SkinX

GET-On the App Store

SkinX Team

17 สิงหาคม 2565

สิวหัวหนอง สิวเจ้าปัญหา แต่งหน้ากลบก็ไม่มิด จะบีบก็ไม่ได้

สิวหัวหนอง

ปัญหา สิว ถือเป็นสาเหตุที่ทำลายความมั่นใจ และสร้างความรำคาญให้ใครหลายๆคน แต่สิวที่สร้างความรำคาญมากเป็นอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นสิวหัวหนอง นอกจากจะรู้สึกเจ็บเวลาเผลอไปสัมผัส และสิวหัวหนองยังไม่สามารถใช้เครื่องสำอางเพื่อกลบรอยสิวได้ หากบีบสิวหัวหนองไม่ถูกวิธี ก็จะทิ้งรอยเอาไว้ ทีนี้นอกจากจะต้องรักษาสิวแล้ว ยังต้องรักษารอยสิวอีกด้วย

ในบทความนี้ จะพาคุณมารู้จักกับสิวหัวหนอง ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายคนกำลังเจอ และสร้างความรำคาญใจให้กับหลายๆคน ว่าแท้จริงนั้นสิวหัวหนองเกิดจากอะไร บริเวณที่มักเกิดสิวหัวหนอง พร้อมทั้งวิธีป้องกัน รักษาสิวหัวหนองให้หาย โดยไม่ให้ทิ้งรอยดำเอาไว้

สารบัญบทความ

  1. สิวหัวหนอง สิวอักเสบหัวหนอง คืออะไร?
  2. หาคำตอบ สิวหัวหนอง เกิดจากอะไร?
  3. บริเวณที่มักเกิด สิวหัวหนอง มักพบที่ใดบ้าง?
  4. สิวหัวหนองรักษายังไง ให้หายขาด!
  5. วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวหนอง
  6. คำถามที่พบบ่อยในสิวหัวหนอง
  7. สรุป

สิวหัวหนอง สิวอักเสบหัวหนอง คืออะไร?

สิวอักเสบหัวหนอง (Pustules) คือ หนึ่งในประเภทของ สิวอักเสบ มีลักษณะเป็นตุ่มแดงๆบริเวณฐาน และมีจุดสีขาวเหลืองอยู่บริเวณหัวหรือด้านบนของสิว ซึ่งจุดสีขาวเหลือง คือ หนองที่เกิดภายใต้ผิวหนัง เมื่อสัมผัสกับสิวหัวหนองจะรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย สิวหัวหนองมีทั้งขนาดสิวหัวหนองเม็ดเล็กๆ และสิวหัวหนองเม็ดใหญ่ บางคนอาจจะมีสิวหัวหนองขึ้นเต็มหน้า หรือบางคนอาจจะมีเพียงไม่กี่เม็ด โดยปกติแล้วสิวหัวหนองไม่เป็นอันตราย แต่อาจจะมีอาการอักเสบ บวมแดง เจ็บ และคันร่วมด้วย

การรักษาสิวหัวหนอง ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเป็นสิวอักเสบที่ระดับตื้นๆบริเวณชั้นผิวหนัง แต่ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพราะอาจจะมีการอักเสบเพิ่มขึ้น เกิดการลุกลาม และทำให้การรักษายากขึ้นไปอีก

หาคำตอบ สิวหัวหนอง เกิดจากอะไร?

สิวหัวหนองปัญหา

สาเหตุของการเกิด สิวหัวหนอง หรือ Pustule สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 สาเหตุหลักๆ มีดังนี้ สาเหตุแรกคือ สิวหัวหนองเกิดจากอุดตันของรูขุมขนที่เต็มไปด้วยน้ำมัน เชื้อแบคทีเรีย และเซลล์ผิวที่ตาย และ สาเหตุที่สองของการเกิดสิวหัวหนอง เกิดจาก สิวอุดตัน ที่ถูกรบกวนจากการบีบ แกะ แคะ ทำให้เชื้อแบคทีเรีย สิ่งสกปรกเข้าไปในชั้นผิวหนัง และเกิดการติดเชื้อ อักเสบ จนกลายเป็นสิวหัวหนองในที่สุด

หนองคืออะไร ?

หนอง (Pus) เป็นของเหลวสีขาวเหลืองที่สามารถพบได้ตามสิว หรือแผลติดเชื้อ หนองเป็นผลมาจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกาย นอกจากนี้หนองยังประกอบไปด้วย เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้ว เนื้อเยื่อที่ตาย และแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ

ที่สำคัญ ไม่ควรบีบ หรือกด สิวหัวหนองด้วยตัวเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดการอักเสบ และลุกลามเพิ่มกว่าเดิม ควรรักษาสิวหัวหนองด้วยวิธีที่ถูกต้อง และหากสิวหัวหนองมีอาการอักเสบที่รุนแรงและใหญ่ขึ้น พร้อมทั้งมีอาการไข้ร่วมด้วยควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรักษาให้ทันท่วงที

บริเวณที่มักเกิด สิวหัวหนอง มักพบที่ใดบ้าง?

สิวหัวหนองสามารถเกิดได้ทุกที่ตามร่างกาย บริเวณที่มักเกิดส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินความจำเป็นทำให้เกิดการอุดตันภายในรูขุมขน ผสมกับสิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียจึงทำให้เกิดเป็นสิวหัวหนองในที่สุด

สิวหัวหนองบริเวณที่มักเกิด

สิวหัวหนองที่ใบหน้า

สิวหัวหนองบริเวณบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น บริเวณหน้าผาก จมูก รอบปาก คาง และแก้ม สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวหัวหนอง เพราะบริเวณที่ได้กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้น เป็นบริเวณที่มีต่อมผลิตไขมัน (Sebum) อยู่เป็นจำนวนมาก และยังเป็นบริเวณที่สัมผัสกับสิ่งสกปรกได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น มือที่สัมผัสใบหน้าโดยไม่ตั้งใจ การใส่มาสก์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน

เมื่อต่อมไขมันบริเวณใบหน้า ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปทำให้เกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขน เมื่อเกิดการอุดตันและเจอกับสิ่งสกปรกที่สะสมบริเวณชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดสิวอักเสบหรือสิวหัวหนองได้ในที่สุด

สิวหัวหนองที่หน้าอก

สิวที่หน้าอก เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน เมื่อต่อมไขมัน (Sebum) ผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากเกินความจำเป็น เมื่อน้ำมันส่วนเกินผสมเข้ากับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว อาจทำให้เกิดการติดเชื้อของแบคทีเรีย Cutibacterium Acnes (ชื่อเก่าคือ Propionibacterium Acne ที่เป็นสาเหตุของทำให้เกิดสิวบริเวณหน้าอก

สิวหัวหนองที่หลัง

สาเหตุการเกิดสิวที่หลัง นอกจากการอุดตันรูขุมขน ความมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน เช่น ฝุ่นละออง เชื้อโรค และเหงื่อไคล ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวบริเวณหลังได้

หลังเป็นบริเวณที่ ผิวมัน เพราะมีต่อมไขมันเป็นจำนวนมาก ทำให้เชื้อ C.acne ( ชื่อเก่า คือ P.acne )เติบโตได้ดี และเกิดเป็นสิวอักเสบได้ง่าย นอกจากนี้ สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัฑณ์ครีมอาบน้ำ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะ

สิวหัวหนองตามไรผม

โดยส่วนใหญ่แล้วสิวที่ขึ้นตามไรผม อาจจะเกิดจากใช้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Comedogenic) ทำให้เกิดการอุดตันและการอักเสบของผิวหนังจนกลายเป็นสาเหตุของการเกิดสิวตามไรผม นอกจาก ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน เครื่องประดับบางอย่าง เช่น หมวก และที่คาดผม ทำให้เกิดการเสียดสี และแรงกดทับระหว่างผิวหนังและอุปกรณ์มากเกินไป (Acne Mechanica) สามารถทำให้เกิดสิวบริเวณไรผมได้เช่นกัน มักพบบ่อยในนักกีฬา
แนะนำให้ทำความสะอาดหมวก ที่คาดผม และอุปกรณ์กีฬาอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกตกค้าง จนเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหัวหนองตามไรผม

สิวหัวหนองรักษายังไง ให้หายขาด!

วิธีรักษาสิวหัวหนอง มีกี่วิธี? ส่วนใหญ่การรักษามักจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการอักเสบสิว และปริมาณของสิวหัวหนอง วิธีการรักษาสิวหัวหนอง มีดังนี้

วิธีรักษาสิวหัวหนอง

รักษาสิวหัวหนอง ด้วยยาทาภายนอก

ควรใช้ยาทาอะไร รักษาสิวหัวหนองดี ? ยาทาภายนอกสำหรับรักษาสิวหัวหนอง ส่วนใหญ่มักมีสารที่ช่วยลดอาการอักเสบที่เป็นต้นเหตุหลักของการเกิดสิวหัวหนอง และสารบางตัวที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นต้นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ ยาทาภายนอกสำหรับรักษาสิวหัวหนอง มีดังนี้

  • Benzoyl peroxide

เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ มีคุณสมบัติในการเพิ่มอัตราการผลัดเซลล์ผิว และทำลายเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอักเสบ โดยปกติแล้วอัตราความเข้มข้นของผลิตภัฑณ์จะอยู่ที่ 2.5% จนถึง 10% ซึ่งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความรุนแรง และอาการอักเสบของสิวที่ขึ้นอยู่ในขณะนั้น

Benzoyl peroxide หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้เกิดการระคายเคือง รอยแดง และอาการหน้าแห้งลอกเป็นขุย และสำหรับคนที่ใช้ยาในกลุ่มยา Retinoic acid หรือ ครีมที่มีส่วนผสมของ Retinol อยู่ก่อนแล้ว แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน เช่น หากคุณใช้ยาเรตินอลตอนกลางคืน ให้ใช้ Benzoyl peroxide ในตอนกลางวันแทน

  • Tretinoin แบบทา

ผลิตภัณฑ์ยาทาภายนอกมักมาในรูปแบบเจลและครีม สามารถใช้รักษาได้ทั้งสิวอุดตันและ

สิวอักเสบ มีคุณสมบัติยับยั้งการอักเสบ และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนเพื่อกำจัดเซลล์ผิว

ที่ตายแล้ว โดยปกติ Tretinoin ทุกตัวทำให้เกิดการระคายเคือง และผิวบางลง ยา Retinoids

ประสิทธิภาพจะลดลงเมื่อถูกแสงแดด

แนะนำให้ใช้ยา Tretinoin ในช่วงก่อนนอน

  • Sulfur

ซัลเฟอร์ หรือ กำมะถัน มักจะถูกผสมไปกับสารตัวอื่นๆที่ใช้รักษาสิว ซัลเฟอร์มีคุณสมบัติในการดูดซับความมันและสิ่งสกปรก สามารถยับยั้งการก่อตัวของกรดไขมันอิสระ จึงนิยมนำมาใช้รักษาสิวอักเสบ เพราะช่วยดูดซับไขมันและสิ่งสกปรกที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนได้

คำแนะนำ ไม่ควรใช้ในขณะที่ผิวหนังมีอาการไหม้จากแสงแดด หรือผิวแห้งลอก ซัลเฟอร์มีผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรง หากใช้ยาแล้วมีอาการระคายเคืองรุนแรง ควรไปพบแพทย์โดยด่วน

  • Topical Antibiotics

Topical Antibiotics เป็นยาปฏิชีวนะแพทย์ส่วนใหญ่มักใช้ยาปฏิชีวนะชนิดทาในการรักษาสิว และนิยมใช้ยาปฏิชีวนะสูตรผสมร่วมกับ Benzoyl Peroxide เพื่อลดอาการดื้อยาลง เนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะตัวเดียวสามารถทำให้เกิดอาการดื้อยาได้ เมื่อใช้ยาไปสักระยะหนึ่ง ในการรักษาสิวจึงนิยมใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาชนิดอื่น

แผ่นดูดสิว

แผ่นดูดสิวกลายเป็นตัวช่วยในการรักษาสิว ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน นอกจากจะใช้งานง่ายสะดวก แล้วยังช่วยกลบสิวช่วยให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้นด้วย

ประโยชน์ของแผ่นดูดสิว นอกจากจะช่วยดูดซับของเหลวหรือหนอง ออกมาจากสิวทำให้สิวแห้งได้ง่ายขึ้น ยังช่วยลดอาการอักเสบ ลดการระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้น และป้องกันไม่ให้มือไปสัมผัสกับผิวโดยตรง ช่วยลดการติดเชื้อจากสิ่งสกปรกได้ดี แผ่นดูดสิวสามารถใช้รักษาได้เพียงผิวหนังบริเวณชั้นบนเท่านั้น ซึ่งเหมาะกับการใช้รักษาสิวหัวหนอง ที่เป็นอาการอักเสบตื้นๆบนชั้นผิวหนัง

สามารถเลือกใช้แผ่นดูดสิวได้ตามความรุนแรงของอาการ โดยมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ แผ่นดูดสิวชนิดมียารักษาในตัว (Medicated), แผ่นดูดสิวชนิดไม่มียารักษาในตัว (Non-Medicated) และแผ่นดูดสิวชนิดหัวเข็มละลายหัวสิว (Microneedle)

การรักษาสิวหัวหนอง ด้วยแสงและเลเซอร์ (Phototherapy and Lasers)

การ รักษาสิว ด้วยแสงและเลเซอร์ เป็นวิธีการรักษาแบบใหม่ มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ และกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากให้ผลการรักษาที่ดีมาก ใช้เวลาน้อยกว่า และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยา การรักษาด้วยเลเซอร์สามารถฆ่าเชื้อ C.acne และลดการอักเสบของสิวได้ นอกจากนี้เลเซอร์ยังสามารถรักษารอยหลุมสิว รอยแดง รอยดำที่เกิดจากสิวได้ เลเซอร์ที่ใช้รักษาสิวในปัจจุบัน มีดังนี้

  • Pulsed dye laser 595 nm (vBeam)
  • Copper – Bromide laser 578 nm (Dual Yellow)
  • Diode laser 1450 nm
  • Long-pulse Nd:YAG laser 1064 nm
  • Er:Glass laser 1550 nm

ทั้งนี้ แสงและเลเซอร์แต่ละประเภท มีคุณสมบัติออกฤทธิ์ในการรักษาที่แตกต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกประเภทของเลเซอร์ในการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ปรึกษาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ

เพราะสิวหัวหนองมีลักษณะหัวสีขาวด้านบน ทำให้หลายคน เมื่อเห็นแล้วรู้สึกอยากบีบ จับ แคะ แกะ แต่สิวหัวหนองไม่ควรบีบหรือกดสิวด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบ และอาจทำให้เกิดการลุกลามไปมากกว่าเดิม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เช่ียวชาญด้านผิวหนัง เพื่อหาวิธีรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สำหรับคนที่ไม่สะดวกในการเดินทางออกไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาสิว ด้วยเหตุผลส่วนตัวต่างๆ เดี๋ยวนี้สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เช่ียวชาญผ่านแอป SkinX ที่รวบรวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังกว่า 210 คน สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android เพียงแค่นี้ ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็สามารถปรึกษาได้ เพียงคลิกเดียว ที่สำคัญปรึกษาก่อน จ่ายทีหลัง สามารถรู้ค่าใช้จ่ายได้ก่อนเริ่มหาหมอ

อ่านต่อได้ในบทความ : วิธีการรักษาสิว ดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวหนอง

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวหนอง

รักษาความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี

ขั้นตอนแรกของการทำความสะอาด คือ การใช้คลีนเซอร์สำหรับเช็ดเครื่องสำอาง ควรใช้สำลีเช็ดเครื่องสำอางให้หมดจนไม่เหลือคราบ ใช้โฟมล้างหน้าหรือผลิตภัณฑ์รักษาความสะอาดสำหรับคนที่เป็นสิวโดยเฉพาะ ควรทำความสะอาดผิวหน้าทุกวัน แม้จะไม่ได้แต่งหน้า เพราะบนใบหน้ามักจะมีความไขมันและฝุ่นละอองที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอยู่แล้ว

ใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมัน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุบนฉลากว่า ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งจนเกิดไปเพื่อให้ผิวยังคงสมดุลและแข็งแรง

หลีกเลี่ยงการบีบ กดสิวหัวหนองด้วยตัวเอง

ไม่ควรบีบและกดสิวหัวหนองด้วยตัวเอง อาจจะเป็นการทำให้สิวอักเสบ และลุกลามมากกว่าเดิม ที่สำคัญเมื่อหายแล้วยังมีโอกาสที่จะทิ้งรอยสิวไว้หลังจากหาย เพราะฉะนั้นไม่แนะนำให้กดและบีบสิวด้วยตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี

คำถามที่พบบ่อยในสิวหัวหนอง

สิวหัวหนองปัญหากวนใจ

สิวหัวหนอง หายเองได้ไหม ?

สิวหัวหนอง ไม่สามารถหายได้เองโดยธรรมชาติ การปล่อยให้สิวหัวหนองหายไปเอง อาจจะมีเชื้อหลงเหลืออยู่ และมีโอกาสทำให้เกิดสิวอักเสบซ้ำ สำหรับสิวหัวหนองแนะนำปรึกษาแพทย์ผู้เช่ียวชาญ เพื่อรักษาอย่างถูกวิธี ไม่ปล่อยทิ้งไว้ เพราะการปล่อยทิ้งไว้มีโอกาสเกิดซ้ำ และเกิดการอักเสบรุนแรงมากกว่าเดิม

สิวหัวหนองควรบีบไหม ?

กับคำถามที่พบบ่อย สิวหัวหนองบีบได้ไหม จริงๆแล้ว สิวหัวหนอง “ไม่ควรบีบ” ด้วยตัวเอง การบีบสิวหัวหนองด้วยตัวเองถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบรุนแรงมากกว่าเดิม และอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียลุกลามไปยังจุดอื่นๆในบริเวณใกล้เคียง เกิดสิวหัวหนองขึ้นเพิ่มด้วย แนะนำให้รักษาตามวิธีที่แนะนำไปข้างต้น เพื่อการรักษาสิวหัวหนองอย่างถูกต้อง และยังลดโอกาสของการเกิดรอยสิวจากการบีบ แกะ แคะ อีกด้วย

สรุป

สาเหตุการเกิด สิวหัวหนอง คือ เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่เต็มไปด้วยน้ำมัน เชื้อแบคทีเรีย และเซลล์ผิวที่ตาย และ สิวหัวหนองที่เกิดจากสิวอุดตันที่ถูกรบกวนจากการบีบ แกะ แคะ ทำให้เชื้อแบคทีเรีย สิ่งสกปรกเข้าไปในชั้นผิวหนัง และเกิดการติดเชื้อจนอักเสบ และกลายเป็นสิวหัวหนองในที่สุด ทั้งนี้สิวหัวหนองไม่ควรบีบด้วยตนเอง เพราะอาจจะทำให้หนองแตก และแพร่กระจายทำให้เกิดสิวอักเสบบริเวณใกล้เคียงได้ วิธีรักษาสิวหัวหนองที่ดีที่สุดคือการไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และเลือกวิธีรักษาที่ดีที่สุด

สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปพบแพทย์ด้วยตนเอง สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น SkinX เพื่อปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง ทางออนไลน์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลถึงคลินิกหรือโรงพยาบาล ไม่ว่าตัวคุณอยู่ไหนก็สามารถปรึกษาได้ทันที เพราะผิวดี ไม่จำเป็นต้องรอ!

บทความนี้ได้รับการตรวจความถูกต้องของเนื้อหาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังแล้ว

แหล่งข้อมูลอ้างอิงจาก

Goh, C., Cheng, C., Agak, G., Zaenglein, A.L., Graber, E.M., Thiboutot, D.M., & Kim, J. (n.d.). Acneiform Disorders. Fitzpatrick’s Dermatology 9 TH Edition (1391-1404). McGraw-Hill Education.

Fletcher, J. (2019, May 31). What to know about pustules. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/325342

Smith, M. (2020, Aug 24). Pustules. WebMD.

https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/guide/pustules-facts

Kahn, A. (2019, July 31). What Causes Pustules?. Healthline.

https://www.healthline.com/health/pustules#_noHeaderPrefixedContent

Luke, M. (n.d.) Retin-A (trtimoin). Ortho Dermatological.

https://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2002/16921s21s22s25lbl.pdf

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ใช้งานครั้งแรกปรึกษาฟรี
Tips & Tricks
สาระน่ารู้และข่าวประชาสัมพันธ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า