว่าหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเกิดตาบวมหลังฉีด หรืออาจเห็นฟิลเลอร์เป็นก้อน อาจเป็นเพราะฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ อาการดังกล่าวจะหายเป็นปกติหลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ ใต้ตาจะเรียบเนียนสวย ดูเด็กลง แต่หากอาการดังกล่าวไม่ดีขึ้นและมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย อย่างอาการแสบร้อน รอบดวงตาเป็นสีแดงหรือช้ำมาก ควรรีบเข้ามาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ อาการดังกล่าวสามารถพบได้น้อย

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • อาการบวมแดง ช้ำ รู้สึกตึงบริเวณดวงตา อาการดังกล่าวมักจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง

  • อาการบวมรอบดวงตาจะหายไปภายใน 2 สัปดาห์ ห้ามกด นวด หรือขยี้ตา เนื่องจากจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อน ควรประคบน้ำแข็งบ่อย ๆ เพื่อให้อาการบวมหายไวขึ้น

  • ฟิลเลอร์เป็นก้อน อาจจะเกิดจากฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ เมื่อเวลาผ่านไป 2 สัปดาห์ ใต้ตาจะเรียบเนียน หากอาการดังกล่าวไม่หายไปควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ผิดประเภท หรือฉีดในชั้นผิวหนังที่ตื้นเกินไป

  • ใต้ตาดำมากกว่าเดิม หรือใต้ตาช้ำเป็นสีม่วงเขียว เนื่องจากขณะฉีดอาจถูกเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังแตกจนเกิดเป็นรอยช้ำ

  • การติดเชื้อ และอักเสบบริเวณดวงตา ตาจะแสบร้อน เจ็บ ระบม หากมีอาการดังกล่าวควรพบแพทย์โดยเร็ว ทั้งนี้ การติดเชื้อเป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อย

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไหร่

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาจะคิดตามปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีด ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ร่วมกับค่าบริการทางการแพทย์ และค่าอุปกรณ์ของแต่ละสถานพยาบาล ส่วนใหญ่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคา cc ละ 6,000-20,000 บาท โดยทั่วไปแล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้เพียง 1-2 cc เพื่อปรับสภาพผิวใต้ตาระดับตื้น หากต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อแก้ปัญหาถุงใต้ตา หรือตาลึกโหล ซึ่งต้องฉีดทั้งที่ผิวหนังชั้นลึกและชั้นตื้น อาจต้องใช้ถึง 2 cc 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี

มีปัญหาใต้ตาร่องลึกควรฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี? สถานพยาบาลที่รับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีหลายแห่ง ข้อควรสังเกตเพื่อเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยสามารถพิจารณาได้ดังนี้ 

 

  • สถานพยาบาลสะอาด บริการดี เครื่องมือครบแก่การทำหัตถการ และเปิดคลินิกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีเลขที่ใบอนุญาตชัดเจน

  • แพทย์ผู้ให้การรักษาเป็นแพทย์เฉพาะทาง ให้คำปรึกษา เลือกฟิลเลอร์ แนะนำข้อดีและข้อเสียก่อนการฉีด สามารถตรวจสอบข้อมูลแพทย์ได้ผ่านฐานข้อมูลแพทยสภา

  • สถานพยาบาลเดินทางได้สะดวก

  • ตรวจสอบกล่องฟิลเลอร์ได้และสามารถขอดูใบกำกับยาภาษาไทยของฟิลเลอร์จากแพทย์ได้

  • มีนัดเพื่อดูผลลัพธ์ และติดตามความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • มีรีวิวจากผู้เข้ารับการรักษาท่านอื่น ๆ โดยใช้วิจารณญาณในการพิจารณา เนื่องจากปัจจุบันมีการจ้างงานรีวิว เพื่อส่งเสริมการโฆษณาทางการตลาด โดยผู้ที่รีวิวอาจไม่เคยใช้บริการของทางคลินิก

หากยังตัดสินใจไม่ได้ สามารถเข้ามาเลือกปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในแอปพลิเคชัน SkinX ได้ แพทย์ทุกท่านมาจากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ เพียงดาวน์โหลดแอปก็สามารถเลือกปรึกษาแพทย์ที่ออนไลน์อยู่ได้เลย

ฉีดฟิลเลอร์ใช้ระยะพักฟื้นนานไหม

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2 สัปดาห์ หากบริเวณที่ฉีดยังคงบวมช้ำหลังจากพ้น 2 สัปดาห์ไปแล้ว หรือมีอาการแสบร้อน บวมแดง ปวด หรือจับแล้วยังเจ็บอยู่ ให้รีบมาพบแพทย์ทันที

ฉีดฟิลเลอร์แล้วอยู่ได้กี่เดือน

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานอย่างน้อย 6 เดือน หรืออาจจะนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเนื้อของฟิลเลอร์, ยี่ห้อ, รุ่น รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วย หากดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรืออยู่ในที่ร้อนเป็นประจำ ฟิลเลอร์ก็จะสลายตัวเร็ว

สรุปเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ควรทำกับสถานพยาบาลหรือคลินิกที่มีความปลอดภัยสูง ได้มาตรฐาน และให้บริการแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาได้หลากหลาย ผู้ที่สนใจควรปรึกษากับแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางด้านความสวยความงามก่อนว่าปัญหารอบดวงตาที่เกิดขึ้นควรรักษาอย่างไร เพราะนอกจากฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว ยังมีการฉีดโบท็อกซ์ เลเซอร์ใต้ตา และการปลูกถ่ายเซลล์ไขมันด้วย

ผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ หรืออยากปรึกษากับแพทย์ผิวหนัง แต่ยังเลือกสถานพยาบาลไม่ได้ สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ในแอปพลิเคชัน SkinX ก่อนได้ เพื่อให้ผู้ชำนาญการพิจารณาว่าปัญหาผิวที่เกิดขึ้นควรแก้ไขอย่างไร

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก

 

Harper’s Bazaar Staff. (2019, August 14). Everything You Need to Know About Under Eye Filler for
        Dark Circles. Bazaar. https://www.harpersbazaar.com/beauty/skin-care/a12780039/dark-
        circle-filler-for-eyes/#:~:text=It%20turns%20out%2C%20a%20small,area%20will%20a
        ppear%20noticeably%20brighter.

 

Norris, R. (2021, September 27). Everything You’ve Ever Wanted to Know About Under-Eye
        Filler (But Were Afraid to Ask). Byrdie. https://www.byrdie.com/under-eye-filler-5075918

 

Will Smoking Affect The Longevity of Lip Fillers?. Cityskin. https://cityskin.com.au/frequently
        -asked-questions/will-smoking-affect-longevity-lip-fillers/#:~:text=Smoking%20also%20
        reduces%20blood%20flow,smoker%20would%2C%20with%20cosmetic%20injections.

ปรึกษาแพทย์ออนไลน์
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ใช้งานครั้งแรกปรึกษาฟรี
Tips & Tricks
สาระน่ารู้และข่าวประชาสัมพันธ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า