29 สิงหาคม 2565
สิวที่หน้าผาก กำลังบอกอะไรกับคุณ – SkinX
เป็นสิวที่หน้าผากกำลังบอกอะไรกับเราอยู่หรือเปล่า หากพูดตามหลักเทคนิคแพทย์แผนจีนโบราณ อาจจะมีความเป็นไปได้ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานหรือการวิจัยที่ชี้ชัดว่าการเป็นสิวที่หน้าผากบ่งบอกว่าคุณกำลังเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ในความเป็นจริง สิว สามารถเกิดได้ทุกที่บนร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น หน้าผาก แก้ม จมูก คาง หน้าอก และแผ่นหลัง โดยบริเวณใบหน้ามักเป็นบริเวณที่พบสิวบ่อยที่สุด และมีขนาดใหญ่ เนื่องจากเพราะเป็นจุดที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุของการอุดตันและทำให้เกิดสิว
สำหรับคนที่เป็นสิวที่หน้าผากไม่หายสักที อย่าเพิ่งกังวลไปว่าคุณกำลังเป็นโรคร้ายแรง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับสิวที่หน้าผากมากขึ้น สิวที่หน้าผากเกิดจากอะไร พร้อมบอกวิธีรักษาสิวที่หน้าผากให้หายขาด ไม่กลับมากวนใจคุณอีกต่อไป ลองมาหาคำตอบไปพร้อมกันกับ SkinX
สิวที่หน้าผาก เกิดจากอะไร
ทำไมถึงเป็นสิวที่หน้าผาก สิวที่คิ้ว สาเหตุหลักของการเกิดสิวบริเวณใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าผากหรือคิ้ว มักมาจากการที่ต่อมไขมัน (Sebaceous) ที่ผลิตไขมัน (Sebum) ออกมามากเกินไปเมื่อน้ำมัน เซลล์ผิวที่ตาย และแบคทีเรีย เกิดการอุดตันภายในรูขุมขนก็ทำให้กลายเป็นสิวในที่สุด นอกจากนี้ บริเวณหน้าผากยังเป็นบริเวณที่สัมผัสกับฝุ่นละออง แสงแดด และสิ่งสกปรก ที่มักมาจากการสัมผัสใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
จากการสำรวจนักเรียนชาย ระดับชั้นมัธยมปลาย 160 คน ที่ประเทศสิงคโปร์ ระดับความเครียดสามารถทำให้เกิดสิวหรือสิวมีอาการแย่ลงกว่าเดิม และจากการสำรวจจาก Acta Dermato พบว่าคนที่ตื่นนอนด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย มีโอกาสเกิดสิวมากกว่าคนที่ตื่นนอนด้วยความรู้สึก สดชื่น แจ่มใส จากที่ได้กล่าวมา สามารถสรุปได้ว่า ระดับความเครียดและการนอนหลับพักผ่อนมีผลต่ออัตราการเกิดสิว
นอกจากสาเหตุที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอย่างอื่นที่ทำเป็นตัวกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินความจำเป็น และเกิดสิวที่หน้าผาก ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิว มีดังนี้
- ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงกำลังมีประจำเดือน หรือผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ฮอร์โมนจะมีการเปลี่ยนแปลง จึงเป็นเรื่องปกติที่สิวจะขึ้นได้ง่าย เพราะระดับฮอร์โมนกำลังมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน
- การใช้ยาบางชนิด
ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่สามารถทำให้สิวที่หน้าผากขึ้นได้ เช่น ยาที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์บางชนิด , ยาชักบางชนิดAnticonvulsants , Barbiturates , Cortisone , Isoniazid และ Lithium
- ผลิตภัณฑ์ใส่บำรุงผมทำความสะอาดเส้นผม จัดแต่งทรงผม และทำความสะอาดผม
ผลิตภัณฑ์ใส่บำรุงผม จัดแต่งทรงผม และทำความสะอาดเส้นผมบางชนิด ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น mineral oil เมื่อใช้แล้วทำให้เส้นผมมีความมันมากเกินไป เมื่อความมันบนเส้นผมสัมผัสกับหน้าผาก ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและเกิดสิวที่หน้าผาก และไรผม เรียกว่า Pomade
- เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน และก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน นอกจากนี้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยให้ผิวหน้าแข็งแรง ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และเหมาะกับสภาพของสิวแต่ละคน เมื่อผิวแข็งแรงจะช่วยทำให้อัตราการเกิดสิวที่หน้าผากลดลง
- แสงแดด เหงื่อ ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรก
แสงแดดถือเป็นปัจจัยหลักที่สามารถทำให้สิวผดขึ้นที่หน้าผากได้ นอกจากแสงแดดแล้ว เหงื่อฝุ่นละออง และสิ่งสกปรก ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิวที่หน้าผาก เมื่อเหงื่อ ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรก สัมผัสกับหน้าผาก ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันของสิ่งสกปรก ซีบัม และเซลล์ผิวที่ตาย จนเกิดสิวที่หน้าผาก นอกจากนี้มือของเราที่ไม่สะอาดยังสัมผัสกับใบหน้าซ้ำๆ เป็นร้อยครั้งต่อวันโดยที่เราไม่รู้ตัว ทำให้เกิดเป็นสิวที่หน้าผาก
- ความเครียด
ความเครียดนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นกระบวนการเกิดสิว เมื่อเกิดความเครียดร่างกายของ
มนุษย์จะผลิตฮอร์โมนที่มีผลต่อการทำงานของต่อมไขมัน เช่น ฮอร์โมนคอร์ติโซล (Cortisol), แอนโดรเจน (Androgens), นูโรเปปไทด์ (Neuropeptides) และ ไซโตคินส์ (Cytokines) เป็นต้น และนอกจากความเครียดจะกระตุ้นกระบวนการเกิดสิวแล้ว ความเครียดยังส่งผลให้อาการและความรุนแรงของสิวแย่ลงด้วย
แยกประเภทสิวให้ออก สิวขึ้นที่หน้าผาก มีกี่ประเภท
สิวสามารถขึ้นได้ทุกส่วนบนร่างกาย ที่มีต่อมไขมัน ส่วนใหญ่มักขึ้นบริเวณใบหน้า หัวไหล่ คอ หน้าอก และหลัง สิวที่หน้าผาก มีดังนี้
สิวอุดตันที่หน้าผาก
สิวอุดตัน หรือ Comedones เป็นสิวไม่อักเสบประเภทหนึ่ง เกิดจากการสะสมของเคราติน Sebum และแบคทีเรียในรูขุมขน เมื่อไม่สามารถหาทางออกได้ จนทำให้เกิดการอุดตันภายในรูขุมขน และกลายเป็นสิวอุดตันที่หน้าผากในที่สุด สิวอุดตันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- สิวอุดตันหัวดำ (Blackheads)
สิวอุดตันหัวดำ หรือ สิวอุดตันหัวเปิด เกิดจากอุดตันของชั้นผิวหนังบริเวณตื้นๆ ลักษณะหัวสิวของสิวอุดตันหัวดำ จะเห็นหัวสิวเป็นสีขาวเหลืองในช่วงแรก เป็นสีของเคราตินและไขมัน แต่เมื่อหัวสิวสัมผัสกับอากาศและสิ่งสกปรกไปสักระยะหนึ่ง หัวสิวจะกลายเป็นสีดำ เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกขรุขระ ผิวไม่เรียบเนียน
- สิวอุดตันหัวขาว (Whiteheads)
หรือที่เรียกอีกชื่อคือ สิวอุดตันหัวปิด สิวอุดตันหัวขาวเกิดจากการอุดตันภายในรูขุมขน ของเคราติน sebum และแบคทีเรีย เมื่อเกาะตัวกันจนเกิดเป็นถุงภายในรูขุมขน เรียกว่า “cystic space” สิวอุดตันหัวขาวหากปล่อยไว้ไม่รักษา สามารถพัฒนาเป็น สิวอักเสบ ได้ สิวอุดตันหัวขาวมีลักษณะเป็นสิวเม็ดเล็กๆ ไม่สามารถมองเห็นสิวได้ แต่เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกเป็นตุ่มนูนขึ้นมา
สิวอักเสบที่หน้าผาก
สิวอักเสบ หรือ Inflammatory Ance เกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซีบัม และแบคทีเรีย ภายในรูขุมขน นอกจากนี้เชื้อแบคทีเรีย C.acne ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวอักเสบที่หน้าผากได้เช่นเดียวกัน สิวอักเสบสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ
- Papuls
สิวตุ่มแดง หรือที่หลายคนสงสัยว่า “สิวขึ้นหน้าผากไม่มีหัว” คือสิวอะไร จริงๆแล้วคือ Papuls สิวอักเสบชนิดนี้ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและการอุดตันรูขุมขน หรือ เกิดจากสิวอุดตันที่ถูกรบกวนจากการบีบ แกะ แคะ จนทำให้สิ่งสกปรกสามารถเข้าไปในชั้นผิวหนัง และกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงขนาดเล็ก ไม่มีหัวหรือหนอง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกนูนๆ เหมือนไตแข็งๆ และเมื่อสัมผัสรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เนื่องจากเป็นการอักเสบที่ผิวชั้นบน
- Pustule
สิวหัวหนอง สาเหตุการเกิดของ Pustule มีสาเหตุเหมือนกับ Papue เพียงแค่สิวหัวหนองจะต้องมีการติดเชื้อไปสักระยะหนึ่งก่อนจนทำให้เกิดหนองขึ้นมา มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงบริเวณฐาน และมีหนองสีขาวเหลืองตรงกลาง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
- Nodule
สิวหัวช้างหรือสิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ เป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรงมาก เกิดจากติดเชื้อของแบคทีเรียในบริเวณชั้นผิวหนังที่มีความลึกกว่าปกติ ทำให้มีการอักเสบมากกว่า Papule และ Pustule สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงขนาดใหญ่ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเป็นก้อนแข็งๆขนาดใหญ่ ไม่มีหัวหรือหนอง และรู้สึกเจ็บปวดเมื่อสัมผัส
- Nodulocystic
สิวอักเสบรุนแรง เป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรงมากที่สุด เกิดจากการอักเสบระดับรุนแรงที่ชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งเป็นบริเวณชั้นผิวหนังที่อยู่ลึกลงไป มีลักษณะเป็นตุ่มขนาดใหญ่ เหมือนมีของเหลวขังอยู่ข้างในชั้นผิวหนัง มีทั้งสีแดงชมพูและสีเหมือนกับสีผิวมีหัวสิวหรือหนองอยู่ใต้ผิวหนัง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก สิวอักเสบชนิดนี้รักษายากที่สุด เพราะเกิดในชั้นผิวหนังที่ลึก
ทั้งนี้สิวอักเสบที่หน้าผากไม่ควรบีบหรือกดด้วยตัวเอง เพราะจะยิ่งทำให้อาการอักเสบรุนแรงมากกว่าเดิม และอาจจะทำให้เกิดการลุกลามบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้การกดสิว หรือ บีบสิวด้วยตัวเอง ยังทำให้เกิดรอยดำ หรือ รอยแผลเป็นจากการกดสิวได้ด้วย
สิวผดที่หน้าผาก
สิวผด หรือ Acne Aestivalis สาเหตุหลักของสิวผดที่หน้าผากเกิดจาก แสงแดด รังสี UVA ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรก หน้าผากเป็นบริเวณที่มักจะถูกรบกวนจากแสงแดด และ รังสี UVA ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดเป็นผดผื่นเม็ดเล็กๆ สิวผดมีลักษณะคล้ายกับสิวอุดตันหัวปิด (Whiteheads) บางครั้งเป็นตุ่มสีแดงคล้ายกับสิวอักเสบ มักจะขึ้นเป็นผดผื่นเม็ดเล็กๆจำนวนมากในบริเวณใกล้เคียงกัน ส่วนมากจะไม่มีหัวสิว เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกแข็งๆ ผิวไม่เรียบเนียน
วิธีรักษาสิวที่หน้าผาก กู้ความมั่นใจของคุณกลับมา
สำหรับคนที่เป็นสิวที่หน้าผาก คงสงสัยว่าเป็นสิวที่หน้าผากใช้อะไรดี มีครีมลดสิวที่หน้าผากไหม ? วิธีรักษาสิวที่หน้าผาก ให้หน้าผากกลับมาเรียบเนียน มีดังนี้
- การใช้ยารักษาสิวที่หน้าผาก
วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่เป็นสิวที่หน้าผาก ที่มีอาการรุนแรงเล็กน้อยถึงปานกลาง โดย
คุณสามารถซื้อยาบางชนิดได้ที่ร้านขายยาทั่วไป ยาบางชนิดจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ และให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่ายยาเพียงเท่านั้น ยารักษาสิวที่หน้าผาก มีดังนี้
1.Benzoyl Peroxide
มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว นอกจากนี้ เชื้อแบคทีเรียไม่สามารถพัฒนาตัวเองเพื่อต่อต้าน Benzoyl Peroxide ได้ จึงไม่เกิดอาการดื้อยาเหมือนยาปฏิชีวนะ ยาชนิดนี้จึงเป็นที่นิยมในการใช้รักษาสิว
2.Salicylic Acid
กรดธรรมชาติที่ช่วยลดการอุดตัน และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย นิยมนำมาใช้รักษาสิวอุดตัน
เพราะสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ Keratinocyte เกาะตัวกันน้อยลง ลดการอุดตัน
ในรูขุมขน แต่ Salicylic Scid มีผลข้างเคียง คือ สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณที่ใช้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและสภาพผิวของผู้ใช้แต่ละคน
3.Retinoids
ยาในกลุ่มอนุพันธ์กรดวิตามินเอง ช่วยลดการอุดตันและสามารถต้านอาการการอักเสบได้ นิยมใช้รักษาทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ แต่ข้อเสียของยาชนิดนี้คือมีผลข้างเคียง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวบางลง และไวต่อแสงมากขึ้น สำหรับผู้ใช้ยา Retinoilds รักษาสิวที่หน้าผาก ควรทาก่อนนอนเท่านั้น และควรทาครีมกันแดดทุกวัน
4.Topical Antibiotics
ยาปฏิชีวนะชนิดทาที่ใช้เพื่อรักษาสิว ได้แก่ Erythromycin, Clindamcin และ Metronidazole ส่วนใหญ่ในการรักษาสิวมักใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับ Benzoly Peroxide หรือยาทาในกลุ่มกรดอนุพันธ์วิตามินเอ เพื่อรักษาสิว เพื่อลดอาการดื้อยาลง
5.ยาคุมชนิดรับประทานกำเนิด
ส่วนใหญ่มักใช้รักษาสิวในเพศหญิง เนื่องจากเป็นยาที่มีผลกับระดับฮอร์โมนในร่างกาย สำหรับผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาสิวที่หน้าผาก แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากมีผลข้างเคียงและมีผลกับระดับยาตัวอื่นๆ ที่รับประทานร่วมด้วย และไม่ใช่ยารับประทานเพื่อคุมกำเนิดทุกตัวจะได้ผลดีกับสิว
ทั้งนี้ ยาในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอชนิดรับประทานจัดเป็นยาควบคุมพิเศษอันตราย ต้องให้แพทย์เป็นคนสั่งยาเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตั้งครรภ์ระหว่างรับประทานยามีโอกาสสูงที่จะมีทารกพิการตั้งแต่ในครรภ์ และทุกครั้งก่อนใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- การแปะแผ่นดูดสิว
สำหรับคนที่เป็นสิวที่หน้าผากและสิวอักเสบหัวหนอง สามารถใช้แผ่นดูดสิวเพื่อช่วยในการรักษา โดยแผ่นดูดสิวสามารถดูดเอาหนอง ของเหลว หรือไขมันส่วนเกินออกมาจากชั้นผิวหนังได้ ช่วยทำให้สิวหัวหนองแห้งง่ายขึ้น และยังช่วยป้องกันการนำมือไปสัมผัสสิวโดยไม่ตั้งใจ ลดอัตราการติดเชื้อแบคทีเรียลง
การแปะแผ่นดูดสิว เหมาะสำหรับสิวหัวหนอง หรือสิวอักเสบในบริเวณชั้นผิวหนังตื้นๆเท่านั้น หากเป็นสิวตุ่มนูนแดงขนาดใหญ่ (Nodule) หรือ สิวหัวช้าง (Nodulocystic) จะไม่สามารถใช้แผ่นดูดสิวรักษาได้ เนื่องจากมีการอักเสบที่อยู่บริเวณชั้นผิวหนังที่ลึกลงไป
- การกดสิว
การรักษาสิวที่หน้าผากด้วยวิธี “การกดสิว หรือ Comedone Extraction” เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เพราะช่วยให้หัวสิวหลุดออกมาทันทีหลังจากกด แต่วิธีนี้สามารถทำได้เฉพาะกับสิวประเภทสิวอุดตันเท่านั้น และยังเป็นวิธีที่รักษาสิวที่หน้าผากจากปลายเหตุ ไม่ได้ช่วยลดสาเหตุของการเกิดสิวแต่อย่างใด
นอกจากนี้การกดสิว หากกดไม่ถูกวิธีอาจจะทำให้เกิดรอยดำ รอยแผล และเกิดการอักเสบจนทำให้สิวอุดตันกลายเป็นสิวอักเสบเป็นได้ แพทย์ส่วนใหญ่มักใช้วิธีกดสิวที่หน้าผากควบคุมไปกับวิธีรักษาแบบอื่นด้วย เช่น การทายาภายนอกเพื่อลดรอย หรือการรับประทานยา ควรหลีกเลี่ยงการกดสิวอักเสบ สิวผด หรือสิวอุดตันที่อยู่ใกล้สิวอักเสบ และไม่ควรกดสิวให้กับผู้สูงอายุ และผู้ใช้ยาที่มีส่วนผสมของสารเตียรอยด์
- เลเซอร์รักษาสิวและรอยสิวที่หน้าผาก
วิธีรักษา รอยสิว สิวที่หน้าผากด้วยเลเซอร์ ในปัจจุบันเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม สามารถช่วยให้สิวยุบเร็ว รอยแดงจางลงเร็ว และ ลดโอกาสการเกิดรอยดำ รอยแดง ปัจจุบันการรักษาสิวที่หน้าด้วยเลเซอร์มีให้เลือกหลากหลาย ให้เหมาะกับปัญหาสิวของแต่ละคน เช่น
Photodynamic therapy (PDT) มีคุณสมบัติช่วยให้สิวอักเสบแห้งเร็วขึ้น อาศัยกลไกการกำจัดเชื้อแบคทีเรียโดยทางตรงและทางอ้อม และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของต่อมไขมัน ใช้แสงกระตุ้นทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีต่อสารก่อภาวะไวแสง โดย Cutibacterium acnes (C.acnes) สร้างสารชื่อ porphyrins มีคุณสมบัติเป็นสารก่อภาวะไวแสง (endogenous photosensitizer)
ซึ่งสารนี้สามารถดูดซับแสงที่มีความยาวคลื่นใกล้รังสีอัลตราไวโอเลตและแสงสีฟ้า ประมาณ 400 นาโนเมตร การที่เซลล์แบคทีเรียได้รับพลังงานที่สูงมากๆ เชื้อจะตายไปจากการสร้าง singlet oxygen และสารอนุมูลอิสระทำให้เซลล์ถูกทำลาย
1.Copper-Bromider laser 578nm (Dual Yellow) มีคุณสมบัติช่วยให้รอยแดงจางลง และรักษาสิวอักเสบได้
2.Long pulse diode laser เลเซอร์ไดโอทที่ให้กำเนิดพลังงานคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่น 1450nm ซึ่งความยาวช่วงคลื่นนี้จะถูกดูดซึมได้ดีโดยไขมัน และ น้ำใต้ผิวหนัง จึงมีคุณสมบัติในการรักษาสิวอักเสบ ที่สำคัญเลเซอร์ชนิดนี้ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังการรักษา
3.Pulse dye laser 595nm (vBeam) เลเซอร์ชนิดนี้สามารถลดการอักเสบของสิวรักสิวอักเสบ และช่วยลดรอยแดงที่เกิดจากการรักษา
4.1726 nm laser (Aviclear) เป็นเลเซอร์ล่าสุดที่ได้รับการรับรองจาก USFDA สามารถยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยลดอัตราการเกิดสิวลง
- ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง
ในกรณี สิวที่หน้าผากมีความรุนแรงและมีจำนวนมาก แนะนำ ให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเพื่อหาสาเหตุของการเกิดสิว และแก้ไขให้ตรงกับสาเหตุมากที่สุด นอกจากนี้ การไปพบแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง ยังช่วยทำให้เวลาในการ รักษาสิว สั้นที่สุด และไม่ทิ้งรอยดำหลังจากที่สิวหาย
สำหรับคนที่คิดว่าการไปปรึกษาแพทย์นั้นยุ่งยาก เสียเวลาทั้งวัน และยังไม่ทราบว่าควรไปรึกษาที่ไหนดี ปัจจุบันมีแอป SkinX ที่รวบรวมแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังกว่า 210 คน จากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ มาให้คำปรึกษากับคุณ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเดินทางให้เสียเวลา ยุ่งยากอีกต่อไป เพียงคุณมีโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ก็สามารถปรึกษาปัญหาสิวได้ทันที ไม่ว่าจะอยู่ไหน!
การป้องกันสิวบนหน้าผาก
- รักษาความสะอาด
ความสะอาดไม่ได้หมายถึงเพียงบริเวณใบหน้า หรือหน้าผากเท่านั้น แต่หมายถึง เส้นผม ใบหน้า และเครื่องประดับ เช่น หมวก ปลอกหมอน หรือ ที่คาดผม การรักษาความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสิวที่หน้าผาก เช่น เส้นผมที่มีความมันและสิ่งสกปรก เนื่องจากการไม่ได้สระผมเป็นเวลาหลายวัน เมื่อเส้นผมสัมผัสกับบริเวณหน้าผากที่มีต่อมไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกและไขมันในรูขุมขน จนกลายเป็นสิวในที่สุด
- ห้ามแคะ แกะ บีบ หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณหน้าผาก
การแคะ แกะ บีบ หรือการสัมผัสที่หน้าผาก ล้วนเป็นการกระทำที่กระตุ้นให้เกิดสิว นอกจากนี้สำหรับคนที่เป็นสิวอยู่แล้วยังถือเป็นการกระตุ้นให้สิวมีอาการที่แย่ลงกว่าเดิม และอาจทำให้เกิดการลุกลามของสิวในบริเวณใกล้เคียง เช่น สิวที่คิ้ว สิวที่ขมับได้
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว
ผลิตภัณฑ์สำหรับคนเป็นสิวที่หน้าผาก ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และไม่ก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ไม่ควรมี แอลกอฮอล์ พาราเบน และน้ำหอมในส่วนผสม เพราะจะทำให้เกิดสิวได้ เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ความชุ่มชื้น และช่วยทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง
- ปรับพฤติกรรมชีวิตประจำวัน
พฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่างเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความมันบนใบหน้า และก่อให้เกิดสิวที่หน้าผาก นอกจากการรักษาความสะอาดแล้ว ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย ไม่เอามือสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ และทานอาหารที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ความเครียดยังเป็นอีกนึกสาเหตุของการเกิดสิว ควรหากิจกรรมที่ช่วยให้คุณขจัดความเครียดที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว
สรุป
สิวสามารถเกิดได้ทุกที่บนผิวที่มีต่อมไขมันทั่วร่างกาย การที่เป็นสิวที่หน้าผาก ไม่ได้บ่งบอกว่าคุณกำลังเป็นโรคร้ายแรง เพียงแต่บริเวณหน้าผากมีต่อมไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก และหน้าผากมักเป็นบริเวณที่สิ่งสกปรกสัมผัสได้ง่าย เมื่อไขมันรวมเข้ากับสิ่งสกปรก จึงก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน และเกิดเป็นสิวในที่สุด
ทางที่ดีที่สุดในการรักษาสิวที่หน้าผากคือ การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่หน้าผาก และการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังยังช่วยให้ระยะเวลาการรักษาสิวเร็วมากกว่าการรักษาด้วยตนเอง เพราะไม่รู้สาเหตุของการเกิดสิวที่หน้าผากที่แท้จริง
แหล่งอ้างอิงข้อมูลบางส่วน
Goh, C., Cheng, C., Agak, G., Zaenglein, A.L., Graber, E.M., Thiboutot, D.M., & Kim, J. (n.d.). Acneiform Disorders. Fitzpatrick’s Dermatology 9 TH Edition (1391-1404). McGraw-Hill Education.
Rabach, M (2020, Jun 22). What That Acne Spot on Your Face Means, According to Science. Healthline. https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/pimple-acne-face-map
Sawyers, T. (2018, Aug 30). Acne on Your Temples. Healthline. https://www.healthline.com/health/acne-on-temples
Kandola, A. (2020, Jan 19). What causes forehead acne?. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/322130
