วิธีรักษาสิวผดแบบเร่งด่วน เผยใบหน้าขาวใสเรียบเนียนด้วยตัวเอง
สิวผด (Acne Aestivalis หรือ Acne Mallorca) เป็นหนึ่งในชนิดของสิว ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ปัญหาสิวผดยังคงเป็นปัญหาที่กวนใจใครหลาย ๆ คน ยิ่งในประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน ยิ่งทำให้มีโอกาสเกิดสิวผดเห่อขึ้นได้ง่าย แม้ว่าจะไม่ใช่สิวเม็ดใหญ่แต่สิวผดก็ยังคงเป็นตัวทำลายความมั่นใจของหลาย ๆ คนได้
ส่วนใหญ่แล้วบริเวณที่มักจะเกิดสิวผดจะเป็นบริเวณหน้าผาก แก้ม และคาง โดยสิวผดมีลักษณะคล้ายผดผื่นขนาดเล็ก มักขึ้นเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ จำนวนมากและไม่มีหัวสิว นอกจากสิวผดจะทำลายความมั่นใจแล้วยังทำให้ผู้ที่ผดขึ้นหน้ามีอาการแสบคันด้วย อีกทั้งหลายคนมักจะเจอปัญหาสิวผดในช่วงอากาศร้อน หรือในช่วงเวลากลางวันที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ซึ่งไม่ต้องแปลกใจเพราะแสงแดดและอากาศร้อนชื้น เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวผด
บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ “สิวผด” ปัญหาที่สร้างความรำคาญใจให้กับใครหลายคน ทั้งสาเหตุที่ทำให้เกิด บริเวณที่มักจะเกิดสิวผด รวมไปถึงวิธีรักษาสิวผดให้ถูกวิธี คุณสามารถหาคำตอบที่สงสัยเกี่ยวกับสิวผดได้ที่บทความนี้!
Key Takeaway
- สิวผดไม่ใช่สิว แต่เป็นตุ่มนูนที่ไม่มีหัว เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น แสงแดด, ฝุ่นละออง, เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ รวมถึงพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่เป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกบนใบหน้า
- สิวผดมักเกิดขึ้นบริเวณหน้าผาก คาง และแก้ม รวมถึงบริเวณใบหน้าที่มีการสะสมของความมัน
- สิวผดกับสิวอุดตันแตกต่างกัน เนื่องจากสิวผดเป็นสิวไม่มีหัว สามารถหายได้เอง และอาจมีอาการคันร่วมด้วย แต่สิวอุดตันมีหัว ต้องกดสิวเพื่อทำการรักษา แต่ไม่มีอาการเจ็บหรือคันบริเวณสิว
- วิธีรักษาสิวผดแบบธรรมชาติ เริ่มต้นจากการรักษาความสะอาด ไม่สัมผัสใบหน้าหากไม่จำเป็น เลี่ยงการใช้ยาแก้สิวผดที่มีสารระคายเคืองผิว และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
สิวผด หรือ สิวเม็ดเล็ก ๆ ไม่มีหัว คืออะไร
อย่างแรกอยากให้ทุกคนทำความเข้าใจใหม่ก่อนว่า สิวผด (Acne aestivalis หรือ Acne mallorca) ไม่ใช่ สิวอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะความจริงแล้ว สิวผดคือหนึ่งในผื่นที่เกิดจากแสงแดด (Polymorphous light eruption) และรังสี UVA
ลักษณะของสิวผด คือ บริเวณผิวหนังจะมีผดผื่นเม็ดเล็ก ๆ หรือตุ่มนูนขึ้นเป็นจำนวนมาก บริเวณที่เกิดสิวผดอาจจะมีตุ่มหรือผื่นสีแดงรอบ ๆ และบางคนก็อาจจะมีอาการคันร่วมด้วย เมื่อสัมผัสบริเวณสิวผดแล้วจะรู้สึกถึงตุ่มแข็ง ๆ เหมือนเม็ดทรายและผิวหน้าไม่เรียบเนียน ซึ่งสิวผดมีทั้งแบบสิวเม็ดเล็กไม่มีหัว และมีแบบเป็นตุ่มน้ำใส ๆ คล้ายกับการมีหนองอยู่ภายใน
ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่า สิวผดมักจะเกิดในช่วงเวลากลางวันที่มีอากาศร้อน หลังจากที่ผิวหนังสัมผัสกับฝุ่นละออง ทำให้สิวเห่อขึ้นมา และสิวผดอาจจะหายไปในช่วงเวลาตอนเย็นเมื่ออากาศมีอุณหภูมิลดลง โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผดมีหลายสาเหตุ มาลองหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลย!
สิวผดกับสิวอุดตันคือสิวชนิดเดียวกันหรือไม่? ในความเป็นจริงแล้ว สิวผดและสิวอุดตันมีความแตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้น ใครที่อยากรักษาสิวผดควรทำความเข้าใจปัญหาสิวที่คุณกำลังเจอก่อน เพื่อที่จะได้หาวิธีการรักษาใบหน้าที่เป็นสิวผดหรือสิวอุดตันอย่างถูกวิธีที่สุด
สิวผด กับ สิวอุดตัน ต่างกันอย่างไร
สิวผดมีสาเหตุการเกิดและวิธีรักษาแตกต่างกับสิวอุดตันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นสิวที่มีขนาดเล็กและเป็นตุ่มนูนเหมือนกัน แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกัน โดยเราสรุปความแตกต่างให้คร่าว ๆ ดังนี้
สิวผด
- มีลักษณะเป็นผดผื่นขนาดเล็ก อาจมีอาการเจ็บหรือคันร่วมด้วย
- มักเกิดขึ้นเมื่อสภาพอากาศร้อน และจะดีขึ้นในช่วงที่อุณหภูมิต่ำลง
- ไม่สามารถรักษาด้วยการกดสิว
- พบมากบริเวณหน้าผาก แก้ม และคาง
สิวอุดตัน
- มีลักษณะเป็นตุ่มอุดตันของไขมันขนาดเล็ก ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ไม่มีอาการเจ็บหรือคันบริเวณที่เป็นสิว
- เกิดจากการที่เซลล์ผิวหนังมีการผลิตน้ำมันมากเกินไป ไม่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ
- สามารถรักษาได้ด้วยการกดสิว
- พบมากทั่วใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณ T-zone
สิวผดเกิดจากอะไร สาเหตุที่ทำให้สิวผดขึ้น
แสงแดด
ต้นเหตุของสิวผดเกิดจากแสงแดด (Polymorphous light eruption) สิวผดนั้นถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นด้วยแสง UVA มีลักษณะเป็นผดเม็ดเล็ก ๆ คล้ายกับสิวไม่มีหัว แต่บางครั้งสิวผดก็มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็กคล้ายกับสิวอักเสบ โดยบริเวณที่ขึ้นมักเป็นบริเวณบนใบหน้า และมักเกิดตอนที่อากาศร้อนชื้น เหงื่อออกเยอะ
เชื้อรา P.ovale
นอกจากแสงแดดที่ทำให้เกิดสิวผดได้ ยังมีเชื้อราหรือยีสต์ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า P.ovale ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับต่อมไขมันบริเวณผิวหนังบนใบหน้า เช่น หน้าผาก, แก้ม, คาง และจมูก เมื่ออากาศร้อนต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันออกมา ซึ่งน้ำมันที่ออกมาจะกลายเป็นอาหารของ P.ovale ที่ไปกระตุ้นให้เกิดสิวอีกที
เชื้อ P.ovale โดยปกติจะอยู่บริเวณบนผิวหนังของเราอยู่แล้ว และมักมีจำนวนมากบริเวณ T-zone ที่มีความมัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ผิวเสียสมดุลจะทำให้เชื้อยีสต์มีการเติบโต และทำให้ต่อมรูขุมขนอักเสบ สาเหตุนี้จึงทำให้เกิดสิวผดขึ้นเป็นจำนวนมาก
ผิวอ่อนแอ
สิวผดเกิดจาก Skin Barrier หรือเกราะปกป้องผิวอ่อนแอลง ซึ่งเกราะป้องกันผิวมีหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว และป้องกันไม่ให้ปัจจัยภายนอกเข้ามาทำอันตรายต่อผิวของเรา เมื่อเกราะปกป้องผิวอ่อนแอลง จึงทำให้ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายเกิดปัญหาผิวตามมาได้ง่ายขึ้น เช่น ผิวแห้ง สิว หรือผื่น
สภาพอากาศ
สภาพอากาศที่ร้อนจัดหรืออากาศที่ร้อนชื้น จะทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมาก เมื่อร่างกายขับเหงื่อออกมา ผิวหนังจะมีความชื้น และเมื่อผิวหนังมาเจอกับแสงแดดที่ร้อนจัด จึงทำให้ผิวหนังของเราเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและฝุ่นละออง รวมถึงเกิดการอุดตันและเป็นสิวผดในที่สุด
ฝุ่น PM 2.5
เชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ในอากาศ อาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ จนเป็นเหตุทำให้เกิดสิวผดบนใบหน้าได้ สำหรับใครที่เป็นสิวผดที่แก้ม แนะนำให้เปลี่ยนแผ่นหน้ากากอนามัยบ่อย ๆ และไม่ควรใส่หน้ากากอนามัยซ้ำ เพราะอาจทำให้เชื้อโรคเกิดการสะสม และเป็นต้นตอของการเกิดสิวผดที่มีอาการคันได้
การแพ้และระคายเคืองของผิวหนัง
สิวผดเกิดจากการแพ้เครื่องสำอาง หรือ Skin care ที่สัมผัสกับผิวหน้า เช่น โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ เซรั่ม ที่มีส่วนผสมของสารกันเสียหรือน้ำหอมที่มีค่า Ph ไม่เหมาะสม ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้เกิดสิวเม็ดเล็ก ๆ ที่ไม่มีหัวได้
พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
การล้างหน้าบ่อย ๆ หรือการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวเสียสมดุลและต่อมไขมันทำงานหนักขึ้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้ผิวมีความแห้งกร้านและเกิดสิวผดได้ในที่สุด นอกจากนี้การใส่หน้ากากอนามัย การที่ใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสกับใบหน้า ความเครียด รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุของการเกิดสิวผดเช่นกัน
วิธีรักษาสิวผด ให้หน้ากลับมาเนียนใส
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่าสิวผดไม่ใช่สิว แต่เป็นปัญหาผิวหนังที่เกิดจากการอักเสบของแสงแดดและ UVA ซึ่งวิธีป้องกันสิวผดนั้นต่างจากสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบชนิดอื่น ๆ สำหรับใครที่มีสิวผดที่หน้าผากควรหาวิธีรักษาสิวผดอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิวหลังการรักษาในอนาคต
วิธีรักษาสิวผดแบบธรรมชาติเป็นวิธีป้องกันสิวผดเบื้องต้น และเป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ เพราะวิธีการต่อไปนี้ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ถือว่าเป็นวิธีที่ท้าทายพอสมควร เพราะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ เพื่อให้สิวผดลดลง
1. หลีกเลี่ยงแสงแดด
เพราะแสงแดด และรังสี UVA เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสิวผด หากหลีกเลี่ยงแสงแดดไม่ได้แนะนำให้พกร่ม และใส่หมวก เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดและหมั่นทาครีมกันแดดที่มีค่า spf อย่างน้อย 50 PA+++ เป็นประจำทุกวันก่อนออกจากบ้าน
2. ล้างหน้าให้ถูกวิธี
ไม่ควรล้างหน้าบ่อย ๆ แต่ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง และหลีกเลี่ยงการขัด ถู นวดหน้าแรง ๆ เพราะอาจทำให้ใบหน้าเกิดการระคายเคืองและอักเสบได้ แนะนำให้งดใช้คลีนซิ่ง และโฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยควบคุมความมันบนผิวหนังไปก่อน เพราะตอนนี้ผิวหน้าที่เป็นสิวผดของคุณกำลังขาดความชุ่ม
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ นวด ขัดบริเวณใบหน้า
ถือเป็นการรบกวนผิวบริเวณที่เกิดสิวผดจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้ไปกระตุ้นให้เกิดสิวผดมากกว่าเดิม ที่สำคัญการสัมผัสใบหน้าด้วยมือถือเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคและสิ่งสกปรก เมื่อสัมผัสกับใบหน้าแล้วอาจจะทำให้สิ่งสกปรกเข้าสู่ผิวหนัง จากตอนแรกที่เป็นเพียงสิวผดอาจจะกลายเป็นสิวอักเสบได้
4. ทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรรับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อเสริมแร่ธาตุให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอต่อวัน และควรเสริมแร่ธาตุอย่างสังกะสี (Zinc) เพื่อช่วยทำให้ผิวแข็งแรง รวมถึงควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 2-3 ลิตร เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดสิวผด และปรับสมดุลให้แก่ร่างกาย
5. พักผ่อนให้เพียงพอและไม่เครียด
ความเครียดเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผดได้ จากการที่ต่อมไขมันทำงานหนักจนเกินไป ดังนั้น ควรทำจิตใจให้สดใสผ่อนคลาย ไม่เครียดจนเกิดไป และควรพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย นอนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
6. หลีกเลี่ยงการใช้ครีมหรือยาที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว อาจทำให้เกิดสิวผดหรือผิวหนังอักเสบได้ เช่น Retinoic Acid, Benzoyl peroxide, AHA , BHA เป็นต้น
7. เลือกใช้โฟมล้างหน้าลดสิวผด ให้เหมาะกับผิวหนังของคุณ
นอกจากวิธีล้างหน้าถูกต้องแล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือโฟมล้างหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวจะช่วยทำให้ผิวแข็งแรง และช่วยลดการเกิดสิวผดได้ ซึ่งโฟมล้างหน้าที่เลือกใช้ควรเลือกโฟมล้างหน้าที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงและไม่ทำให้ Skin Barrier ลดลง โดยเฉพาะโฟมที่มี PCA, Hyaluronic acid, Hydrolyzed Protein Extracts ที่จะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
อีกทั้งยังไม่ควรใช้โฟมที่มีส่วนผสมของสารกันเสีย, พาราเบน, พาราฟิน, สี, น้ำหอม, ซิลิโคน และสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ที่สำคัญโฟมล้างหน้าหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดล้างหน้าที่เลือกใช้ ควรได้รับการรับรองทางการแพทย์ แล้วว่าไม่มีสารที่กล่าวมาก่อนหน้านี้
8. ยารักษาสิวผด ครีมลดสิวผด ช่วยให้หน้ากลับมาเรียบเนียนสม่ำเสมอ
คนส่วนใหญ่มักจะเลือกยาทาสิวผดหรือครีมรักษาสิวผด เป็นตัวเป็นตัวเลือกแรก ๆ เพราะเป็นวิธีที่ง่าย สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา และยาทามีความเสี่ยงน้อยกว่ายาแบบรับประทาน ซึ่งยารักษาสิวผดส่วนใหญ่ มักมีสารช่วยบรรเทาอาการของผดที่เห่อขึ้นมาเต็มบนใบหน้า หรือสารที่ช่วยยับยั้งเชื้อยีสต์ P.ovale ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวประเภทนี้
โดยส่วนผสมของยาที่เหมาะกับการรักษาสิวผด มีดังนี้
ยาที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole
เป็นยารักษาเชื้อราที่สามารถต้านเชื้อราได้หลายชนิด สามารถต้านเชื้อรา P.ovale ที่ก่อให้เกิดสิวผดได้ ยาชนิดนี้ออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการสังเคราะห์อาหารในเชื้อรา และลดการลำเลียงสารอาหารที่ผนังเซลล์ของเชื้อรา จึงทำให้เชื้อราขาดสารอาหารและหยุดการเจริญเติบโตในที่สุด การใช้ยาประเภทนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
ยาที่มีส่วนผสมของ Adapalene
ยาอะดาพาลีนเป็นยาในกลุ่มผลิตภัณฑ์เรตินอยด์ (Retinoids) ประเภทของยาอะดาพาลีนที่ใช้รักษาสิวผดคือ “Differin” โดยใช้ทาก่อนนอนเพื่อให้สิวผดมีหัวสิวผุดออกมาแล้ว แล้วค่อยกำจัดออกภายหลัง
ยาที่มีส่วนผสมของ Zinc PCA
สำหรับคนที่เป็นสิวผดจากการแพ้เครื่องสำอาง Zinc PCA จะช่วยควบคุมความมันจากต่อมผิวหนัง (Sebum) ส่วนเกินบนผิวที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดสิว และช่วยลดรอยแดงที่เกิดจากการอักเสบของสิวได้ด้วย
ยาที่มีส่วนผสมของกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ
สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิว และลดการอุดตันของรูขุมขนได้ทั้งกับสิวผดและสิวอุดตัน เนื่องจากมีส่วนผสมของวิตามินเอที่มีความเข้มข้น ซึ่งยาประเภทนี้อาจจะมีผลข้างเคียงหลังการรักษา จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบาง หน้าแห้ง หรือหน้าลอกเป็นขุย หากต้องการยารักษาสิวผด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้ยา
เวชสำอางที่มีส่วนผสมของ Licochalcone A
Licochalcone A มีคุณสมบัติ Anti-oxidant และ Anti-inflammatory ที่จะช่วยยับยั้งการทำร้ายเซลล์ผิวจากรังสี UV และช่วยปลอบประโลมผิวจากอาการระคายเคือง และยังช่วยลดปัญหาผิวระคายเคืองไวต่อแสงแดด
9. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง
สำหรับคนที่ต้องการรักษาสิวผดให้หายอย่างถูกวิธี ไม่ทิ้งรอยไว้ และไม่มั่นใจว่าสิวผดที่เกิดขึ้นบนใบหน้ามาจากสาเหตุอะไร หรือควรใช้วิธีไหนในการรักษา แนะนำให้คุณไปพบแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง เพื่อปรึกษาหาสาเหตุการเกิดสิวผด และเลือกใช้วิธีรักษาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคนมากที่สุด
สำหรับคนต้องการรักษาสิวผดให้ถูกวิธีโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ไม่สะดวกเดินทางไปโรงพยาบาล ไม่ต้องกังวลไป เพราะเดี๋ยวนี้มีแอปพลิเคชันดี ๆ อย่าง SkinX ที่มาพร้อมบริการต่าง ๆ ในการจัดการปัญหาสิวทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสิวผด สิวอักเสบ หรือสิวอุดตัน คุณก็สามารถรอรับคำปรึกษาได้ผ่านทางสมาร์ตโฟน โดยแอปฯ SkinX ได้รวบรวมแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง จากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศกว่า 210 คน มาให้คำปรึกษากับคุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถปรึกษาได้ เพียงแค่มีสมาร์ตโฟนเครื่องเดียวเท่านั้น!
สิวผดเป็นสิวที่ขึ้นได้ง่าย หายเร็ว และมักขึ้นมาบ่อย ๆ จึงทำให้คนที่เป็นสิวผดเกิดความรำคาญได้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเพื่อการรักษาอย่างถูกวิธี และป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก
ใครที่ใช้ยาแต้มสิวผดแล้วก็ยังไม่เห็นผลสักที อาจเป็นเพราะคุณใช้วิธีการรักษาที่ผิดวิธี หากเป็นเช่นนั้นคุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ : วิธีการรักษาสิว ดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี
บริเวณที่มักเกิดสิวผด มีที่ไหนบ้าง
- สิวผดที่หน้าผาก
สำหรับคนที่เป็นสิวผดที่หน้าผาก สาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากการที่บริเวณหน้าผากโดนแสงแดด, รังสี UVA, สิ่งสกปรก หรือเชื้อโรคต่าง ๆ ซึ่งอาจจะมาจากการใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่ การไว้ผมหน้าม้า, การใช้แชมพูหรือครีมนวดผมที่ไม่เข้ากับสภาพหนังศีรษะ, การไม่สระผม, การใส่หมวก หรือพฤติกรรมบางอย่างที่เราเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัว เช่น การใช้มือสัมผัสบริเวณบนหน้าผาก หรือการใช้มือเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ทำให้เกิดสิวผดที่บริเวณหน้าผากได้
สำหรับคนที่อยู่ดี ๆ สิวผดก็ขึ้นที่หน้าผาก อาจจะลองเปลี่ยนแชมพู ครีมนวด หรือโฟมล้างหน้า เพราะบางทีผิวหน้าที่เป็นผดไม่เนียนใสอาจจะเกิดจากการแพ้แชมพู หรือครีมนวดผมก็ได้ รวมถึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการไว้ผมหน้าม้าไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกบริเวณหน้าผาก
- สิวผดที่แก้ม
สิวที่แก้มหรือสิวผดที่แก้มเกิดได้จากหลายสาเหตุ ปกติแล้วสิวผดมักเกิดจากการโดนแสงแดด โดยเฉพาะแสง UVA ซึ่งบริเวณแก้มมักเกิดตอนช่วงกลางวัน หรือตอนเที่ยงไปจนถึงบ่ายแก่ ๆ ที่มีอากาศร้อนสูง ทำให้เกิดสิวผดเห่อขึ้นมาบริเวณแก้ม อีกทั้งนอกจากแสงแดดแล้ว สารเคมีจากเครื่องสำอางที่ใช้ทุกวัน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวผดได้เช่นกัน
จึงแนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป และมีค่า PA+++ เป็นอย่างน้อย หรือพกร่มที่สามารถกันรังสี UV ได้ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวผดที่แก้ม
- สิวผดที่คาง
สิวผดขึ้นบริเวณคางเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด สิ่งสกปรก และความมันจากใบหน้า เพราะบริเวณคางมีการหลั่งน้ำมันหรือซีบัม (Sebum) ออกมาจากรูขุมขน ความมันส่วนเกินกับสิ่งสกปรกจะผสมเข้าด้วยกันจนทำให้เกิดการอุดตัน ซึ่งทำให้เกิดสิวผดหรือสิวอุดตันได้ และด้วยสภาพอากาศในปัจจุบันที่มีฝุ่นละอองปริมาณมาก ทำให้บางครั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัยอาจทำให้เกิดความอับชื้น ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผดขึ้นบริเวณคางได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวผด
ไขข้อสงสัย? เกี่ยวกับปัญหาสิวผดที่พบได้บ่อย
สิวผด กี่วันหาย?
โดยปกติแล้วสิวผดเป็นสิวที่เกิดได้ง่าย ยิ่งประเทศไทยที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น แดดแรงเกือบทั้งปี ยิ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผดได้ง่าย แต่ในทางกลับกัน สิวผดถือว่าเป็นสิวที่หายได้เร็ว และมีวิธีการรักษาไม่ได้ยาก สิวผดสามารถหายได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง และสังเกตพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของตัวเองว่าเป็นสาเหตุของการเกิดสิวผดหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านั้น เช่น การไม่ทาครีมกันแดด การตากแดดเป็นเวลานาน หรือการใช้มือสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
สำหรับใครที่ลองทุกวิธีแล้วแต่ยังไม่ได้ผล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง เพื่อหาสาเหตุของการเกิดสิวผด และใช้วิธีรักษาได้ตรงจุดมากที่สุด
วิธีรักษาสิวผดเร่งด่วน วิธีไหนดีที่สุด?
วิธีรักษาสิวผดแบบเร่งด่วน สำหรับคนที่ต้องการรักษาสิวผดให้ถูกวิธี แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดสิวผด และค้นหารักษาได้ตรงจุดที่สุด
สรุป สิวผดเกิดจากอะไร วิธีรักษาสิวผดแบบเร่งด่วนมีอะไรบ้าง?
ส่วนใหญ่แล้ว สิวผดเกิดจากแสงแดดและสภาพอากาศอันร้อนชื้น ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในเขตที่มีสภาพอากาศร้อนเป็นหลัก ผู้ที่หน้าเป็นสิวผด ไม่เรียบเนียนเกิดจากการที่ร่างกายมีการขับเหงื่อออกมาจำนวนมาก รวมถึงเมื่อร่างกายได้รับแสงแดดที่ร้อนจัด จะทำให้ผิวหนังของเรามีการสะสมของสิ่งสกปรกง่ายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน หรือการใช้ครีมรักษาสิวผดต่างก็เป็นวิธีลดสิวผดทั้งสิ้น แต่วิธีการแก้สิวผดอย่างตรงจุดที่สุดคือ การพบแพทย์เฉพาะทาง
เราขอแนะนำ SkinX แอปฯ ที่รวบรวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง กว่า 210 ท่าน จากสถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ มาไว้ในที่แอปฯ เดียว ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์ให้เสียเวลา ก็สามารถรอรับคำปรึกษาเพื่อทำการรักษาสิวได้ ซึ่งนอกจากจะสะดวกแล้ว ยังสามารถรู้อัตราค่าบริการ ก่อนที่จะตัดสินใจรักษาอีกด้วย
แหล่งข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจาก
Goh, C., Cheng, C., Agak, G., Zaenglein, A.L., Graber, E.M., Thiboutot, D.M., & Kim, J. (n.d.). Acneiform Disorders. Fitzpatrick’s Dermatology 9 TH Edition (1391-1404). McGraw-Hill Education.
สุรศักดิ์ วิชัยโย (2558). What is acne aestivalis?. facelabs.
https://facelabs.co.th/what-is-acne-aestivalis/
Akhavan A. (n.d.). How Sunlight Affect Acne. Dermatology And Laser Group. https://dermatologyandlasergroup.com/how-sunlight-affects-acne/
Plewin, G., & Jansen, T., (1998). Dermatology. University of Munich.