“สิวหัวดำ” ปัญหาผิวที่ใครๆก็ไม่อยากเจอ
“สิวหัวดำ (Blackheads)” เป็นปัญหาที่ไม่รุนแรง แต่สามารถส่งผลให้บุคคลนั้น รู้สึกไม่มั่นใจในตนเองได้ อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนาน
โดยปัญหา สิว ที่กล่าวมานี้ มีลักษณะเป็นสิวที่โผล่ขึ้นมาจากผิวหน้าเล็กน้อย บริเวณตรงกลางมีสีเข้ม หรือ สีดำ สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งมักจะพบเป็นสิวอุดตันหัวดำ หรือสิวเสี้ยนกันจำนวนมาก
วิธีรักษาสิวหัวดำที่ดี จะต้องมีการดูแลที่เหมาะสมกัน ดังนั้น เราควรต้องทำความรู้จักกับสิวหัวดำให้มากขึ้น ก่อนเลือกวิธีรักษา ไม่ว่าจะเป็น สิวหัวดำเกิดจากอะไร? บริเวณที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ รวมไปจนถึงรักษาสิวหัวดำอย่างไรได้บ้าง เพื่อป้องกันโอกาสที่จะเกิดสิวหัวดำขึ้นซ้ำๆ และยังช่วยให้เราดูแลตนเองได้อย่างถูกวิธีด้วย
สารบัญบทความ
- สิวหัวดําคืออะไร เกิดจากสาเหตุไหนได้บ้าง?
- บริเวณที่มักเกิดสิวหัวดำ
- วิธีรักษาสิวหัวดํา รักษาอย่างไรให้ตรงจุด
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวหัวดำ
สิวหัวดําคืออะไร เกิดจากสาเหตุไหนได้บ้าง?
สิวหัวดำแข็งๆ (Blackheads) คือ สิวอุดตัน ประเภทสิวหัวเปิด(Open Comedones) ที่มีลักษณะเป็นตุ่มขนาดเล็ก นูนขึ้นมาจากผิวหน้าเล็กน้อย ตรงกลางมีการฝังตัวของเคราติน (Keratin) และลิพิด (lipid) ซึ่งเมื่อเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) กับออกซิเจนในอากาศขึ้น บริเวณนี้จะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ทำให้เรามองเห็นเป็นสิวอุดตันหัวดำนั่นเอง
สาเหตุในการเกิดสิวหัวดําแข็งๆ เกิดจากการสะสมตัวของ เซลล์คอร์นีโอไซต์ (Corneocyte) และซีบัม(Sebum) ในช่องรูขุมขน ที่ทำให้เกิดการขยายตัวจนช่องรูขุมขนเปิดออก เผยให้เห็นจุดสีเข้มที่อุดตันรูขุมขนอยู่ภายใน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ส่งเสริมให้เกิดเป็นสิวหัวดำได้ ดังนี้
- ต่อมไขมันมีการผลิตน้ำมันออกมามากจนเกินไป
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดการอุดตันผิว การทำความสะอาดผิวหน้าไม่หมดจด การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการสะสมของเหงื่อ ความเครียด ฯลฯ
- เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ไม่เกิดการหลุดลอกออกตามปกติ
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนภายในร่างกาย เช่น ช่วงมีประจำเดือน
นอกจาก สิวหัวดำเม็ดใหญ่แล้ว สิวอีกรูปแบบหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มองว่ามีความคล้ายคลึงกัน คือ “ สิวเสี้ยน (Trichostasis Spinulosa) ” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สิวเสี้ยนหัวดำกับสิวหัวดำมีความแตกต่างกันอยู่
สิวเสี้ยนหัวดำ (Trichostasis Spinulosa) คือ สิวที่เกิดจากความผิดปกติของ Pilosebaceous unit มีลักษณะเป็นจุดสีเข้ม ขนาดเล็กมาก มีกระจุกเส้นขนหลายเส้นและเคราติน( Keratin) อุดตันอยู่ภายในรูขุมขน เมื่อใช้นิ้วมือสัมผัส หรือลูบผ่านบริเวณสิวเสี้ยนดำนั้น จะรู้สึกสะดุด เนื่องจากมีสิ่งแหลมๆโผล่พ้นรูขุมขนขึ้นมานั่นเอง
บริเวณที่มักเกิดสิวหัวดำ
บริเวณที่มักเกิดสิวหัวดำมีอยู่หลายพื้นที่ โดยแต่ละจุดที่มักพบได้บ่อยๆ มีดังนี้
- สิวหัวดำที่แก้ม
- สิวหัวดำที่หลัง
- สิวหัวดำที่จมูก
ซึ่งสิวหัวดำในแต่ละบริเวณเกิดจากสาเหตุคล้ายกัน มักใช้การรักษาแบบเดียวกัน
ทั้งนี้ สิวหัวดำที่จมูก หลายคนพบได้อยู่บ่อยๆ และมักจะสรรหาวิธีการต่างๆ ในการกำจัดสิวหัวดำ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว การเลือกวิธีกำจัดสิวหัวดำที่จมูกอย่างเหมาะสม เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก โดยในบทความนี้จะแนะนำวิธีการรักษาที่ถูกต้องให้ทุกคนในช่วงถัดไป
“มีการศึกษาพบว่าการเกิดสิวมีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรมถึง 81 % ขณะที่สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องเพียง 19% โดยจากประวัติครอบครัวของผู้ที่เป็นสิว มักพบในเพศชาย เริ่มเป็นตอนอายุน้อย พบเป็นสิวที่ลำตัวและเกิดแผลเป็นจากสิวร่วมด้วย”
วิธีรักษาสิวหัวดํา รักษาอย่างไรให้ตรงจุด
หลายๆคนอาจมีข้อสงสัยอยู่ในใจว่า สิวหัวดํา รักษายังไงให้ถูกวิธี หรือเหมาะสมที่สุด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การรักษาสิวหัวดำไม่ยากอย่างที่คิด เพราะมีรูปแบบการรักษามากมาย ที่เราสามารถเลือกใช้ตามความสะดวกใจได้ โดยวิธีแก้สิวหัวดำ มีดังนี้
การกดสิว
การเลือกใช้วิธีกดสิวหัวดำ เป็นการกำจัดสิ่งที่อุดตันอยู่ภายใน ให้เกิดการระบายออกไป ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่ายๆ สะดวก รวดเร็ว และมีความเจ็บปวดน้อยลง หากมีการใช้ยา Retinoids มา 3 – 4 สัปดาห์ ก่อนหน้าที่จะมีการกดสิวแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนจำนวนมาก ที่เข้าใจผิดว่าการกดสิวจะสามารถทำเองได้ง่าย เลยทำให้คนส่วนใหญ่กดสิวในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง
“การกดสิว ไม่ใช่จะทำอย่างไรก็ได้” การกดสิวในบริเวณที่ไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดการแตกออกของรูขุมขน (Ruptured follicle) ส่งผลให้มีโอกาสที่จะกระตุ้นการอักเสบมากยิ่งขึ้น จึงแนะนำว่า ควรกดสิวหัวดำอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมาได้
“วิธีกดสิวหัวดำที่ถูกต้อง” ควรใช้เครื่องมือที่มีลักษณะหัวรูแบนกว้าง (Unna comedone extractor) ขอบของตัวกดไม่ควรแคบหรือคมจนเกินไป กดลงบริเวณสิวด้วยน้ำหนักมือและองศาที่พอดี หากไม่เคยใช้เครื่องมือกดสิวมาก่อน แนะนำว่า ควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อกำจัดสิวหัวดำอย่างเหมาะสมต่อไป
การใช้ยาละลายสิวหัวดำ
การใช้ยาในการรักษาสิวหัวดำ เป็นวิธีพื้นฐานที่หลายๆคนจะพอนึกขึ้นได้ การเลือกตัวยาที่ใช้ในการรักษาสิวหัวดำ บีบไม่ออก ควรต้องเลือกตัวยาที่เหมาะสมกับตนเอง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยตัวยาที่สามารถใช้แก้สิวหัวดำได้ มีดังนี้
- ผลิตภัณฑ์กลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Retinoids)
ยาในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ หรือ Retinoids เป็นชื่อที่ถูกตั้งตามฤทธิ์ของยา เนื่องจากยาในกลุ่มนี้ สามารถเกาะติดและกระตุ้น Retinoic acid receptors (RARs) ทำให้เกิดการตอบสนองทางชีววิทยา (Biological Response) ขึ้นได้
ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Retinoids) เป็นตัวยาที่สามารถลดสิวอุดตันได้ในระดับดี ช่วยละลายสิ่งอุดตันให้เกิดการอ่อนตัวลง ส่งผลให้สิวอุดตันหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น
โดยตัวยาที่อยู่ในกลุ่มนี้หลักๆ ได้แก่
Tretinoin : เป็นตัวยาที่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย สามารถลดการอุดตันผิว ต้านการอักเสบได้ แต่ตัวยานี้ ไม่ควรไว้ในที่ที่โดนแสงแดด เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้
Adapalene : เป็นตัวยาที่สามารถทนทานต่อแสง และใช้ร่วมกับเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
Tazarotene : ตัวยานี้จะออกฤทธิ์หลังจากถูก metabolize กลายเป็น Tazarotenic acid ที่ยับยั้ง RARβ และ RARγ receptor ซึ่ง Tazarotene จะออกฤทธิ์ในการลดสิวอุดตันและให้ผลลัพธ์ได้ดีกว่า Tretinoin 0.025% gel
การใช้ยาทา Tazarotene นี้เนื่องจากมีโอกาสการระคายเคืองได้ง่าย จึงให้ทาทิ้งไว้ระยะสั้นๆ (ไม่เกิน 5 นาทีแล้วล้างออก)
อย่างไรก็ตาม ยาชนิดนี้ยังไม่มีการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรเลือกใช้ยาดังกล่าว
- ยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide)
ยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) เป็นยาที่นิยมใช้ตามทั่วไปมากที่สุด ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือสั่งจ่ายโดยแพทย์ผิวหนัง
ตัวยาชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียผ่านการปล่อย Free oxygen radicals และลดการอุดตันของสิวได้ในระดับเล็กน้อย ซึ่งมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบครีม โลชั่น เจล โฟม น้ำยาทำความสะอาดผิว โดยมีความเข้มข้นตั้งแต่ 2.5% – 10%
อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงที่จะทำให้ผิวแห้ง เกิดการระคายเคืองได้ง่าย จึงแนะนำว่า ควรเลือกระดับความเข้มข้นของยาให้เหมาะสมกับตนเอง กรณีที่ไม่เคยใช้ยาตัวนี้มาก่อน ควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือเภสัชกร เพื่อปรึกษาก่อนเริ่มใช้ยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) และลดโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองขึ้นได้ในอนาคต
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid)
วิธีกำจัดสิวหัวดำ ด้วยกรดซาลิไซลิก(Salicylic acid) เป็นการใช้กรดอ่อนในการผลัดเซลล์ผิวหนังชั้นกำพร้าให้เกิดการลอกหลุดออกมา (Exfoliation) ทำให้การอุดตันรูขุมขนน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้น กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) อาจมีประสิทธิภาพในการรักษาน้อยกว่า เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide)
กรดซาลิไซลิก(Salicylic acid) ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเวชสำอางและยาทารักษาสิวตามร้านขายยาทั่วไป มีรูปแบบเจล และน้ำยาทำความสะอาด โดยมีระดับความเข้มข้นตั้งแต่ 0.5% – 2 %
การเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์
การรักษาโดยใช้วิธีกดสิวหัวดำ หรือ การกำจัดสิวหัวดำด้วยวิธีอื่นๆ บางครั้งเราอาจตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะกับผิวตนเองได้ยาก เพราะมีความรู้และเข้าใจไม่เพียงพอ อีกทั้งบางคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจ กังวลว่าตนเองจะเลือกได้ไม่ถูกต้อง จนเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองตามมา โดยเฉพาะบุคคลที่ ผิวแพ้ง่าย หรือมีความไวของผิวหน้า การเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง จะได้รับคำแนะนำและการปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาไม่ถูกวิธี
เมื่อนึกถึงการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หลายๆคนอาจนึกถึงการจัดตารางเวลาให้ว่าง ลาหยุดจากการทำงาน เพื่อเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง การรอคิวว่างนัดวันเข้าพบแพทย์ และอื่นๆอีกมากมาย ที่ใครๆมักมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก เสียเวลาเยอะ
ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นอีกต่อไป เพราะปัจจุบันมีตัวช่วยดีๆอย่างแอปพลิเคชัน SkinX ที่รวบรวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังถึง 210 ท่าน มาให้คุณโดยเฉพาะ ไม่ต้องเสียเวลาหยุดงาน ไม่ต้องเดินทาง ก็สามารถเลือกเข้าพบแพทย์ที่มาจากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศได้ง่ายๆ ให้คุณสะดวกกว่าใคร อยู่ที่ไหนก็ปรึกษาได้ เพียงแค่ใช้SkinX
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวหัวดำ
สิวหัวดํา บีบได้ไหม
“บีบสิวหัวดำได้ไหม?” การใช้นิ้วมือบีบสิวหัวดำออกมา เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะการบีบสิวอาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหารอยสิว หรือหลุมสิวตามมา จึงควรเปลี่ยนไปใช้วิธีกดสิวหัวดำ หรือวิธีการรักษารูปแบบอื่นๆ จึงจะดีที่สุด
การใช้วิธีการกดสิวหัวดำ เป็นการกำจัดสิ่งอุดตันที่อยู่ในรูขุมขนที่สามารถทำได้ แต่การกดสิวนั้น ควรจะต้องทำอย่างถูกวิธี คือ ไม่ควรใช้นิ้วมือในการบีบสิวออกมา แนะนำให้ใช้เป็นเครื่องมือกดสิวที่มีลักษณะหัวรูแบนกว้าง ไม่ควรใช้ทั้งขอบแคบหรือขอบคม และในขณะที่ทำการกดสิว ควรใช้น้ำหนักมือที่พอดี ไม่รุนแรงจนเกินไป ค่อยๆกดสิวหัวดำออกมาจากผิวหนังอย่างรู้นำหนักในการกดและองศาที่ถูกต้อง เพื่อไม่ก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา
แนะนำว่า หากต้องการกำจัดสิวหัวดำด้วยวิธีการกดสิว ควรเข้าพบผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพื่อทำการกดสิวออกอย่างถูกวิธี ไม่ควรฝืนกดสิวหัวดำด้วยตนเอง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยกดสิวมาก่อน
สิวหัวดํา บีบไม่ออก เกิดจากอะไร
สิวหัวดำที่บีบไม่ออก อาจเกิดจากการอุดตันที่อยู่ลึกลงไปในรูขุมขน อีกทั้งสิ่งอุดตันอาจมีขนาดเล็กจนสามารถบีบออกได้ยาก
อย่างที่กล่าวไปว่า วิธีกำจัดสิวอุดตันหัวดำโดยปกติแล้วไม่ควรใช้วิธีการบีบด้วยตนเอง เพราะนอกจากจะบีบไม่ออกแล้ว การเค้นยังทำให้ใบหน้าเป็นรอย มีแผล เกิดรอยดำ รอยแดง และแผลเป็นจากสิวได้อีกด้วย
ทางที่ดีหากเกิดสิวหัวดำที่บีบไม่ออกควรใช้ยาทากลุ่ม Retinoids ร่วมกับการกดสิวที่ถูกวิธีโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้สิ่งอุดตันออกไปจากรูขุมขนได้โดยไม่ก่อให้เกิดแผลเป็น
บทความนี้ได้รับการตรวจความถูกต้องของเนื้อหาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังแล้ว
แหล่งข้อมูลอ้างอิงจาก
Cassoobhoy, A. (2020, July 02). How to Get Rid of Blackheads. WebMD. https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/how-get-rid-blackheads
Goh, C., Cheng, C., Agak, G., Zaenglein, A.L., Graber, E.M., Thiboutot, D.M., & Kim, J. (n.d.). Acneiform Disorders. Fitzpatrick’s Dermatology 9 TH Edition (1391-1404). McGraw-Hill Education.
Yetman, D. (2020, March 31). How to Treat Blackheads on Your Back. Healthline. https://www.healthline.com/health/blackheads-on-back