สิวหัวหนอง สิวเจ้าปัญหา แต่งหน้ากลบก็ไม่มิด จะบีบก็ไม่ได้
ปัญหา สิว ถือเป็นสาเหตุที่ทำลายความมั่นใจ และสร้างความรำคาญให้ใครหลายๆคน แต่สิวที่สร้างความรำคาญมากเป็นอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นสิวหัวหนอง นอกจากจะรู้สึกเจ็บเวลาเผลอไปสัมผัส และสิวหัวหนองยังไม่สามารถใช้เครื่องสำอางเพื่อกลบรอยสิวได้ หากบีบสิวหัวหนองไม่ถูกวิธี ก็จะทิ้งรอยเอาไว้ ทีนี้นอกจากจะต้องรักษาสิวแล้ว ยังต้องรักษารอยสิวอีกด้วย
ในบทความนี้ จะพาคุณมารู้จักกับสิวหัวหนอง ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายคนกำลังเจอ และสร้างความรำคาญใจให้กับหลายๆคน ว่าแท้จริงนั้นสิวหัวหนองเกิดจากอะไร บริเวณที่มักเกิดสิวหัวหนอง พร้อมทั้งวิธีป้องกัน รักษาสิวหัวหนองให้หาย โดยไม่ให้ทิ้งรอยดำเอาไว้
สารบัญบทความ
- สิวหัวหนอง สิวอักเสบหัวหนอง คืออะไร?
- หาคำตอบ สิวหัวหนอง เกิดจากอะไร?
- บริเวณที่มักเกิด สิวหัวหนอง มักพบที่ใดบ้าง?
- สิวหัวหนองรักษายังไง ให้หายขาด!
- วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวหนอง
- คำถามที่พบบ่อยในสิวหัวหนอง
- สรุป
สิวหัวหนอง สิวอักเสบหัวหนอง คืออะไร?
สิวอักเสบหัวหนอง (Pustules) คือ หนึ่งในประเภทของ สิวอักเสบ มีลักษณะเป็นตุ่มแดงๆบริเวณฐาน และมีจุดสีขาวเหลืองอยู่บริเวณหัวหรือด้านบนของสิว ซึ่งจุดสีขาวเหลือง คือ หนองที่เกิดภายใต้ผิวหนัง เมื่อสัมผัสกับสิวหัวหนองจะรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย สิวหัวหนองมีทั้งขนาดสิวหัวหนองเม็ดเล็กๆ และสิวหัวหนองเม็ดใหญ่ บางคนอาจจะมีสิวหัวหนองขึ้นเต็มหน้า หรือบางคนอาจจะมีเพียงไม่กี่เม็ด โดยปกติแล้วสิวหัวหนองไม่เป็นอันตราย แต่อาจจะมีอาการอักเสบ บวมแดง เจ็บ และคันร่วมด้วย
การรักษาสิวหัวหนอง ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเป็นสิวอักเสบที่ระดับตื้นๆบริเวณชั้นผิวหนัง แต่ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพราะอาจจะมีการอักเสบเพิ่มขึ้น เกิดการลุกลาม และทำให้การรักษายากขึ้นไปอีก
หาคำตอบ สิวหัวหนอง เกิดจากอะไร?
สาเหตุของการเกิด สิวหัวหนอง หรือ Pustule สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 สาเหตุหลักๆ มีดังนี้ สาเหตุแรกคือ สิวหัวหนองเกิดจากอุดตันของรูขุมขนที่เต็มไปด้วยน้ำมัน เชื้อแบคทีเรีย และเซลล์ผิวที่ตาย และ สาเหตุที่สองของการเกิดสิวหัวหนอง เกิดจาก สิวอุดตัน ที่ถูกรบกวนจากการบีบ แกะ แคะ ทำให้เชื้อแบคทีเรีย สิ่งสกปรกเข้าไปในชั้นผิวหนัง และเกิดการติดเชื้อ อักเสบ จนกลายเป็นสิวหัวหนองในที่สุด
หนองคืออะไร ?
หนอง (Pus) เป็นของเหลวสีขาวเหลืองที่สามารถพบได้ตามสิว หรือแผลติดเชื้อ หนองเป็นผลมาจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกาย นอกจากนี้หนองยังประกอบไปด้วย เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้ว เนื้อเยื่อที่ตาย และแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ
ที่สำคัญ ไม่ควรบีบ หรือกด สิวหัวหนองด้วยตัวเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดการอักเสบ และลุกลามเพิ่มกว่าเดิม ควรรักษาสิวหัวหนองด้วยวิธีที่ถูกต้อง และหากสิวหัวหนองมีอาการอักเสบที่รุนแรงและใหญ่ขึ้น พร้อมทั้งมีอาการไข้ร่วมด้วยควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรักษาให้ทันท่วงที
บริเวณที่มักเกิด สิวหัวหนอง มักพบที่ใดบ้าง?
สิวหัวหนองสามารถเกิดได้ทุกที่ตามร่างกาย บริเวณที่มักเกิดส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินความจำเป็นทำให้เกิดการอุดตันภายในรูขุมขน ผสมกับสิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียจึงทำให้เกิดเป็นสิวหัวหนองในที่สุด
สิวหัวหนองที่ใบหน้า
สิวหัวหนองบริเวณบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น บริเวณหน้าผาก จมูก รอบปาก คาง และแก้ม สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวหัวหนอง เพราะบริเวณที่ได้กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้น เป็นบริเวณที่มีต่อมผลิตไขมัน (Sebum) อยู่เป็นจำนวนมาก และยังเป็นบริเวณที่สัมผัสกับสิ่งสกปรกได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น มือที่สัมผัสใบหน้าโดยไม่ตั้งใจ การใส่มาสก์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน
เมื่อต่อมไขมันบริเวณใบหน้า ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปทำให้เกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขน เมื่อเกิดการอุดตันและเจอกับสิ่งสกปรกที่สะสมบริเวณชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดสิวอักเสบหรือสิวหัวหนองได้ในที่สุด
สิวหัวหนองที่หน้าอก
สิวที่หน้าอก เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน เมื่อต่อมไขมัน (Sebum) ผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากเกินความจำเป็น เมื่อน้ำมันส่วนเกินผสมเข้ากับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว อาจทำให้เกิดการติดเชื้อของแบคทีเรีย Cutibacterium Acnes (ชื่อเก่าคือ Propionibacterium Acne ที่เป็นสาเหตุของทำให้เกิดสิวบริเวณหน้าอก
สิวหัวหนองที่หลัง
สาเหตุการเกิดสิวที่หลัง นอกจากการอุดตันรูขุมขน ความมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน เช่น ฝุ่นละออง เชื้อโรค และเหงื่อไคล ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวบริเวณหลังได้
หลังเป็นบริเวณที่ ผิวมัน เพราะมีต่อมไขมันเป็นจำนวนมาก ทำให้เชื้อ C.acne ( ชื่อเก่า คือ P.acne )เติบโตได้ดี และเกิดเป็นสิวอักเสบได้ง่าย นอกจากนี้ สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัฑณ์ครีมอาบน้ำ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะ
สิวหัวหนองตามไรผม
โดยส่วนใหญ่แล้วสิวที่ขึ้นตามไรผม อาจจะเกิดจากใช้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Comedogenic) ทำให้เกิดการอุดตันและการอักเสบของผิวหนังจนกลายเป็นสาเหตุของการเกิดสิวตามไรผม นอกจาก ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน เครื่องประดับบางอย่าง เช่น หมวก และที่คาดผม ทำให้เกิดการเสียดสี และแรงกดทับระหว่างผิวหนังและอุปกรณ์มากเกินไป (Acne Mechanica) สามารถทำให้เกิดสิวบริเวณไรผมได้เช่นกัน มักพบบ่อยในนักกีฬา
แนะนำให้ทำความสะอาดหมวก ที่คาดผม และอุปกรณ์กีฬาอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกตกค้าง จนเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหัวหนองตามไรผม
สิวหัวหนองรักษายังไง ให้หายขาด!
วิธีรักษาสิวหัวหนอง มีกี่วิธี? ส่วนใหญ่การรักษามักจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการอักเสบสิว และปริมาณของสิวหัวหนอง วิธีการรักษาสิวหัวหนอง มีดังนี้
รักษาสิวหัวหนอง ด้วยยาทาภายนอก
ควรใช้ยาทาอะไร รักษาสิวหัวหนองดี ? ยาทาภายนอกสำหรับรักษาสิวหัวหนอง ส่วนใหญ่มักมีสารที่ช่วยลดอาการอักเสบที่เป็นต้นเหตุหลักของการเกิดสิวหัวหนอง และสารบางตัวที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นต้นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ ยาทาภายนอกสำหรับรักษาสิวหัวหนอง มีดังนี้
- Benzoyl peroxide
เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ มีคุณสมบัติในการเพิ่มอัตราการผลัดเซลล์ผิว และทำลายเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอักเสบ โดยปกติแล้วอัตราความเข้มข้นของผลิตภัฑณ์จะอยู่ที่ 2.5% จนถึง 10% ซึ่งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความรุนแรง และอาการอักเสบของสิวที่ขึ้นอยู่ในขณะนั้น
Benzoyl peroxide หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้เกิดการระคายเคือง รอยแดง และอาการหน้าแห้งลอกเป็นขุย และสำหรับคนที่ใช้ยาในกลุ่มยา Retinoic acid หรือ ครีมที่มีส่วนผสมของ Retinol อยู่ก่อนแล้ว แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน เช่น หากคุณใช้ยาเรตินอลตอนกลางคืน ให้ใช้ Benzoyl peroxide ในตอนกลางวันแทน
- Tretinoin แบบทา
ผลิตภัณฑ์ยาทาภายนอกมักมาในรูปแบบเจลและครีม สามารถใช้รักษาได้ทั้งสิวอุดตันและ
สิวอักเสบ มีคุณสมบัติยับยั้งการอักเสบ และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนเพื่อกำจัดเซลล์ผิว
ที่ตายแล้ว โดยปกติ Tretinoin ทุกตัวทำให้เกิดการระคายเคือง และผิวบางลง ยา Retinoids
ประสิทธิภาพจะลดลงเมื่อถูกแสงแดด
แนะนำให้ใช้ยา Tretinoin ในช่วงก่อนนอน
- Sulfur
ซัลเฟอร์ หรือ กำมะถัน มักจะถูกผสมไปกับสารตัวอื่นๆที่ใช้รักษาสิว ซัลเฟอร์มีคุณสมบัติในการดูดซับความมันและสิ่งสกปรก สามารถยับยั้งการก่อตัวของกรดไขมันอิสระ จึงนิยมนำมาใช้รักษาสิวอักเสบ เพราะช่วยดูดซับไขมันและสิ่งสกปรกที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนได้
คำแนะนำ ไม่ควรใช้ในขณะที่ผิวหนังมีอาการไหม้จากแสงแดด หรือผิวแห้งลอก ซัลเฟอร์มีผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรง หากใช้ยาแล้วมีอาการระคายเคืองรุนแรง ควรไปพบแพทย์โดยด่วน
- Topical Antibiotics
Topical Antibiotics เป็นยาปฏิชีวนะแพทย์ส่วนใหญ่มักใช้ยาปฏิชีวนะชนิดทาในการรักษาสิว และนิยมใช้ยาปฏิชีวนะสูตรผสมร่วมกับ Benzoyl Peroxide เพื่อลดอาการดื้อยาลง เนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะตัวเดียวสามารถทำให้เกิดอาการดื้อยาได้ เมื่อใช้ยาไปสักระยะหนึ่ง ในการรักษาสิวจึงนิยมใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาชนิดอื่น
แผ่นดูดสิว
แผ่นดูดสิวกลายเป็นตัวช่วยในการรักษาสิว ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน นอกจากจะใช้งานง่ายสะดวก แล้วยังช่วยกลบสิวช่วยให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้นด้วย
ประโยชน์ของแผ่นดูดสิว นอกจากจะช่วยดูดซับของเหลวหรือหนอง ออกมาจากสิวทำให้สิวแห้งได้ง่ายขึ้น ยังช่วยลดอาการอักเสบ ลดการระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้น และป้องกันไม่ให้มือไปสัมผัสกับผิวโดยตรง ช่วยลดการติดเชื้อจากสิ่งสกปรกได้ดี แผ่นดูดสิวสามารถใช้รักษาได้เพียงผิวหนังบริเวณชั้นบนเท่านั้น ซึ่งเหมาะกับการใช้รักษาสิวหัวหนอง ที่เป็นอาการอักเสบตื้นๆบนชั้นผิวหนัง
สามารถเลือกใช้แผ่นดูดสิวได้ตามความรุนแรงของอาการ โดยมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ แผ่นดูดสิวชนิดมียารักษาในตัว (Medicated), แผ่นดูดสิวชนิดไม่มียารักษาในตัว (Non-Medicated) และแผ่นดูดสิวชนิดหัวเข็มละลายหัวสิว (Microneedle)
การรักษาสิวหัวหนอง ด้วยแสงและเลเซอร์ (Phototherapy and Lasers)
การ รักษาสิว ด้วยแสงและเลเซอร์ เป็นวิธีการรักษาแบบใหม่ มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ และกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากให้ผลการรักษาที่ดีมาก ใช้เวลาน้อยกว่า และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยา การรักษาด้วยเลเซอร์สามารถฆ่าเชื้อ C.acne และลดการอักเสบของสิวได้ นอกจากนี้เลเซอร์ยังสามารถรักษารอยหลุมสิว รอยแดง รอยดำที่เกิดจากสิวได้ เลเซอร์ที่ใช้รักษาสิวในปัจจุบัน มีดังนี้
- Pulsed dye laser 595 nm (vBeam)
- Copper – Bromide laser 578 nm (Dual Yellow)
- Diode laser 1450 nm
- Long-pulse Nd:YAG laser 1064 nm
- Er:Glass laser 1550 nm
ทั้งนี้ แสงและเลเซอร์แต่ละประเภท มีคุณสมบัติออกฤทธิ์ในการรักษาที่แตกต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกประเภทของเลเซอร์ในการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ปรึกษาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ
เพราะสิวหัวหนองมีลักษณะหัวสีขาวด้านบน ทำให้หลายคน เมื่อเห็นแล้วรู้สึกอยากบีบ จับ แคะ แกะ แต่สิวหัวหนองไม่ควรบีบหรือกดสิวด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบ และอาจทำให้เกิดการลุกลามไปมากกว่าเดิม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เช่ียวชาญด้านผิวหนัง เพื่อหาวิธีรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สำหรับคนที่ไม่สะดวกในการเดินทางออกไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาสิว ด้วยเหตุผลส่วนตัวต่างๆ เดี๋ยวนี้สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เช่ียวชาญผ่านแอป SkinX ที่รวบรวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังกว่า 210 คน สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android เพียงแค่นี้ ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็สามารถปรึกษาได้ เพียงคลิกเดียว ที่สำคัญปรึกษาก่อน จ่ายทีหลัง สามารถรู้ค่าใช้จ่ายได้ก่อนเริ่มหาหมอ
อ่านต่อได้ในบทความ : วิธีการรักษาสิว ดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวหนอง
รักษาความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี
ขั้นตอนแรกของการทำความสะอาด คือ การใช้คลีนเซอร์สำหรับเช็ดเครื่องสำอาง ควรใช้สำลีเช็ดเครื่องสำอางให้หมดจนไม่เหลือคราบ ใช้โฟมล้างหน้าหรือผลิตภัณฑ์รักษาความสะอาดสำหรับคนที่เป็นสิวโดยเฉพาะ ควรทำความสะอาดผิวหน้าทุกวัน แม้จะไม่ได้แต่งหน้า เพราะบนใบหน้ามักจะมีความไขมันและฝุ่นละอองที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอยู่แล้ว
ใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมัน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุบนฉลากว่า ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งจนเกิดไปเพื่อให้ผิวยังคงสมดุลและแข็งแรง
หลีกเลี่ยงการบีบ กดสิวหัวหนองด้วยตัวเอง
ไม่ควรบีบและกดสิวหัวหนองด้วยตัวเอง อาจจะเป็นการทำให้สิวอักเสบ และลุกลามมากกว่าเดิม ที่สำคัญเมื่อหายแล้วยังมีโอกาสที่จะทิ้งรอยสิวไว้หลังจากหาย เพราะฉะนั้นไม่แนะนำให้กดและบีบสิวด้วยตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
คำถามที่พบบ่อยในสิวหัวหนอง
สิวหัวหนอง หายเองได้ไหม ?
สิวหัวหนอง ไม่สามารถหายได้เองโดยธรรมชาติ การปล่อยให้สิวหัวหนองหายไปเอง อาจจะมีเชื้อหลงเหลืออยู่ และมีโอกาสทำให้เกิดสิวอักเสบซ้ำ สำหรับสิวหัวหนองแนะนำปรึกษาแพทย์ผู้เช่ียวชาญ เพื่อรักษาอย่างถูกวิธี ไม่ปล่อยทิ้งไว้ เพราะการปล่อยทิ้งไว้มีโอกาสเกิดซ้ำ และเกิดการอักเสบรุนแรงมากกว่าเดิม
สิวหัวหนองควรบีบไหม ?
กับคำถามที่พบบ่อย สิวหัวหนองบีบได้ไหม จริงๆแล้ว สิวหัวหนอง “ไม่ควรบีบ” ด้วยตัวเอง การบีบสิวหัวหนองด้วยตัวเองถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบรุนแรงมากกว่าเดิม และอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียลุกลามไปยังจุดอื่นๆในบริเวณใกล้เคียง เกิดสิวหัวหนองขึ้นเพิ่มด้วย แนะนำให้รักษาตามวิธีที่แนะนำไปข้างต้น เพื่อการรักษาสิวหัวหนองอย่างถูกต้อง และยังลดโอกาสของการเกิดรอยสิวจากการบีบ แกะ แคะ อีกด้วย
สรุป
สาเหตุการเกิด สิวหัวหนอง คือ เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่เต็มไปด้วยน้ำมัน เชื้อแบคทีเรีย และเซลล์ผิวที่ตาย และ สิวหัวหนองที่เกิดจากสิวอุดตันที่ถูกรบกวนจากการบีบ แกะ แคะ ทำให้เชื้อแบคทีเรีย สิ่งสกปรกเข้าไปในชั้นผิวหนัง และเกิดการติดเชื้อจนอักเสบ และกลายเป็นสิวหัวหนองในที่สุด ทั้งนี้สิวหัวหนองไม่ควรบีบด้วยตนเอง เพราะอาจจะทำให้หนองแตก และแพร่กระจายทำให้เกิดสิวอักเสบบริเวณใกล้เคียงได้ วิธีรักษาสิวหัวหนองที่ดีที่สุดคือการไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และเลือกวิธีรักษาที่ดีที่สุด
สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปพบแพทย์ด้วยตนเอง สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น SkinX เพื่อปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง ทางออนไลน์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลถึงคลินิกหรือโรงพยาบาล ไม่ว่าตัวคุณอยู่ไหนก็สามารถปรึกษาได้ทันที เพราะผิวดี ไม่จำเป็นต้องรอ!
บทความนี้ได้รับการตรวจความถูกต้องของเนื้อหาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังแล้ว
แหล่งข้อมูลอ้างอิงจาก
Goh, C., Cheng, C., Agak, G., Zaenglein, A.L., Graber, E.M., Thiboutot, D.M., & Kim, J. (n.d.). Acneiform Disorders. Fitzpatrick’s Dermatology 9 TH Edition (1391-1404). McGraw-Hill Education.
Fletcher, J. (2019, May 31). What to know about pustules. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/325342
Smith, M. (2020, Aug 24). Pustules. WebMD.
https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/guide/pustules-facts
Kahn, A. (2019, July 31). What Causes Pustules?. Healthline.
https://www.healthline.com/health/pustules#_noHeaderPrefixedContent
Luke, M. (n.d.) Retin-A (trtimoin). Ortho Dermatological.
https://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2002/16921s21s22s25lbl.pdf