SkinX

GET-On the App Store

SkinX Team

3 กรกฎาคม 2567

ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? ช่วยเรื่องใด รู้ปัจจัยเสี่ยงก่อนฉีดครั้งแรก

ฟิลเลอร์ (Filler)

ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการรักษาทางด้านความงาม โดยการฉีดเพื่อลดริ้วรอย แก้ไขปัญหาบนใบหน้า ร่องแก้ม รวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ผิวหน้าเรียบ อิ่มฟู เต่งตึงขึ้น หรือฉีดบริเวณปากเพื่อให้ริมฝีปากอวบอิ่มขึ้น 

 

ในบทความนี้ SkinX จะพาไปทำความรู้จักกับข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ว่า ฟิลเลอร์คืออะไร มีกี่ประเภท บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง ฟิลเลอร์ราคาเท่าไรต่อ CC ฟิลเลอร์ควรฉีดเท่าไรถึงจะพอดี ขั้นตอนการปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์

 

Key Takeaway

  • การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คือ การฉีดสารเติมเต็มเข้าสู่ผิวหน้าบริเวณต่าง ๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอย ร่องลึกบริเวณใบหน้าให้ดูเรียบเนียน ผิวดูชุ่มชื้น และเต่งตึงขึ้น
  • บริเวณที่มักได้รับความนิยมในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขผิวและปรับรูปหน้า จะได้แก่บริเวณใต้ตา, ปาก, คาง, ร่องแก้ม, จมูก, ขมับ และหน้าผาก
  • ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่านอย. ไทยอัปเดตล่าสุดปี 2024 มี 10 ยี่ห้อ ได้แก่ Juvederm, Restylane, Neuramis, Belotero, e.p.t.q., Perfectha, YVOIRE, Revanesse Ultra, Definisse และ FLORE
สารบัญบทความ

ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร?

ฟิลเลอร์ คืออะไร

ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าสู่ผิวหน้าบริเวณต่าง ๆ เช่น ปาก, ใต้ตา, ร่องแก้ม, หน้าผาก, ขมับ เป็นต้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยและร่องลึกบริเวณใบหน้าให้ผิวดูเรียบเนียน ชุ่มชื้น และเต่งตึงขึ้น รวมไปถึงการฉีดฟิลเลอร์ยังช่วยยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้ดูได้สัดส่วนมากขึ้น

โดยฟิลเลอร์ที่ใช้ในประเทศไทยปัจจุบัน เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ซึ่งสารตัวนี้มีคุณสมบัติในการช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น (Hydration) และทดแทนคอลลาเจน รวมไปถึงไฮยาลูรอนที่ร่างกายสูญเสียไปเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น การฉีดสาร Hyaluronic Acid เข้าสู่ผิวจึงช่วยเติมเต็มชั้นผิวหนังให้มีความยืดหยุ่น เต่งตึง เรียบเนียน ดูสุขภาพดี รวมถึงช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ 

ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะทำการประเมินปัญหาผิว หรือปัญหาที่ต้องการแก้ไขก่อนการฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมตามแต่ละบุคคล รวมถึงแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ และรุ่นฟิลเลอร์ที่ควรใช้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น Botox, Hifu, Ulthera และ Thermage เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์เพื่ออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์ช่วยอะไรบ้าง ฉีดฟิลเลอร์เพื่ออะไร? ตามธรรมชาติแล้วผิวของคนเราจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพตามอายุที่มากขึ้น และปัญหาผิวจะเริ่มตามมา ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย, ร่องลึก, หน้าตอบ, แก้มตอบ หรือริ้วรอยใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid จะช่วยลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย ช่วยเติมเต็มร่องลึกตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า ชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต เพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้กับผิว

 

นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ยังสามารถปรับรูปหน้าให้ดูสมมาตร ดูมีสัดส่วนขึ้น เป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถฉีดฟิลเลอร์มือ เพื่อแก้ปัญหามือแห้ง มือเหี่ยวย่นได้อีกด้วย

“หากฟิลเลอร์สลายหมดจะไม่ทำให้หน้าแก่ลง การฉีดฟิลเลอร์จะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดมีน้ำหล่อเลี้ยงมากขึ้น ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น คอลลาเจนและอิลาสตินก็จะถูกสร้างขึ้นด้วย หลังฟิลเลอร์สลายหมดผิวก็จะดูสุขภาพดีกว่าตอนยังไม่ได้ฉีดฟิลเลอร์ เพราะคอลลาเจนและอิลาสตินยังคงอยู่ในร่างกาย”

ประเภทของฟิลเลอร์มีกี่แบบ?

ฟิลเลอร์ (Filler) มี 3 ประเภท ได้แก่

1. Temporary Filler (ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว)

Temporary Filler หรือ ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว คือ ฟิลเลอร์ที่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และเป็นชนิดเดียวที่ผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั่นคือ ฟิลเลอร์ชนิดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) สามารถอยู่ได้ประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ เมื่อฟิลเลอร์สลายตัวก็สามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ

2. Semi Permanent Filler (ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร)

Semi Permanent Filler หรือ ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร คือ ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้หมด 100% ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรจะมีความปลอดภัยน้อยกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว สามารถอยู่ได้นานประมาณ 2-5 ปี ตัวอย่างฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร เช่น สารแคลเซียม, ไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxyapatite), สาร PLLA (Poly-L-lactic acid) และ สาร Polyalkylimide เป็นต้น

 

สารเติมเต็มในกลุ่มฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรอาจเกิดผลข้างเคียงได้ เนื่องจากไม่สามารถสลายได้หมด เมื่อฉีดไปนาน ๆ อาจเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือการอักเสบตามมา ทำให้รักษาหรือแก้ไขได้ยาก ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรนี้มีใช้ในต่างประเทศ แต่ยังไม่ผ่านอย. ในประเทศไทย

3. Permanent Filler (ฟิลเลอร์แบบถาวร)

Permanent Filler หรือ ฟิลเลอร์แบบถาวร คือ ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้ เป็นฟิลเลอร์ที่อยู่แบบถาวร และเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านอย. โดยสารเติมเต็มในกลุ่มฟิลเลอร์แบบถาวรนี้ เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน สาร PMMA (Polymethyl-methacrylate microspheres) หลังฉีดไปแล้วผิวจะไม่สามารถดูดซึมได้ ทำให้ตกค้างอยู่ในชั้นผิว

 

ฟิลเลอร์แบบถาวรหรือที่เรียกว่าฟิลเลอร์ปลอมนี้ มีผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อยผิดรูป หรือกลายเป็นพังผืด การรักษาทำได้โดยผ่าตัดออกหรือขูดออกเท่านั้น ไม่มียาฉีดสลายฟิลเลอร์ ผู้ที่จะฉีดฟิลเลอร์จึงไม่ควรฉีดสารเติมเต็มชนิดนี้

สารเติมเต็มในฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง?

Hyaluronic Acid

สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) จัดอยู่ในกลุ่มสารฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ร่างกายสามารถย่อยสลายเองได้ ซึ่งสารชนิดนี้จะจับตัวกับน้ำและพองขึ้นเป็นเจล มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง ดูชุ่มชื้น โดยสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน และเป็นฟิลเลอร์ชนิดเดียวที่ผ่านอย. ไทย

 

ฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid มีอยู่ในฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อ เช่น Juvederm, Restylane, Belotero, Neuramis, Yvoire เป็นต้น

 

สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับ Hyaluronic Acid สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ : ไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) สารเติมเต็มที่ช่วยให้ผิวอิ่มฟูได้จริงไหม?

Poly-L-lactic acid (PLLA)

สารเติมเต็ม Poly-L-lactic Acid หรือ PLLA เป็นสารเติมเต็มที่อยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แต่ไม่สามารถย่อยได้หมด 100% สารเติมเต็ม PLLA อยู่ได้นาน 2-5 ปี สารชนิดนี้ถูกใช้ในการแพทย์ เช่น ไหมละลาย ตะปูเกลียวยึดกระดูก เป็นต้น

Calcium Hydroxyapatite

สารเติมเต็ม Calcium Hydroxyapatite หรือ สารแคลเซียม ไฮดรอกซีอะพาไทต์ จัดอยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร สามารถละลายได้บางส่วนแต่ก็ยังมีตกค้างอยู่ใต้ชั้นผิว หากปล่อยทิ้งไว้นานหลายปีอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ต้องทำการผ่าตัดขูดออกเท่านั้น นอกจากนี้ สารเติมเต็มชนิดนี้ยังมักนำมาใช้ในการเติมหน้าอกและสะโพกอีกด้วย

Polyalkylimide

สารเติมเต็ม Polyalkylimide หรือพลาสติกสังเคราะห์ เป็นสารเติมเต็มที่อยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร มักใช้สำหรับรอยย่นลึก เช่น ร่องจมูกหรือรอยแผลเป็น สามารถย่อยสลายได้บางส่วน แต่ก็ยังมีสารตกค้างอยู่ใต้ชั้นผิว หากต้องการนำฟิลเลอร์ออกต้องทำการขูดออกเท่านั้น ไม่สามารถฉีดยาสลายฟิลเลอร์ได้

Polymethyl-methacrylate microspheres (PMMA)

สารเติมเต็มโพลีเมธิลเมธาไครเลต (PMMA) หรือ พลาสติกสังเคราะห์ เป็นฟิลเลอร์แบบถาวร ไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ มีลักษณะเป็นเม็ดกลมเรียบ ขนาดเล็กมาก สาร PMMA นี้ยังเป็นวัสดุสำหรับผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เลนส์แก้วตาเทียม (Intraocular Lens : IOL) หรือ Bone Cement เป็นต้น

คุณสมบัติต่างๆ ของฟิลเลอร์

  • ความแข็ง (Elasticity)

 

ฟิลเลอร์ที่มีค่าความแข็งสูงจะเหมาะกับการฉีดเพื่อปรับโครงหน้าในชั้นกระดูก ฉีดยกผิวชั้นลึก มีความทนต่อแรงกดในแนวตั้ง จึงเหมาะแก่การฉีดบริเวณคาง จมูก หรือฉีดเพื่อดึงหน้า ปรับโครงหน้าเป็นต้น

 

  • ความยืดหยุ่น (Resilient)

 

ฟิลเลอร์ที่มีค่าความยืดหยุ่นสูงจะทนต่อการขยับ ทนต่อแรงบิดในแนวนอน จึงเหมาะแก่การฉีดผิวบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ เช่น มุมปาก ร่องแก้ม แก้มตอบ

 

  • ความกระจายตัว (Tissue Integration)

 

ฟิลเลอร์ที่มีความกระจายตัวจะเหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง ผิวบาง เพื่อให้ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วมีความเรียบเนียนไปกับผิว ไม่เป็นก้อน

 

  • ค่าอุ้มน้ำ (Water Holding)

 

ฟิลเลอร์ที่มีค่าอุ้มน้ำสูง เมื่อฉีดไปแล้วจะฟูมาก จึงเหมาะกับฉีดบริเวณร่องแก้ม ขมับ ไม่เหมาะกับการฉีดใต้ตา เพราะจะเห็นความบวมได้ชัดเจน

 

  • จำนวนการเชื่อมพันธะ (Crosslink)

 

ฟิลเลอร์ที่มีจำนวนพันธะเยอะจะอยู่ได้นานขึ้น สลายได้ช้าลง และอุ้มน้ำน้อยลง ฟูน้อยลง มีค่ากระจายตัวปานกลาง ทนต่อแรงบิดแนวนอนได้ดี จึงเหมาะแก่การฉีดบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เด่นด้านเทคโนโลยี Crosslink คือ ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm

 

  • ขนาดเม็ดของฟิลเลอร์ (Particle size)

 

ฟิลเลอร์ที่มีขนาดเม็ดฟิลเลอร์ใหญ่จะอยู่ได้นานขึ้น และมีค่าความแข็งสูง การกระจายตัวต่ำ แต่จะไม่ทนต่อแรงบิดในแนวนอน หากฉีดในตำแหน่งที่มีการขยับบ่อย ๆ จะอยู่ได้ไม่นาน ฟิลเลอร์ที่มีขนาดเม็ดใหญ่จึงเหมาะกับการยกหน้าในผิวชั้นลึกได้ดีที่สุด โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ Restylane จะโดดเด่นในเทคโนโลยีด้านนี้ เรียกว่า เทคโนโลยี NASHA เนื่องจากใช้การขดเส้นใยของ HA ร่วมกับการใส่ Crosslink ทำให้ฟิลเลอร์เป็นเม็ดละเอียด เนื้อฟิลเลอร์จึงมีค่าความแข็งสูง เหมาะกับการยกพยุงผิว

เนื้อฟิลเลอร์มีกี่แบบ

เนื้อฟิลเลอร์โดยทั่วไปแล้วจะมีลักษณะแตกต่างกันไป เนื่องจากฟิลเลอร์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อมีเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่เหมือนกัน จึงทำให้คุณสมบัติทางกายภาพแตกต่างกัน โดยเนื้อฟิลเลอร์จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

 

  1. ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง

    ฟิลเลอร์เนื้อแข็งจะมีลักษณะเนื้อเจลเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากกว่าฟิลเลอร์เนื้อชนิดอื่น ๆ เมื่อบีบออกมาแล้วสามารถเห็นเป็นเส้น จึงทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็งแรง คงตัวได้ดี สามารถใช้ยกผิวในชั้นกระดูกได้


ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เช่น Juvederm Voluma, Restylane Perlane Lift, Belotero Volume และ Perfectha Subskin

 

  1. ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม

    ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มจะมีลักษณะเป็นเนื้อเจลคล้ายเยลลี่ เนื้อนุ่ม ไม่เป็นก้อน เนื้อไม่เหลว และไม่เป็นน้ำเหมือนฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มเหมาะสำหรับฉีดในชั้นไขมัน


ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เช่น Juvederm Ultra Plus, Restylane Classic, Belotero Balance

 

  1. ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด

    ฟิลเลอร์เนื้อละเอียดจะมีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความบางเบาคล้ายน้ำ เนื้อเหลวมากกว่าฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เหมาะสำหรับฉีดในผิวชั้นตื้น และเหมาะกับการเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ โดยการฉีดฟิลเลอร์เนื้อละเอียดจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้


ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เช่น ฟิลเลอร์ Juverderm Volite, Restylane Vital Light, Belotero soft

บริเวณที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนได้บ้าง

บริเวณไหนที่ฉีดฟิลเลอร์ได้? ฟิลเลอร์เหมาะกับการฉีดบนใบหน้า โดยจุดที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ คือ บริเวณใต้ตา, ปาก, คาง, ร่องแก้ม, จมูก, ขมับ และหน้าผาก

 

ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเห็นผล? หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลได้ทันที และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังจากผ่านไป 7-14 วัน การฉีดฟิลเลอร์มีข้อดีคือ ฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid จะสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างภายในร่างกาย

ฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา, ตาลึก, ตาโหล, ถุงใต้ตา และขอบตาดำ ให้กลับมาสดใส ผิวใต้ตาดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น และเต่งตึงมากขึ้น รวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์ยังแก้ปัญหาใต้ตายุบตัวของกระดูกและเนื้ออีกด้วย

 

สำหรับการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc ก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้การเติมฟิลเลอร์ใต้ตากี่ cc นั้น ขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาของแต่ละบุคคล ก่อนการเข้ารับหัตถการควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินปัญหาก่อน และหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถเห็นผลได้ทันที

 

โดยทั่วไปแล้วฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ รุ่นของฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเองหลังฉีด อีกทั้งยังควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มากประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น เพราะผิวใต้ตาเป็นบริเวณที่ละเอียดอ่อนมาก หากแพทย์ขาดความชำนาญ อาจทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดได้

ฟิลเลอร์ปาก

การฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยที่ริมฝีปาก, ริมฝีปากบาง, ขอบปากคล้ำ, ปากแห้ง, ตกร่อง รวมถึงมุมปากตก ฟิลเลอร์ปากจึงช่วยเติมเต็มร่องปากให้ดูชุ่มชื้น อวบอิ่ม ไม่แห้ง และตกร่อง รวมไปถึงการฉีดฟิลเลอร์ปาก ยังสามารถปรับขนาดโครงสร้างปากให้เป็นรูปทรงที่สวยงามได้

 

สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปากจะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล หลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะเห็นผลทันที โดยทั่วไปฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเองหลังฉีด

ฟิลเลอร์คาง

การฉีดฟิลเลอร์คางจะช่วยแก้ปัญหาคางสั้น, คางเบี้ยว, คางไม่เท่ากัน, คางตัด รวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์คางจะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูสมมาตรขึ้น ได้สัดส่วนมากขึ้น ดูเรียวสวย โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด

 

สำหรับการฉีดฟิลเลอร์คาง จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1 cc หรือมากกว่า ตามปัญหาของแต่ละบุคคล หลังฉีดฟิลเลอร์คางสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน โดยฟิลเลอร์คางอยู่ได้แค่ 1-2 ปี ต่อการฉีด 1 ครั้ง หากไม่มีการมาเติมฟิลเลอร์ เนื้อฟิลเลอร์ก็จะสลายไปเองตามธรรมชาติ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยแก้ปัญหาการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา และการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น และยังช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด รวมถึงแก้ปัญหาผิวแห้ง ชั้นผิวบางลง หลังทำสามารถเห็นผลได้ทันที

 

สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 2 cc หรือมากกว่า ตามปัญหาของแต่ละบุคคล โดยฟิลเลอร์ร่องแก้มจะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน แล้วแต่ยี่ห้อและรุ่นที่เลือก

ฟิลเลอร์จมูก

การฉีดฟิลเลอร์จมูกจะช่วยเพิ่มความคมของสันจมูกหรือปลายจมูกขึ้นเล็กน้อย สำหรับการฉีดฟิลเลอร์จมูก จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1 cc สามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน

 

การฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกเป็นบริเวณที่ต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญการของแพทย์ เนื่องจากมีเส้นเลือดสำคัญอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งฟิลเลอร์จมูกยังไม่เหมาะกับคนที่วางแผนจะเสริมจมูกในอนาคต เพราะอาจเกิดปัญหาการยึดเกาะของแท่งซิลิโคนได้ หากฉีดฟิลเลอร์จมูกไปแล้วอยากผ่าตัดเสริมจมูก จะต้องขูดฟิลเลอร์ที่กระดูกจมูกตามแนวที่วางซิลิโคนออกก่อนเพื่อให้ซิลิโคนยึดเกาะจมูกได้ดีมากขึ้น

ฟิลเลอร์ขมับ

การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะช่วยปรับใบหน้าโดยรวมให้ดูสมดุล ได้สัดส่วนมากขึ้น ช่วยเติมเต็มบริเวณขมับตอบ ขมับลึก โดยไม่ต้องผ่าตัด นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ขมับยังช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยหางตาให้เต่งตึงขึ้น ชุ่มชื้นขึ้นได้อีกด้วย

 

สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ขมับจะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc ตามปัญหาของแต่ละบุคคล โดยฟิลเลอร์ขมับจะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่เลือก

ฟิลเลอร์หน้าผาก

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยแก้ปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ มีร่องลึก รอยบุ๋มที่หน้าผาก ให้นูนขึ้น ฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยย่นที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น

 

สำหรับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc หรือมากกว่า ตามปัญหาของแต่ละบุคคล หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอาจมีอาการบวมได้เป็นปกติ แต่จะหายไปเองเมื่อผ่านไปประมาณ 7-14 วัน และฟิลเลอร์หน้าผากสามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่เลือกใช้

ยี่ห้อฟิลเลอร์ ที่ผ่าน อย. (อัปเดตปีล่าสุด)

ยี่ห้อฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นมีเทคโนโลยี และคุณสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกัน จึงเหมาะแก่การฉีดในจุดที่แตกต่างกัน โดยฟิลเลอร์ที่ผ่านอย. ในประเทศไทยจะต้องเป็นชนิด Hyaluronic acid เท่านั้น

 

สามารถอ่านข้อมูลเต็มได้ที่บทความ : รวมทุกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. ต้องรู้! 

Juvederm

ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อฟิลเลอร์สามารถอุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับของผิวหน้าได้ดี มีอัตราการบวมน้ำน้อย ส่งผลให้ผลลัพธ์หลังฉีด ผิวมีความเรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อีกทั้งยังมีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ช่วยให้ลดความเจ็บปวดบริเวณที่ฉีด

 

ในปัจจุบันฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm ที่ได้รับอย. มีทั้งหมด 7 รุ่น ดังนี้

  • Juvederm Ultra Plus XC อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
  • Juvederm Ultra XC อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
  • Juvederm Volift อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
  • Juvederm Volite อยู่ได้นานถึง 9-12 เดือน
  • Juvederm Volbella อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
  • Juvederm Volux อยู่ได้ประมาณ 18-24 เดือน

Restylane

ฟิลเลอร์ Restylane เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน ที่ช่วยเติมเต็มใบหน้าที่เกิดริ้วรอย มีร่องลึกให้เต็มขึ้นและดูเรียบเนียน และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้ยาวนาน นอกจากนี้ ยังเหมาะกับการแก้ปัญหาริมฝีปากโดยเฉพาะ เพราะเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีความคงตัวสูง สามารถช่วยสร้างริมฝีปากให้อวบอิ่ม ชัดเจนขึ้น และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นอีกด้วย

 

ในปัจจุบันฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane ที่ได้รับอย. มีทั้งหมด 8 รุ่น ดังนี้

  • Restylane Perlane Lyft อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน 
  • Restylane Classic Lidocaine อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
  • Restylane Vital Light อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
  • Restylane Vital อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
  • Restylane Refyne อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน
  • Restylane Volyme อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
  • Restylane Defyne อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน

Restylane Kysse อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน

Neuramis

ฟิลเลอร์ Neuramis เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี ที่สามารถแก้ปัญหาบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับ เติมเต็ม และปรับรูปหน้า

 

ในปัจจุบันฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis มีทั้งหมด 3 รุ่น ที่ผ่านอย. ดังนี้ 

  • Neuramis Deep อยู่ได้นาน 12 เดือน 
  • Neuramis Deep Lidocaine อยู่ได้นาน 12 เดือน 
  • Neuramis Volume Lidocaine อยู่ได้นานสูงสุดถึง 2 ปี

Belotero

ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่มีความคงตัวมาก สามารถใช้ฉีดเสริมกระดูกและเนื้อเยื่อผิวหนังที่ยุบตัวลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นได้ 

 

ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero ที่ได้รับอย. มีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน ดังนี้

  • Belotero Volume อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
  • Belotero Intense อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
  • Belotero Balance อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน
  • Belotero Soft อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน

e.p.t.q.

ฟิลเลอร์ e.p.t.q. (Epitique) เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีที่ใช้เพื่อลดเลือนริ้วรอยร่องลึก รอยพับบนใบหน้า และช่วยบรรเทาความเจ็บขณะฉีด มีความปลอดภัยสูง ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการแพ้ได้

 

ในปัจจุบันฟิลเลอร์ e.p.t.q. ที่ผ่านอย. มีทั้งหมดด้วยกัน 3 รุ่น ดังนี้

  • e.p.t.q. S100 อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน
  • e.p.t.q. S300 อยู่ได้ประมาณ 8 เดือน
  • e.p.t.q. S500 อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน

Perfectha Filler

ฟิลเลอร์ Perfectha เป็นฟิลเลอร์จากประเทศฝรั่งเศสที่มีคุณสมบัติช่วยเรื่องความชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยปรับรูปทรง และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้ดี นอกจากนี้ ยังมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีการกำจัดสารกระตุ้นการก่อมะเร็งให้อยู่ในขั้นที่ปลอดภัยที่สุด

 

ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Perfectha ที่ผ่านอย. ในประเทศไทย มีทั้งหมด 4 รุ่น ดังนี้

  • Perfectha Subskin อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
  • Perfectha Deep อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
  • Perfectha Derm อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • Perfectha Complement อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

YVOIRE

ฟิลเลอร์ YVOIRE เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีที่มีความยืดหยุ่นสูง ดูเป็นธรรมชาติ สามารถยึดเกาะได้อย่างดี มีความคงทน ไม่สลายตัวง่าย และช่วยยกกระชับผิว

 

ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ YVOIRE ที่ผ่านอย. ในประเทศไทยมีทั้งหมด 3 รุ่น ดังนี้

  • YVOIRE Classic Plus อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
  • YVOIRE Volume Plus อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
  • YVOIRE Contour อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน

Revanesse Ultra

ฟิลเลอร์ Revanesse รุ่น Ultra เป็นฟิลเลอร์รุ่นเดียวจากประเทศแคนาดาที่ผ่านอย. ในประเทศไทย สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน โดยเนื้อเจลมีความหนืดสูง ใช้ในการรักษาริ้วรอยระดับปานกลางจนถึงระดับลึก

Difinisse

ฟิลเลอร์ Difinisse เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอิตาลี ที่เนื้อเจลมีความคงตัวดี ช่วยปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งตัวฟิลเลอร์ยังมีความบริสุทธิ์สูง ลดความเสี่ยงในการแพ้ และลดอาการบวมหลังฉีดได้อีกด้วย

 

ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Difinisse ที่ผ่านอย. ในประเทศไทยมีทั้งหมด 3 รุ่น ดังนี้

  • Difinisse Core อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
  • Difinisse Restore อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
  • Difinisse Touch อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน

FLORE

ฟิลเลอร์ FLORE เป็นฟิลเลอร์จากเกาหลี ที่เนื้อเจลมีความคงตัวสูง ทำให้จัดรูปทรงตามต้องการได้ง่าย และกลืนไปกับผิวได้ดี ฉีดแล้วผิวดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อีกทั้งยังสลายช้า ผลลัพธ์หลังฉีดอยู่ได้ค่อนข้างนาน 

 

ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ FLORE ที่ผ่านอย. ไทยมีทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้

  • FLORE Aqua-S อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน
  • FLORE Max อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
  • FLORE Max 1400 อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
  • FLORE N อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
  • FLORE S อยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี? ก่อนฉีดฟิลเลอร์เราควรศึกษาข้อมูลสถานพยาบาลหรือคลินิกฉีดฟิลเลอร์ ดังนี้

 

  1. ควรเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ
     
  2. ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ ใช้ฟิลเลอร์แท้ สะอาด ปลอดภัย มีเครื่องมือและอุปกรณ์ฉุกเฉินในกรณีที่เกิดปัญหา เช่น การแพ้ยา เป็นต้น
     
  3. ควรเลือกแพทย์ประจำคลินิกที่มีใบรองรับมาตรฐานจากแพทยสภา สามารถเช็กประวัติแพทย์ได้ และควรเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและศัลยกรรมความงาม
     
  4. ควรเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่มีการติดตามผล และให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวก่อนและหลังทำอย่างใกล้ชิด สามารถปรึกษาแพทย์ที่ทำเคสได้
     
  5. มีการแสดงอัตราค่ารักษาพยาบาล ค่าหัตถการต่าง ๆ รวมไปถึงราคาฟิลเลอร์ และสามารถสอบถามอัตราค่ารักษาได้

ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ควรเลือกอย่างไร

การเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดีที่สุด ควรเลือกจากสภาพผิว และจุดที่ต้องการปรับแก้ไข หรือเติมเต็มจากใบหน้าของตนเอง เพราะฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นเหมาะกับการฉีดในจุดที่แตกต่างกัน และที่สำคัญควรเลือกฟิลเลอร์ของแท้ ไม่ควรใช้ของเลียนแบบหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

 

ในอีกกรณีหนึ่ง แพทย์จะเป็นผู้แนะนำว่าผิวของเราเหมาะกับฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน รุ่นไหน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับตัวเรา และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์

การปฏิบัติตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ควรศึกษาข้อมูลที่จำเป็น เช่น การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย การเลือกหมอประจำคลินิก รวมไปถึงสังเกตฟิลเลอร์แท้ของแต่ละยี่ห้อ ไม่เลือกใช้ฟิลเลอร์ปลอม

 

ข้อควรปฏิบัติตัว 1 อาทิตย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 

 

  1. งดยาแอสไพริน NSAIDs เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Ponstan

  2. งดวิตามิน St. Johns Wort, Ginkgo biloba, Primrose oil, Garlic, Ginseng, และ Vitamin E เพราะสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดแข็งตัวช้าในระหว่างฉีดฟิลเลอร์ อาจเสี่ยงต่ออาการช้ำหลังฉีด

  3. งดสกินแคร์ชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น Retinoids, Retinol, Glycolic Acid ประมาณ 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์บริเวณต่าง ๆ

  4. งดการผลัดเซลล์ผิว การโกนขน ในบริเวณก่อนการทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์

  5. หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่รับประทานอื่น ๆ ควรเตรียมข้อมูลเพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์

  6. หากมีคอร์สหัตถการเกี่ยวกับใบหน้า เช่น นวดหน้า เลเซอร์ต่าง ๆ ควรทำมาก่อนการฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 3 วัน

ข้อควรปฏิบัติตัว 24 ชั่วโมง ก่อนฉีดฟิลเลอร์

  1. ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง ก่อนทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์

  2. ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น ออกกำลังกายอย่างหนัก การเข้าห้องซาวน่า เป็นต้น

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

หลังจากฉีดฟิลเลอร์ มีขั้นตอน การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ ดังนี้

 

หลังฉีดฟิลเลอร์ทันที 

  • อาจมีอาการปวด, บวมแดง, ระบม, เขียวช้ำ หรือคันบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการเกา แกะ นวด คลึง 
  • ประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรกดแรง 
  • ควรรับประทานยาฆ่าเชื้อทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จ 
  • งดเลเซอร์ร้อนที่ผิวชั้นลึก อย่างน้อย 1 เดือน 
  • รอยเข็มฟิลเลอร์สามารถโดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ 

 

ช่วงกลางคืนหลังฉีดฟิลเลอร์

  • หลังจากฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง อาจมีอาการปวด สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดได้ 
  • ไม่ควรนอนตะแคงใน 2-3 คืนแรกเพื่อป้องกันการกดทับที่บริเวณใบหน้า 
  • ควรนอนในห้องที่มีอุณหภูมิประมาณ 18-23 องศาเซลเซียส 
  • อาจมีอาการบวมเข็มได้ แต่อาการนี้จะหายไปภายใน 7-14 วัน และฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่ 

 

48 ชั่วโมงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ 

  • ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-3 วันหลังจากฉีดฟิลเลอร์ 
  • สามารถทาครีมทับบริเวณรอยเข็มได้ หรือโดนน้ำได้ปกติ
    ควรงดการนวด ถู สครับ สัมผัสที่ใบหน้าแรง ๆ ไม่ควรยิ้มกว้างเกินไป เพื่อให้ฟิลเลอร์ได้มีเวลาเซ็ตตัว 
  • งดเท้าคาง ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์คาง 
  • หลังฉีดฟิลเลอร์หากรู้สึกว่าฟิลเลอร์เป็นก้อน ห้ามนวด ปั้น หรือคลึงใบหน้า เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสียรูปได้

 

3 วันหลังจากฉีดฟิลเลอร์

  • หลีกเลี่ยงบริเวณใบหน้าไม่ให้ถูกความร้อนโดยตรงจากการอาบน้ำ หรือไดร์เป่าผมร้อน ๆ 
  • ไม่ควรออกกำลังกายหนัก ๆ เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์เสียรูปทรงจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรง 
  • เริ่มขยับใบหน้าได้ตามปกติ แต่ยังไม่ควรกดแรง ๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ 

 

7-10 วันหลังจากฉีดฟิลเลอร์

  • ไม่ควรประคบร้อน หากยังมีการบวม หรือเขียวช้ำอยู่ 
  • ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดแรงจัด เพราะจะส่งผลต่อการคงตัวของสารที่ฉีด หากต้องเผชิญกับแสงแดดควรทากันแดดที่มีค่าประสิทธิภาพป้องกันรังสี UVA และ UVB สูง เป็นประจำ 

 

14 วันหลังจากฉีดฟิลเลอร์

  • สามารถขยับใบหน้า ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารได้ตามปกติ 
  • พยายามหลีกเลี่ยงความร้อน 
  • ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ นิ่มลงหลังจาก 2-3 สัปดาห์ ยกเว้นฟิลเลอร์รุ่นที่ฉีดในผิวชั้นลึก อาจจะยังคลำเจอเนื้อฟิลเลอร์ในผิวชั้นลึกได้อยู่

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง? ข้อควรรู้หลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี อยู่นานขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดฟิลเลอร์ที่มักพบได้

ภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดฟิลเลอร์นั้นเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย เช่น ขึ้นอยู่กับประเภทฟิลเลอร์ที่ใช้ ฟิลเลอร์แท้/ปลอม ความถูกต้องของการฉีด ความชำนาญของแพทย์ โดยส่วนใหญ่ภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดฟิลเลอร์มักไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่ในบางกรณีก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนี้

 

ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการฉีดฟิลเลอร์

  • ภาวะฟกช้ำ เกิดจากเข็มผ่านเส้นเลือด
  • เส้นเลือดอุดตัน อาจทำให้เกิดภาวะเนื้อตาย และอาจเข้าไปสู่เส้นเลือดที่เลี้ยงดวงตาทำให้ตาบอดได้

 

ภาวะแทรกซ้อนในระยะแรก

  • อาจมีอาการปวด บวมแดง นูน เป็นก้อน
  • การติดเชื้อเฉียบพลัน

 

ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว

  • เกิดตุ่ม ก้อน และบวม ใต้ผิวหนัง ในภายหลังจากการติดเชื้อหรือการแพ้
  • มีหนองหรือน้ำเหลืองซึมจากการใช้ฟิลเลอร์ถาวร

 

ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน เช่น ซิลิโคนเหลว อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างร้ายแรง เส้นเลือดแตกหรืออุดตัน เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมเข้าไปในกระแสเลือดสู่สมอง รวมถึงการแพ้สารฟิลเลอร์ ที่อาจส่งผลต่อชีวิตได้

ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่

การฉีดฟิลเลอร์ ราคาในแต่ละจุดจะแตกต่างกัน รวมไปถึงยี่ห้อ รุ่น ที่เลือกใช้ก็จะมีราคาแตกต่างกันเช่นกัน โดยบริเวณยอดนิยมที่ฉีดฟิลเลอร์ มีทั้งหมด 7 จุด คือ ใต้ตา, ปาก, คาง, ร่องแก้ม, จมูก, ขมับ และหน้าผาก อีกทั้งฉีดฟิลเลอร์ราคาในแต่ละคลินิกก็แตกต่างกันไปตามโปรโมชัน ผู้ที่สนใจจะฉีดฟิลเลอร์ควรศึกษาราคาฉีดฟิลเลอร์ของแต่ละคลินิก

 

ตัวอย่างราคาฉีดฟิลเลอร์ต่อ 1 cc โดยประมาณ 

  • ราคาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาประมาณ 8,000 บาทขึ้นไป
  • ราคาฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคาประมาณ 13,000 บาทขึ้นไป
  • ราคาฉีดฟิลเลอร์คาง ราคาประมาณ 9,900 บาทขึ้นไป
  • ราคาฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาประมาณ 9,900 บาทขึ้นไป
  • ราคาฉีดฟิลเลอร์ขมับ ราคาประมาณ 11,000 บาทขึ้นไป
  • ราคาฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ราคาประมาณ 14,000 บาทขึ้นไป

 

*ราคาฟิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่นที่ใช้ และโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก 

 

ฟิลเลอร์ 1 CC คืออะไร อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : ฟิลเลอร์ 1 cc เหมาะกับการฉีดจุดไหนได้บ้าง ช่วยปรับรูปหน้าได้มากน้อยแค่ไหน? 

ฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ไหม

ฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ไหม? หลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วหากต้องการฉีดสลายฟิลเลอร์ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ แต่ต้องเป็นฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid เท่านั้นถึงจะฉีดสลายออกหมด

 

การฉีดสลายฟิลเลอร์สามารถทำได้โดยการฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase บริเวณที่ต้องการจะแก้ไข โดยเอนไซม์ Hyaluronidase จะเข้าไปย่อยสลายกรดไฮยาลูโรนิกได้

 

ก่อนการฉีดสลายฟิลเลอร์แพทย์จะทำการสอบถามข้อมูลคนไข้เพื่อคำนวณปริมาณยาที่ต้องใช้ในการฉีดสลายฟิลเลอร์ เช่น ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ฉีดมา Serial No. ฟิลเลอร์เป็นของแท้หรือไม่ ฉีดในตำแหน่งใด ระยะเวลาการฉีด เป็นต้น

 

สนใจเรื่องการฉีดสลายฟิลเลอร์ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : การฉีดสลายฟิลเลอร์ ฉีดดีไหม ทำไมถึงต้องฉีด?

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม?

หากใช้ฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid จะมีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากเป็นการเลียนแบบสารที่มีในร่างกายมนุษย์ได้ และสามารถสลายหายไปเองได้ ทั้งนี้ต้องพิจารณาจากยี่ห้อฟิลเลอร์ ที่ต้องเป็นของแท้เท่านั้น และประสบการณ์ ความชำนาญของแพทย์ควบคู่กันไปด้วย เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะเลือดคั่ง (Hematoma) ที่เกิดจากการฉีดเข้าเส้นเลือด

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : ฉีดฟิลเลอร์อันตรายจริงไหม ควรฉีดฟิลเลอร์ดีไหม? คลายข้อสงสัย กับ SkinX

ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน กี่วันเห็นผล?

ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วันถึงจะหาย? โดยปกติแล้ว ผลข้างเคียงที่เกิดที่อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์คือ รอยแดงจากเข็ม ซึ่งจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน และรอยฟกช้ำจะหายไปได้เองภายใน 7-14 วัน รวมถึงอาจมีอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งจะหายบวมได้เองภายใน 7-14 วัน ฟิลเลอร์ถึงจะเข้าที่และค่อย ๆ เห็นผล

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : ฉีดฟิลเลอร์ บวมกี่วัน? ทำอย่างไรให้หายเร็ว?

ฟิลเลอร์ สามารถฉีดหลุมสิวได้ไหม?

การฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดหลุมสิวได้ ฟิลเลอร์หลุมสิวนับเป็นหนึ่งวิธีแก้ปัญหาหลุมสิวให้ตื้นขึ้น โดยใช้สารเติมเต็มชนิด Hyarulonic Acid ฉีดเข้าไปบริเวณหลุมสิว เพื่อให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ผิวดูอิ่มขึ้น เต่งตึงขึ้น โดยไม่ทิ้งรอยแผล รอยดำ ฟิลเลอร์หลุมสิวจะอยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือนก็จะค่อย ๆ สลายไปเอง หากไม่ได้มาเติมซ้ำ วิธีนี้จึงไม่ใช่การรักษาที่เหมาะสมในระยะยาว

ฟิลเลอร์ สามารถอยู่ได้นานแค่ไหน?

ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานแค่ไหน? โดยปกติแล้วระยะเวลาของฟิลเลอร์จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ รุ่นฟิลเลอร์ที่ฉีด ตำแหน่งที่ฉีด รวมไปถึงการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ด้วย

ฉีดฟิลเลอร์ แล้วเป็นสิวไหม?

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นสิวสามารถเกิดได้ตามปกติของสภาพผิว หรือปัจจัยแวดล้อม อีกหนึ่งกรณีคือหากฉีดฟิลเลอร์แล้วสิวขึ้น เป็นผื่น บวม แดง ผิวหนังเกิดการอักเสบอาจเกิดจากการแพ้ฟิลเลอร์ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยตรง

สรุปทุกข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ หรือ Filler คือ สารเติมเต็มที่ช่วยแก้ไขปัญหาบนใบหน้า โดยสารที่นิยมใช้คือ สารไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ไม่ว่าจะฉีดเพื่อเติมเต็มส่วนที่ลึก โหล ตอบ บนใบหน้าให้ดูสมส่วน หรือช่วยปรับ ยกกระชับใบหน้า รวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า และริมฝีปาก การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ ควรเลือกจากฟิลเลอร์ที่ได้รับอย. เท่านั้น ไม่ควรใช้ฟิลเลอร์ปลอมเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายตามมาได้

 

นอกเหนือจากนี้ ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งเพื่อประเมินปริมาณการใช้ฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับจุดที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์

 

สำหรับผู้ที่ต้องการปรึกษาปัญหาผิว ความสวยความงามต่าง ๆ รวมถึงอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์ว่าตนเองเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณไหน ผิวตนเองควรฉีดฟิลเลอร์ไหม เป็นสิวหนักมากแต่อยากฉีดฟิลเลอร์ ทำได้ไหม? หรือหัตถการความงามอื่น ๆ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX เพื่อพบกับแพทย์ออนไลน์โดยตรงได้เลย

 

พิเศษสำหรับผู้ที่ดาวน์โหลดแอปฯ SkinX ครั้งแรก ปรึกษากับแพทย์ผิวหนังฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SkinX ติดมือถือไว้เลย เพื่อพบกับโปรสกินแคร์ และดีลความงามจากคลินิกดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดีลโบหน้าเรียว ดีลเคลียร์สิว หน้าใส เพราะผิวดีไม่ต้องรอ!

อ้างอิง

 

Aging+Wrinkles. (n.d.). Restylane. https://www.restylaneusa.com/facial-anti-aging

 

Belotero Balance. (n.d.). Belotero. https://www.belotero.com/learn/

 

Dermal Fillers. (2022, June 4). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/22667-dermal-fillers

 

Patient brochures Restylane Kysse. (n.d.). Restylane. https://www.galderma.com/us/sites/default/files/2020-04/Restylane_Kysse-Patient_Brochure.pdf

 

Patient brochures Restylane Lyft. (n.d.). Restylane. https://www.galderma.com/us/sites/default/files/2019-04/Patient_Brochure_Restylane_Lyft_with_Lidocaine_US.pdf

 

Patient brochures Refyne. (n.d.). Restylane. https://www.galderma.com/us/sites/default/files/2019-04/Patient_Brochure_Restylane_Refyne_US.pdf

 

Patient brochures Defyne. (n.d.). Restylane. https://www.galderma.com/us/sites/default/files/2021-05/Restylane%20Defyne%20Mar%202021.pdf

 

Patient Safety information. (n.d.). Juvederm. https://www.juvederm.com/

 

Why e.p.t.q. (n.d.). Epitiquefiller. https://epitiquefiller.com/why-e-p-t-q/

ปรึกษาแพทย์ออนไลน์
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ใช้งานครั้งแรกปรึกษาฟรี
Tips & Tricks
สาระน่ารู้และข่าวประชาสัมพันธ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า